เริ่มแรกในหนังสือมีการเกริ่นถึงผู้แต่งไว้มากพอสมควร ส่วนตัวแนะนำว่าให้ข้ามไปอ่านเนื้อเรื่องก่อน แล้วค่อยมาอ่านประวัติผู้แต่ง เพราะถ้าอ่านประวัติผู้แต่งก่อนมันจะเหมือนเป็นการติดภาพนิสัยส่วนตัวของผู้แต่งเข้าไปด้วย อาจจะมีผลทำให้เรารู้สึกกับหนังสือต่างออกไป
เพราะเนื่องจากผู้แต่งเรื่องนี้ได้เสียชีวิตแล้ว หน้าแรกๆของหนังสือก็มีประวัติการทำงานคร่าวๆ คำวิจารณ์ บทสัมภาษณ์บางส่วน แนะนำว่า ให้ไปอ่านเนื้อเรื่องก่อนจะดีกว่า
หนังสือเล่มนี้เคยใช้เป็นคล้ายๆหนังสืออ่านนอกเวลาบ้านเรา ของฝรั่งเค้าด้วย
นอกจากนี้ยังมีละครเวที และภาพยนต์ด้วย แต่ส่วนมากสร้างเมื่อนานมาแล้ว
หลังจากอ่านจบ รู้สึกเข้าใจในสิ่งที่จอร์จทำ ซึ่งบางทีก็เป็นสิ่งสุดท้ายที่เราไม่อยากทำที่สุด แล้วก็เข้าใจว่าเราห้ามปัญหาให้ไม่เข้ามาหาตัวเราไม่ได้ บางทีเราก็ควบคุมความบังเอิญที่จะเกิดขึ้นไม่ได้ และบางทีเราก็ไม่ได้ตั้งใจจะทำอะไรแย่ๆ (ทั้งในส่วนของจอร์จ และส่วนของเลนนี) จะเห็นได้ว่าเราพยายามที่สุดแล้ว แต่เรื่องแย่ๆก็ยังเกิดขึ้น (ในเรื่องจะเห็นได้ว่า ทั้งเลนนี และจอร์จ ได้พยายามมากๆที่จะไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น)
เราทุกคนต้องการเพื่อน ต้องการใครซักคนให้พูดคุย หากเราตัวคนเดียว เดินทางคนเดียว นานไปจะทำให้จิตใจเราแข็งกระด้าง เพราะเราไม่ต้องคำนึงถึงใคร นอกจากตัวเราเอง
เราทุกคนฝันถึง "ที่ดินแปลงนั้น" ของตัวเอง และคนบางคนก็อยู่ได้ด้วยความฝันพวกนี้ ถึงมันจะเป็นแค่ความฝัน แต่บางคน (เลนนี) ก็ยังอยากได้ยินจอร์จเล่า แค่ได้ยิน มันก็เยียวยาได้จริงๆ มันสามารถทำให้เรารู้สึกดีขึ้นได้ ส่วนตัวแล้ว เราคิดว่า ถ้าใครมีความฝันคงจะเข้าใจ การได้จินตนาการถึงความฝัน สิ่งที่ตัวเองอยากทำ มันเป็นห้วงเวลาหนึ่งที่รู้สึกดีจริงๆ คล้ายๆกับว่าเราจะทำมันสำเร็จ มันอยู่ใกล้ๆนี่เอง เพียงแต่เรายังขาดอะไรอีกซักอย่าง สองอย่าง เพื่อทำให้มันเป็นความจริง
เพราะฉะนั้นแล้ว
เราทุกคนเป็นจอร์จและเลนนี
"เนื้อในมนุษย์ล้วนขาดพร่องด้วยกันทั้งนั้น เช่นนี้แล้วจึงต่างเสาะหาส่วนที่ขาดหายเติมใส่ชีวิตตน เพื่อมิให้แห้งเหี่ยว เปลี่ยวเหงา แต่เอาเข้าจริงแล้วจะไปหามาจากไหน ในเมื่อมนุษย์เราแต่ละคนต่างมีข้อจำกัด ดังนั้นมีก็แต่จำต้องพึ่งพาอาศัยเพื่อนร่วมโลกที่ขาดๆเกินๆ พอกัน แก้ขัดด้วย อย่างน้อยก็ดีกว่าชีวิตไม่มีใครเอาเสียเลย"
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in