เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Story of JeBiererealhorita
[Review] ตับอ่อนเธอนั้น ขอฉันเถอะนะ (Kimi no Suizo wo Tabetai)


  • เราเชื่อว่า หลายคนได้ยินชื่อหนังอาจจะรู้สึกแปลกๆ อาจจะคิดว่าหนังเรื่องนี้ เป็นหนังสยองขวัญ หรือเปล่า แต่ในความเป็นจริงแล้ว หนังชื่อเรื่องสุดประหลาดเรื่องนี้ เป็นหนังรักโรแมนติกดราม่าต่างหากละ!!
    ถ้าจะว่ากันตามจริง หนังเรื่องนี้อาจจะไม่ได้เป็นพล็อตแปลกใหม่มากนัก ยิ่งในปีนี้ หนังโรแมนติกดราม่าจากฝั่งญี่ปุ่นก็มีมาให้เลือกดูหลายเรื่องตั้งแต่ต้นปี ทำให้เราไม่ได้คาดหวังถึงบรรยากาศความดราม่า หรือ พล็อตที่แปลกใหม่มากนัก แต่พอได้ดูแล้ว พูดได้แค่ว่า 

    "หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ดีอีกเรื่องนึงในปี 2017 เลยนะ"

    Kimi no Suizo wo Tabetai หรือ ตับอ่อนเธอนั้น ขอฉันเถอะนะ มาจากความเชื่อของคนญี่ปุ่น ที่เชื่อว่า หากร่างกายเราอวัยวะใดอ่อนแอ ให้กินอวัยวะเดียวกันของสัตว์อื่น เพื่อทำให้ร่างกาย(อวัยวะ)ของตัวเองแข็งแรงขึ้น หรือ หากเราเอาอวัยวะที่อ่อนแอให้ใครกิน เราจะยังไม่ได้จากคนๆนั้นไปไหน แต่ยังคงเติบโตอยู่ในร่างกายของคนๆนั้น (แบบที่นางเอกอยากให้พระเอกกินตับอ่อนของเธอนั่นแหละ)



    Kimi no Suizo wo Tabetai หนังเรื่องนี้ เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สร้างมาจากนิยายขายดีในญี่ปุ่น เหมือนๆกับ Tomorrow i will date with yesterday you หรือ Your Name เมื่อต้นปีนั่นแหละ เพียงแต่ว่า หนังเรื่องนี้อาจจะไม่ได้หยิบเรื่องความแตกต่างของช่วงเวลา หรือ การใช้เวลาในโลกคู่ขนานมาเล่นเหมือน 2 เรื่องที่พูดถึง แต่หนังเรื่องนี้เลือกสะท้อนตัวตนของคน 2 คน ที่ไม่มีอะไรเหมือนกันซักนิด



    1 คน เป็นคนชอบเก็บตัว รักสันโดษ ชอบอยู่เงียบๆคนเดียว แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ต้องการใคร แต่ในใจลึกๆแล้ว คนๆนี้ก็ต้องการการยอมรับจากใครซักคนเหมือนกัน

    ส่วนอีก 1 คน มีภาพลักษณ์เป็นคนสดใสร่าเริง เป็นที่รักของทุกคน เป็นคนที่ได้รับการยอมรับจากคนอื่น และเป็นคนที่ยอมรับในตัวตนของคนอื่นๆได้เช่นกัน แต่สิ่งที่อยู่ในใจลึกๆของคนๆนี้ กลับต้องการเป็นคนที่ไม่แคร์ใคร ไม่ต้องกลัวว่าใครจะเจ็บปวด เพื่อที่ตัวเองจะได้ไม่ต้องซ่อนความเจ็บปวดไว้ภายใต้ความร่าเริงสดใส และไม่อยากแบกทุกอย่างไว้ภายใต้รอยยิ้ม

    หนังนำพา 2 คนนี้มาเจอกัน ทำให้คนสองคนที่มีนิสัยต่างกันสุดขั้วได้มาใช้ชีวิตด้วยกัน มีความทรงจำดีๆด้วยกัน ถึงแม้ทั้งสองคนจะรู้อยู่แก่ใจดีว่า ช่วงเวลาแบบนี้จะอยู่ไม่นานนักก็ตาม



    สิ่งที่เราได้เห็นในหนัง 

    สำหรับเรา มันคือความอบอุ่นของความสัมพันธ์ของคนสองคน พระเอกที่ในตอนแรกเหมือนไม่ได้ใส่ใจอาการเจ็บป่วยของเพื่อนร่วมชั้นมากนัก แต่สุดท้ายแล้วกลับเป็นห่วงเพื่อนร่วมชั้นคนนี้และหลงรักในความสดใสในที่สุด

    ความสัมพันธ์ของตัวละคร 2 คนนี้ เป็นความสัมพันธ์ที่ไม่มีชื่อเรียก พระเอกไม่เคยเรียกชื่อนางเอกเลยซักครั้ง และนางเอกก็นิยามความสัมพันธ์นี้แค่ "คุณคนสนิท" เท่านั้นเอง แต่เชื่อเราเถอะ หนังเปลี่ยนความหน่วงของความสัมพันธ์ไม่มีชื่อเรียก ให้กลายเป็นความสัมพันธ์ที่อบอุ่นได้อย่างไม่น่าเชื่อ

    สิ่งที่เกิดขึ้นกัับตัวละคร 2 คนนี้  บอกเราได้ดีว่า คำพูดบางคำ การแสดงออกบางอย่าง ถ้าอยากแสดงออกให้รีบ ถ้ามีอะไรอยากบอกให้พูด ถ้าอยากทำอะไรดีๆให้ใครก็ลงมือทำซะ เพราะวันพรุ่งนี้ที่หวังไว้ มันอาจจะมาไม่ถึงก็ได้



    หนังบอกเราว่า 

    ไม่ว่าเราจะรู้วันสุดท้ายของตัวเองหรือไม่ แต่ไม่ว่ายังไง เราทุกคนก็มีเวลาเท่ากัน การที่เราไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ ไม่ได้หมายความว่า เราจะมีชีิวิตที่ยืนยาว หรือ ผลัดวันประกันพรุ่งกับสิ่งที่ควรทำได้เสมอไป โลกนี้มีคำว่าสายเกินไป โลกนี้มันมีคำว่า "ไม่ทัน" อยู่จริงๆ

    สำหรับเรา หนังเรื่องนี้เป็นมากกว่าหนังรัก มันมีทั้งความอบอุ่นใจ มีทั้งสุขและเศร้า และเป็นหนังอีกหนึ่งเรื่องที่บอกถึง "ประโยคบอกรัก แบบไม่มีคำว่ารัก" ได้ดีอีกหนึ่งเรื่อง

    เคยอ่านเจอว่า ปกติแล้วคนญี่ปุ่นจะไม่ค่อยบอกรักกันเท่าไหร่ ถ้าในหนังสือเรื่อง If cat disappeared from this world ประโยคบอกรักคือ "อย่าหายไป" คำว่ารักในหนังเรื่องนี้ ก็คงซ่อนอยู่ในประโยคที่ว่า 

    "ฉันอยากกินตับอ่อนของเธอ" นั่นแหละ
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in