10 - 11 กุมภาพันธ์ 2561
ทริปนี้เริ่มต้นจากเห็นโพสต์หาคนหารเฉลี่ยค่าน้ำมันในเพจหรือกลุ่ม "เที่ยวหารเฉลี่ย" ไป "คำชะโนด" ก็สนใจเพราะชอบแบบนี้มากกว่าไปกับทริปทัวร์ เพราะจะได้จ่ายเงินตามราคาจริงมากกว่าบวกกำไรเพิ่มเหมือนไปกับพวกทริปทัวร์ เลย Comment ใต้โพสต์ว่าสนใจ และถูก Add เข้าไลน์กลุ่มคนที่ไปทริปนี้
ออกเดินทางคืนวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ก็ออกจากที่ทำงานแล้วนั่งมอเตอร์ไซด์ไปต่อ BTS แล้วต่อมอเตอร์ไซด์ไป ปตท. วิภาวดี ไปถึงประมาณ 3 ทุ่มเศษ อ่านในไลน์ที่เขานัดๆ เจอกันก็หาใครไม่เจอ จนเจ้าของทริปโทรเข้ามาเลยเจอรถยนต์จอดอยู่ 2 คัน เจ้าของทริปก็บอกเลือกนั่งได้ เราก็ไม่รู้ไปคันไหนก็เลยไปคันเจ้าของทริปซึ่งเป็นคันเล็กกว่าแต่อัดกันไป 5 คน ส่วนอีกคันใหญ่กว่าไปกัน 4 คน ซึ่งเราก็ไม่รู้จักใครมาก่อนเลยแม้แต่เจ้าของทริป แต่เหมือนคนอื่นๆ ก็อาจพอรู้จักกันมาบ้าง อย่างเจ้าของทริปกับเจ้าของรถอีกคัน หรือกับลูกทริปบางคน แต่บางคนก็เหมือนไม่รู้จักใครเหมือนเรา แต่เขามาแบบเป็นคู่ เราไปของเราคนเดียว สรุปทริปนี้ไปกัน 9 คน
ออกเดินทางกันเกือบ 4 ทุ่ม เจ้าของทริปเป็นคนขับมี Walkie Talkie คุยกับรถอีกคันจะได้ไม่ง่วง เรานั่งหลังติดประตู ก็พยายามนอน แต่ความจริงอยากอาบน้ำมาก พอดีมาจากที่ทำงาน ก็คิดว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรเพราะไปทั้งวันไม่ได้อาบน้ำแถมพรุ่งนี้ไป "คำชะโนด" ด้วยคงไม่สบายตัว เหนียวตัวมากๆ
รถก็ขับไปเรื่อยๆ แวะเข้าห้องน้ำบ้างจนตี 4 กว่าก็มาถึง จ.ของแก่น เจ้าของทริปพาแวะร้าน "เอมโอช" เพื่อทานอาหารเช้า เจ้าของทริปก็ให้รวมเงินกันคนละ 1,000 บาทเป็นกองกลางไว้ก่อน เราดูเมนูไม่รู้ทานอะไรให้อิ่ม เจ้าของทริปก็แนะนำลูกทริป "ไข่กระทะ" เราไม่แน่ใจจะอิ่มไหมเลยสั่งก๋วยเตี๋ยวกับโอวัลตินมาทาน
มื้อแรกมีความแตกต่างทางด้านราคาอาหารหลากหลาย เลยตกลงจ่ายของใครของมันก่อน เจ้าของทริป ก็ถามมีใครอยากอาบน้ำไหม ซึ่งเราเป็น 1 ในนั้นอย่างแน่นอนเพราะเหนียวตัวมาก ตอนแรกเจ้าของทริปไปถามโรงแรมฝั่งตรงข้ามร้านประมาณขออาบน้ำหรือจ่ายค่าห้อง 1 ห้อง แต่จำไม่ได้ว่าอาจจะแพงไป ลูกทริปบางคนอาบน้ำมาก่อนออกจากบ้านแล้วเมื่อคืนก็ไม่อาบน้ำอีก ส่วนบางคนอยากอาบน้ำก็เลยเดินตามเจ้าของทริปหาโรงแรมที่ราคาไม่แพงเพื่ออาบน้ำ จนมาได้ห้องที่ "โรงแรมแสนสำราญ" ไม่ทราบราคาเท่าไหร่เพราะจ่ายเงินกองกลาง
ห้องที่เรามาอาบน้ำกัน 3 คนคือมีเรา และคู่สามีภรรยาที่เป็นเจ้าของรถอีกคัน เขาก็ให้เราอาบก่อน บอกความรู้สึกตรงๆ คือกลัวผี เข้าห้องน้ำไปก็แอบไหว้หรือบอกกล่าวในใจว่าขอแค่อาบน้ำแค่นั้นแล้วก็จะไป พออาบน้ำเสร็จ พี่ผู้หญิงที่มาอาบน้ำห้องเดียวกันก็ให้เรายืมไดรส์เป่าผม ซึ่งขอบคุณเขามาก เราก็ไปเป่าผมหน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้งและถือโอกาสชาร์จแบตมือถือด้วยเลยแล้วกัน
พออาบน้ำกันเสร็จก็มารอกันต่อที่รถ เพราะคนขับอย่างเจ้าของทริปต้องการนอนพัก คนอื่นก็รอในรถบ้าง เดินเล่นอยู่แถวนั้นบ้าง เราปวดท้องแต่หาห้องน้ำเข้าไม่ได้ เลยตัดสินใจเดินไปโรงแรมฝั่งตรงข้าม คือดูแต่ภายนอกดูธรรมดาคือเหมือนโรงแรมตึกแถว แต่พอเดินเข้าไปด้านในหรูดี เราก็เดินเหมือนเป็นแขกแล้วมองหาห้องน้ำ ซึ่งดันอยู่แถว Reception แต่อย่าได้แคร์ ต้องรีบเข้าห้องน้ำก่อน
พอประมาณ 6.30 น. ฟ้าสว่าง เราก็ออกเดินทางกันต่อ จนประมาณ 8โมงเศษก็มาถึง "ทะเลบัวแดง" ลงเรือเที่ยวชมธรรมชาติกัน
บอกตรงๆ ว่าคาดหวังจะเห็นดอกบัวบานสะพรั่งมากมาย แต่ความจริงมีแค่เป็นบางจุดและไม่ได้งามสะพรั่งมากมาย อาจจะเพราะไม่ใช่ช่วงที่ออกดอกงามที่สุด แต่ก็ได้มาเห็น ก็ถ่ายภาพไปเรื่อยๆ ตามทางที่เรือแล่นไป สู่ความเวิ้งว้างอันกว้างใหญ่
มีแวะจอดเรือถ่ายภาพเป็นจุดที่ดอกบัวน่าจะเยอะและดูออกดอกบานน่าสนใจ ก็เลือกถ่ายภาพได้ตามต้องการ ตอนนั้นเพิ่งซื้อมือถือมาใหม่ เลยถือโอกาสลองโหมดกล้องว่ามันมีอะไรบ้างกับดอกบัวนี่แหละ
มีจุดหยุดพักถ่ายภาพหลายจุด ก็ถ่ายภาพดอกบัวกันให้สาแก่ใจ
กลับขึ้นฝั่งตอนประมาณ 10 โมง ก็มีจุดที่เขาถ่ายภาพเราตอนเดินเข้าเขตลงเรือแล้วเอามาปริ้นใส่กรอบ แต่เราไม่ได้สนใจ เดินผ่านไป พวกลูกทริปบางคนก็สนใจสินค้าที่ขายแถวนั้น เราก็เดินตามคนอื่น ดูนั่นนี่ไปเฉยๆ เพราะไม่สนใจจะซื้ออะไรอยู่แล้ว
ออกเดินทางกันต่อไปที่ "คำชะโนด" มาถึงประมาณตอนเที่ยง คนมาเยอะเหมือนกัน หาที่จอดยาก สุดท้ายก็ได้ที่จอดแถวห้องน้ำที่นึง เจ้าของทริป เขาบอกจะมาแก้บน ส่วนเรามาขอพรเรื่อง "งาน" จะหางานใหม่นั่นเอง
เข้าไปข้างใน "คำชะโนด" ก็เดินตามคนอื่นไปเรื่อยๆ ตามทางเดินที่มีราวเป็นพญานาค เราเห็นบางคนมีบายศรี แต่เราก็ไม่ทราบจะซื้อที่ไหน พวกลูกทริปที่ไปด้วยก็ไม่เห็นซื้ออะไรเลย เดินตามกันไปเฉยๆ มือเปล่า
พอมาถึงจุดที่จะเข้าไปไหว้ "พ่อปู่ศรีสุทโธ แม่ย่าศรีปทุมมา" คนก็เยอะพอสมควร คือแถวยาวเลยล่ะต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งบริเวณนั้นก็มีคนมาขูดหาหวยหลายคนเหมือนกัน
เราเห็นเจ้าของทริปไม่ได้ไปต่อแถวแค่ไปยืนริมศาลาของ "พ่อปู่ศรีสุทโธ แม่ย่าศรีปทุมมา" ด้านหนึ่งแล้วแค่ยกมือไหว้ เราก็ไม่รู้จะไหว้ที่ไหนก่อน เจอรูปเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ยกมือไหว้ แล้วเดินไปที่สระที่มีีรูปปั้นองค์พญานาคใหญ่ มีคนรายล้อมมากมาย เอาน้ำรดศรีษะก็มี เราก็ทำตาม
ใจเราอยากเข้าไปไหว้ "พ่อปู่ศรีสุทโธ แม่ย่าศรีปทุมมา" มากๆ แม้รู้เจ้าของทริปให้เวลาน้อย และมีที่อื่นต้องเดินทางไปต่อ แต่เราก็ไม่รู้จะได้กลับมาที่นี่เมื่อไหร่ เลยอยากไหว้มาก เลยเดินออกไปจากจุดนั้นเพื่อไปซื้อบายศรีด้านนอกซึ่งมีขายอยู่หลายราคา
ได้บายศรีที่ต้องการแล้วก็เดินข้ามทางเดินพญานาคมาต่อแถวที่ศาลา "พ่อปู่ศรีสุทโธ แม่ย่าศรีปทุมมา" ซึ่งแถวยาวและมีหลายแถว ทำพิธีกันเป็นรอบๆ
ตอนถึงรอบเราก็มีการเก็บกวาดบายศรีที่วางถวายกันไว้เต็มก่อน พอเก็บกวาดเสร็จ เราก็รีบเข้าไปเพื่อจะได้นั่งหน้าตรงกับ "พ่อปู่ศรีสุทโธ แม่ย่าศรีปทุมมา" เพื่อขอพรให้ท่านเห็นเราและได้ยินคำขอพรของเราชัดๆ ซึ่งเรื่องที่ขอก็คือเรื่อง "งาน"
เมื่อทำพิธีขอพร "พ่อปู่ศรีสุทโธ แม่ย่าศรีปทุมมา" แล้วก็ลงบันไดทางด้านข้าง ซึ่งจะมีศาลาเล็กทำพิธีขอพรโดยมีพราหมณ์มานำสวด เรายังมีดอกดาวเรืองอยู่ เลยเข้าไปทำพิธีขอพรด้วย
ความจริงศาลาเล็กจะมี 2 ด้าน พอเราทำพิธีสวดขอพรด้านหนึ่งเสร็จ เราก็มาไหว้ขอพรเองอีกด้าน นอกจากนี้ยังมีศาลาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ริมอีกด้านของศาลา "พ่อปู่ศรีสุทโธ แม่ย่าศรีปทุมมา" ด้วย เราก็เข้าไปไหว้ขอพรเพื่อขอให้หางานใหม่ได้ซักที
เมื่อไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้ว ก็เดินอ้อมไปด้านหลังอีกนิดก็เจอฆ้อง 2 อันที่มีคนมาลูบ เชื่อกันว่าถ้าลูบแล้วเสียงดังจะขอพรได้สัมฤทธิ์ผล เราก็เลยต่อแถวรอลูบฆ้องขอพรบ้าง
ความจริงคนก่อนหน้าเรา 2 - 3 คน ลูบฆ้องไม่ดังนะ หรือดังนิดเดียว เราก็กังวลว่าเราจะทำได้ไหม แต่พอลองปรากฏดังทั้ง 2 ฆ้อง แต่ก็มีคนที่รอบอกว่าเราตีฆ้อง (นินทาข้างหลัง) แต่ไม่รู้ซินะ แต่เราว่าเราลูบ แต่ถามจริงๆ ว่าได้ตามที่ขอไหม งานใหม่อ่ะได้ แต่ 2 เดือนหลังจากนี้ (ได้งานใหม่ 11 เมษายน 2561) แต่ไม่ได้บริษัทที่ขอ คนเราบุญวาสนาไม่ถึงก็คือไม่ถึง ต้องทำใจ คนเราแข่งบุญแข่งวาสนาไม่ได้ แต่ได้งานใหม่ก็ดีแล้วแหละ
ไหว้ขอพร ลูบฆ้องขอให้พรที่ขอสำเร็จผลแล้วก็รีบเดินออกมาด้านหน้าเพราะรู้ตัวเลยว่าเลยเวลามาเยอะ แล้วก็จริง คนที่อยู่รถเดียวกับเราไม่พอใจ ตอนนั้นบ่ายโมงกว่าแล้ว ความจริงเขาให้เวลาชั่วโมงเดียวมั้ง พอมาถึงที่จอดรถ รถอีกคันไปร้านอาหารแล้ว คือสรุปรอเราคนเดียว ก็รู้สึกผิดเพราะคนอื่นต้องมารอ แต่เรามีเรื่องทุกข์ร้อนของเราเหมือนกันแล้วจำเป็นต้องหางานใหม่ให้ได้จริงๆ เลยอาจเบียดเบียนคนอื่น ก็ยอมรับ แต่ที่ "คำชะโนด" เราก็ไม่ได้มาง่ายๆ จริงๆ
ออกเดินทางต่อไปร้านอาหาร ซึ่งไกลมากๆ กว่าจะถึงก็บ่ายสามโมงเศษแล้ว เป็นร้านแหนมเนืองชื่อดัง ซึ่งมาถึงโต๊ะ รถอีกคันที่มาก่อนก็สั่งอาหารกันแล้ว ซึ่งขอบอกเลยว่าอาหารอร่อยจริง สมกับที่เจ้าของทริปแนะนำและพามาทานกัน
ความจริงมีสถานที่ท่องเที่ยวหนึ่งที่เจ้าของทริปจะพาไป แต่ไปไม่ทันเพราะเรานั่นเองที่ออกมาจาก "คำชะโนด" ช้า ซึ่งความจริงก็เป็นสถานที่ที่เราอยากไปด้วย เสียใจเหมือนกัน
พอทานอาหารเสร็จ เราก็เดินทางกันต่อไปที่ "วัดโพธิ์ชัย" ซึ่งเจ้าของทริปเล่าประวัติให้ฟังถึง "องค์พระใส" ซึ่งฟังแล้วศักดิ์สิทธิ์แน่นอน ต้องรีบไปขอพร
เมื่อเราออกจาก "วัดโพธิ์ชัย" เจ้าของทริปก็พาเราเดินทางต่อไปยังที่พักริมแม่น้ำโขง ชื่อ "บ้านไม้ริมโขง"
ซึ่งพอเดินไปด้านหลังตรงที่ทานอาหาร จะเจอบรรยากาศแม่น้ำโขงที่สวยงาม ที่นั่งชิล แบบทานอาหารไปชมวิวแม่น้ำโขงไป
หลังเดินสำรวจ เราก็มารอเรื่องห้องพักที่เจ้าของทริปติดต่ออยู่ ก็มีจ่ายค่าห้องด้วย เราพักกับพี่อีกคนที่มารถคันเดียวกัน คือเขามาคนเดียว (แต่เหมือนรู้จักเจ้าของทริปมาก่อน) เราก็มาคนเดียว ผู้หญิงเหมือนกันก็เลยมาพักห้องเดียวกัน
ห้องเราอยู่แยกกับห้องคนอื่นแบบเดินไปคนละทาง แต่หน้าห้องมีเก้าอี้หวายทรงไข่แบบแขวน มีชิงช้า ก็น่ารักดี ชอบชอบ เปิดประตูห้องเข้าไปคือห้องใหญ่มาก แบบห้องครอบครัว มี 2 เตียงใหญ่ ห้องน้ำ 1 ห้อง มีโซฟายาว 2 ตัว พี่อีกคนเข้าไปจองเตียงด้านใน เราเลยนอนเตียงด้านนอก ซึ่งตอนแรกๆ เหมือนแอร์ไม่ตก เลยร้อนๆ ไงไม่รู้
สิ่งที่เราทำนอกจากได้เตียงนอน คือเดินสำรวจห้อง ถ่ายภาพและหาปลั๊กไฟชาร์จแบตมือถือและ Power Bank แต่ห้องดีจริงๆ แบบเรา 2 คนได้นอนเตียงใหญ่คนละเตียงเลย
ด้านหน้าห้องก็มีชิงช้าและเก้าอี้หวายแบบแขวนรูปไข่ น่านั่งเล่นมาก
ทุ่มหนึ่งก็คือเวลานัดทานข้าวของพวกเรา ก็แบ่งเป็น 2 โต๊ะ ใช้เงินกองกลางออก เราก็ดูเมนูไม่อยากสั่งแพงมาก แต่ก็ต้องแล้วแต่คนอื่น โต๊ะข้างๆ ดื่มพวกเหล้าเบียร์ด้วย ตอนแรกก็กังวลเอาเงินกองกลางออกก็ไม่แฟร์ดิ แต่สุดท้ายตอนเก็บเงิน เจ้าของทริปก็บอกแยกพวกเหล้าเบียร์ออกจากค่าอาหาร ส่วนอาหารที่มาเสิร์ฟ น่าทานทุกจาน คุ้มที่สั่ง ตอนมานั่งดูรูปที่ถ่ายภาพไว้ยังอยากทานอีก 555+
ทานข้าวเสร็จก็เข้าห้องพักผ่อน พรุ่งนี้มีนัดออกตั้งแต่เช้ามืดไป "ภูห้วยอีสัน" คือใครตื่นได้ก็ไป
นัดเจอตอนประมาณตี 5.30 น. (มั้ง) ก่อนออกจากห้องก็ส่องไลน์ดูว่ามีการเคลื่อนไหวหรือมีคนออกจากห้องหรือยัง ปรากฏตอนเดินทางคนก็ไปไม่ครบ มีแค่รถของเรา 5 คนที่มารถคันเดียวกันเท่านั้น ไปถึงลานขึ้นรถอีแต๋นตอนประมาณ 6 โมงเช้า บางคนก็หาของทานก่อนขึ้นรถอีแต๋น แต่สิ่งหนึ่งที่เรารู้จากการถ่ายภาพแสงน้อยมาก คือกล้องมือถือของเราห่วยแตก ไม่เหมือนที่โชว์ในเว็บที่ถ่ายออกมาได้โอเคแม้แสงน้อย หรือตอนที่ถ่ายภาพแสงอาจน้อยมากเกินไปก็ได้
ตอนขึ้นรถอีแต๋น เรารีบไปนั่งหน้า เพราะอยากชมวิวและถ่ายภาพแบบไม่มีอะไรบัง ก็มีผ้าห่มให้ด้วย เรานั่งคู่กับพี่ที่นอนห้องเดียวกันนั่นแหละ แต่ถ่ายภาพอะไรได้บ้าง ก็มืดขนาดนั้นก็ไม่ได้อะไรเลย 555+
6 โมงเศษก็ขึ้นมาถึง "ภูห้วยอีสัน" ก็ชมวิวชมธรรมชาติจากบนเขาเหมือนที่เราเคยไปบนเขาที่อื่นๆ แล้วชมวิวจากที่สูง ก็สวยดี ยืนอยู่ตั้งแต่ฟ้าเริ่มสว่างจนสว่าง ยังเห็นดวงจันทร์อยู่ลิบๆ อยู่เลย
ดื่มด่ำ ถ่ายภาพกับธรรมชาติกันจนนานเลยแหละ และเราก็ถ่ายภาพพระอาทิตย์ลิบๆ ได้ ตอนนั้นเกือบ 7 โมงเช้าแล้ว
คือถ่ายภาพจนไม่รู้จะถ่ายอะไรแล้ว ถ่ายรูปก็แล้ว คลิปก็แล้ว จน 7 โมงนิดๆ เราก็ลงจาก "ภูห้วยอีสัน" กัน ตอนนี้คุณป้า 2 คนที่มาด้วยขอนั่งหน้า เรากับพี่อีกคนและเจ้าของทริปเลยไปนั่งหลัง นั่งหลังก็ชิลดี คือพี่อีกคนกับเจ้าของทริปคุยกัน เราก็ชมธรรมชาติไปเงียบๆ คนเดียว
ตอนมาถึงทางออกด้านล่าง คนขับรถอีแต๋นก็หยุดรถ แล้วเดินไปหยิบกล้วยหวีหนึ่งให้คุณป้า 2 คนด้านหน้า
ตอนหลังเรื่องนี้มีการแซวกัน ได้ยินจากคนอื่นว่าคุณป้าคนหนึ่งไปขอพรที่ "คำชะโนด" ขอให้ได้หรือทำอะไรให้ได้อย่างกล้วยๆ คือทำให้สำเร็จได้ง่ายๆ แล้วมีคนแซวว่า อาจพูดเร็วไป ""พ่อปู่ศรีสุทโธ" เลยฟังเป็นขอให้ได้ "กล้วย" แทน ซึ่งก็ฮากันไป
มาถึงลานจอดรถอีแต๋นก็ประมาณ 6.30 น. ก็ขึ้นรถกลับที่พัก อากาศดีมากจนต้องเปิดหน้าต่างให้ลมพัดเข้ามา ระหว่างทางก็แวะชมวิวริมแม่น้ำโขง ถ่ายรูปกันสักนิดนึง วิวสวยๆ ในบรรยากาศเช้าๆ
กลับมาถึงที่พักตอน 8 โมงก็มาทานอาหารเช้ากัน พิเศษคือฟ้าสว่างแล้ว ตอนนี้ก็ถึงเวลานั่งชิล ทานอาหารเช้าไปชิมวิวไป อาหารเช้าก็บุฟเฟ่ต์ ก็มีไข่ดาว ข้าวต้ม ขนมปังปิ้ง แบบมื้อเช้าตามที่พักทั่วไป
ออกเดินทางกันต่อตอนประมาณ 10 โมงเช้า แต่ระหว่างนั่งรอเวลารถออก เจ้าของทริปก็มานั่งคุยหน้าห้องเรา คุยกัน 3 คน มีเรา มีพี่ที่เป็นรูปเมทและเจ้าของทริป เขาก็เล่าเรื่องภรรยาเขาให้ฟัง ความจริงเขาก็เป็นไกด์และทำทัวร์ของตัวเองด้วย
สถานที่ต่อไปคือ "วัดผาตากเสื้อ" ที่มี skywalk ตอนมาถึงที่วัด รถจอดเยอะมากเหมือนวันนี้มีพิธีอะไรด้วย มีโต๊ะที่เขาจัดแจกน้ำและอาหารฟรี เราก็แยกย้ายกันเดิน เพราะเราก็ชิลๆ ของเราคนเดียวสบายมาก จุดที่เราสนใจจะไปคือ skywalk แต่ระหว่างทางก็ผ่านองค์พระปางนาคปรกเลยไหว้พระก่อน
เดินต่อไปอีกไม่ไกลก็เจอ skywalk ซึ่งก็น่าผิดหวังเพราะเล็กนิดเดียว ตอนแรกคิดว่าทางเดินจะยาวกว่านี้
ออกจาก skywalk เราก็เดินต่อไปจนเจอกับขั้นบันไดสูงที่มีโบสถ์อยู่ด้านบน ไหนๆ ก็มาที่นี่แล้ว เราเลยเดินขึ้นไปไหว้พระทำบุญด้านบน
พอลงจากโบสถ์ เราก็เดินย้อนกลับทางเดิม ก็ผ่านองค์พระปางนาคปรก เราเลยเดินเข้าไปทำบุญไหว้ขอพรเพราะเมื่อกี้แค่ยืนไหว้เท่านั้น
หลังทำบุญเสร็จไม่มีที่ไปแล้ว เราก็มารออยู่แถวๆ จุดนัดพบก็กินน้ำฟรีไปอย่างเดียว พอคนครบก็ออกเดินทางต่อไปยัง "วัดป่าภูก้อน"
เข้าไปด้านในจะพบ "พระพุทธไสยาสน์โลกนาถศาสดามหามุนี"
ก็ไปทำบุญพระไตรจีวร เดินวน 3 รอบรอบองค์พระ ก่อนมานั่งอธิษฐานจิตขอพรต่อหน้าองค์พระ
เมื่อไหว้พระทำบุญเสร็จแล้วก็เดินดูรอบๆ อุโบสถ ก็มีรูปหล่อของพระองค์สำคัญของพระพุทธศาสนาหลายองค์รอบอุโบสถพร้อมประวัติความสำคัญของพระแต่ละองค์
บ่ายโมงกว่า เราก็ออกเดินทางต่อเพื่อกลับกรุงเทพฯ เดินทางรอนแรมไปเรื่อยๆ จนฟ้ามืด ตอนแรกเจ้าของทริปมีแพลนจะพาเราไปทานอาหารร้านดังร้านหนึ่ง คืออยากไปมาก แต่ปรากฏไปไม่ทัน สุดท้ายแวะปั๊ม ปตท. สระบุรีทานก๋วยเตี๋ยวแทน
สุดท้ายเราก็กลับมาสู่ ปตท. วิภาวดีตอนเที่ยงคืน ก่อนแยกย้ายกันก็มีการหารเงินกองกลางคืน ได้คืนมา 140 บาท ขอบคุณทุกคนมากค่ะและโบกมืออำลา แยกย้ายๆ
ทริปนี้เป็นทริปที่ไม่รู้จักใครมาก่อนแล้วติดรถหารเฉลี่ยค่าน้ำมันไปกับเขา ก็เป็นความประทับใจกับสถานที่ต่างๆ และประสบการณ์ดีดีครั้งหนึ่ง และเป็นทริปที่ได้ไป "คำชะโนด" ในราคาที่ไม่บวกอะไรเพิ่มด้วย เพราะเดือดร้อนเรื่องหางานใหม่จริงๆ ขอบคุณเจ้าของทริปและเพื่อนร่วมทริปด้วยที่ได้ร่วมทริปกันมา 2 วันค่ะ (พวกเขาคงไม่รู้หรอก ขอบคุณในใจ)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in