การทำ "พาสปอร์ท"หรือที่คนไทยเรียกกันอย่างเป็นทางการว่า "หนังสือเดินทาง" เป็นครั้งแรกที่ได้เกิดขึ้นกับเดียร์ใน...
วันศุกร์ที่เจ็ดเดือนเมษายน พุทธศักราชสองพันห้าร้อยหกสิบ (๗ เมษายน ๒๕๖๐) เดียร์ตื่นเช้าเป็นพิเศษ พร้อมกับแม่สุดที่รักแม่ของเดียร์และแม่ของแพรวนัดหมายกันอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะไปเจอกันเพื่อที่จะไปทำหนังสือยินยอม แม่แพรวตื่นเต้นมากที่ลูกสาวคนเดียวของเธอจะเดินทางไปต่างประเทศเป็นครั้งแรก
ยามเช้าของวันปกติอาจมีแรงโน้มถ่วงของโลกหรือพลังอะไรบางอย่างจากเตียงนอนที่ดึงดูดเดียร์ไว้ให้รักความนุ่มสบายของหมอนและซุกใต้ผ้านวมอันอบอุ่น แต่ไม่ใช่กับวันนี้
วันที่เดียร์มีเป้าหมายจะทำอะไรบางอย่างมันเหมือนมีพลังที่เหนือกว่าดึงดูดสมองของเธอให้รู้สึกมีพลังและสามารถเอาชนะความสบายของที่นอนนั้นออกมาได้มันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างแปลก ทุกๆวัน เธอนอนบนเตียงเดิมแต่ความคิดที่ต่างกันทำให้การปฏิบัติต่อการตื่นนอนนั้นต่างกัน เดียร์เรียกการตื่นนอนแบบนี้ว่า "การตื่นนอนอย่างมีเป้าหมาย"
เพราะ เวลาที่เรามีเป้าหมาย (Goal) เราจะมีพลังอย่างน่าเหลือเชื่อ ในการเอาชนะสิ่งที่ไม่สำคัญต่อเป้าหมาย เช่น การต้องตื่นเช้าเพื่อไปเขตก่อนเวลาแน่นอนเป้าหมายที่แท้จริงของเดียร์คือ การเดินทางไปญี่ปุ่นส่วนการตื่นเช้าเพื่อไปทำหนังสือยินยอมก็เป็นส่วนประกอบหนึ่งของเป้าหมายเดียร์มันเป็นสิ่งที่เธอต้องทำ ความขี้เซาเอาชนะเธอไม่ได้ เธอหัวเราะในใจกับตัวเองราวกับว่าเป็นชนะที่ยิ่งใหญ่แม้ในความจริงมันเป็นแค่การเอาชนะสิ่งเล็กๆ
แน่นอนว่าเดียร์และแพรวร่างไม่น้อย แต่พวกเธอเป็นผู้ที่อายุเกิน 15 ปี และยังไม่ถึง 20ปี นั่นเป็นเหตุผลว่า การยังไม่บรรลุนิติภาวะนั้นพวกเธอจำเป็นต้องมีผู้ปกครองยินยอมในการจะกระทำใด ๆ ก็ตาม อย่างเช่น การเดินทางออกไปในที่ที่ห่างไกล
ณ เขตบางจุดจุดจุดแม่ของเดียร์บอกว่าเจ้าพนักงานดูไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่แสดงออกมาจากโทนน้ำเสียงประชดประชันเวลาตอบคำถามแต่หลังจากที่เห็นบัตรข้าราชการของแม่เดียร์สีหน้าของเธอเปลี่ยนและบริการดีขึ้นจนผิดหูผิดตา รวมทั้งโทนเสียงของเธอด้วย
เธออาจจะเหนื่อยจากการตื่นเช้าโดยไม่มีเป้าหมายก็เป็นได้เธออาจจะเรื่องไม่ดีมาก่อนหน้า และการที่เธอเปลี่ยนท่าทีเพราะอาจกลัวว่าความเหนื่อยอ่อนของเธอที่แสดงต่อแม่เดียร์ในแง่ลบก่อนหน้าเธออาจจะโดนส่งจดหมายร้องเรียน
ซึ่งแม่ของเดียร์ไม่ทำอย่างนั้นแน่นอน...แต่ถ้าเป็นคนอื่นที่เจอแบบนั้น ก็ไม่แน่
หลังจากขอหนังสือยินยอมที่เขตเรียบร้อยพวกเราทั้งสี่คนโบกแท็กซี่เพื่อไปกรมการศุล ใช่แล้ว! พวกเราจะไปทำหนังสือเดินทางกัน ระหว่างทางแม่ก็ตัดสินใจโทรหาพี่สาวของเดียร์
"ไปทำหนังสือตรงไหน" แม่ถาม
พี่สาวของเดียร์ก็ตอบกลับมาด้วยความใสๆ ว่า "แม่ไปถามเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ก็ได้ว่ามาทำหนังสือเดินทางครั้งแรก ทำยังไงคะ"
แม่ถึงกลับพุ่งสำลักออกมาเป็นเสียงหัวเราะ
คนทั้งรถถึงกับฮา แล้วพูดกันว่า "ไม่บอกไม่รู้นะเนี่ย"
ถึงแล้ว! กรมการศุลแก๊งคุณแม่และเดียร์กับแพรวเดินเข้าไปพร้อมกับแสงแดดที่แผดเผาเมื่อร่างกายได้ปะทะไอเย็นของแอร์ ทุกคนถึงกับฟินกันถ้วนหน้า พวกเราทั้งสี่เดินไปที่เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์เพื่อสอบถามรายละเอียดเมื่อได้ความแล้วก็ไปต่อแถวเพื่อรับบัตรคิว
เดียร์ได้ต่อแถวเพื่อรับบัตรคิวพลางมองผู้คนรอบตัวโอ้โหเยอะจัง ขนาดมาทำวันธรรมดาๆนะเนี่ย เดียร์คิดในใจ แต่นึกขึ้นได้ว่าการทำหนังสือเดินทางได้นั้น วันมีเฉพาะวันจันทร์ถึงศุกร์
คนที่เดินทางมีเยอะมากมายจริงๆ พวกเขากำลังเดินทางไปไหนกันนะ เขาคนนั้นหรือเธอคนนั้น จะไปเหมือนเดียร์ญี่ปุ่นหรือเปล่า เป้าหมายของพวกเขาคือที่ไหนกัน ? เดียร์ตั้งคำถามในใจราวกับมีความสามารถในการเชื่อมต่อความคิดกับผู้คนรอบตัวเธอ
เมื่อถึงคิวเดียร์ เธอได้ยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่หลังจากนั้นเมื่อได้รับบัตรคิวมาก็ถึงกับตกใจจำนวนคิวที่ต้องรอ เพราะรอ 150 คิว โอ้พระเจ้า (Oh my god!) แต่รอเกือบจะหนึ่งชั่วโมง ไม่นานนักก็ถึงคิวเดียร์เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานได้รวดเร็วจริงๆ
เสียงประกาศหมายเลข 933 ดังขึ้นเดียร์จึงลุกพร้อมกับหยิบเอกสารที่แม่ช่วยจัดไว้ให้เพิ่มเติมคือหยิบลิปติสสีสวยมาปาดบนริมฝีปากให้ดูขึ้นกล้องอีกทั้งยังหยิบเสื้อคลุมเบลเซอร์สีโอรสของพี่สาวที่เตรียมมาจากบ้านสวมทับเสื้อเชิ้ตสีขาวเข้าไปอีกทีตอนนี้เดียร์มีภาพลักษณ์เป็นมืออาชีพ (Professional) พร้อมเดินทาง ทั้งๆที่ยังไม่ได้ออกเดินทาง
เมื่อเดินเข้าไปเจ้าหน้าที่ขอดูบัตรคิวและบัตรประชาชนและพาเดียร์ไปวัดส่วนสูง ซึ่งตรงนี้ขอไม่ระบุว่ากี่เซนติเมตร...หลังจากวัดส่วนสูงเสร็จ เจ้าหน้าที่ก็ให้เดียร์เดินไปยังช่อง 30 เพื่อเตรียมตัวถ่ายรูปทำหนังสือเดินทาง เดียรู้สึกตื่นเต้น
เธอเดินเข้าไปพร้อมกับยกมือไหว้สวัสดีเจ้าหน้าที่เขาขอดูเอกสารต่างๆของเดียร์ และขอให้เดียร์ยื่นนิ้วมือเพื่อมาสแกนครบทุกนิ้วอีกทั้งยังให้ส่องกระจกแว้บนึงก่อนถ่ายรูปเธอ
"หวีผมไหมได้ไหมคะ?" เดียร์ถาม
แต่เจ้าหน้าที่บอกไม่มี เดียร์เลยใช้มือเธอสางผมเป็นผมแสกกลางพร้อมกับหน้าอมยิ้มเล็กน้อย ในหัวเธอเห็นปราสาทโอซาก้าลอยไปลอยมาพอภาพออกมาไม่ค่อยเป็นที่น่าพอใจ เธอจึงขอถ่ายใหม่อีกรอบและถึงผลรูปที่ออกมาดูจะไม่โอเค แต่เธอก็เกรงใจเจ้าหน้าที่ เธอจึงตัดสินใจ
จากนั้นก็ไปจ่ายเงิน 1000 บาท พร้อมกับเดินไปเล่าให้อีกสามคนฟัง จากนั้นก็นั่งแท็กซี่ไปโลตัสหลักสี่เพื่อหาอาหารรับประทานได้ร้านยาโยอิ เดียร์กับแพรวสั่งขู้าวหมูทอดแกงกระหรี่ แม่เดียร์สั่งหมูชีสแม่แพรวสั่งปลาซาบะ
. . . . . . . .
ถึงวันรับพาสสปอร์ต วันที่ 11 เมษายนสดๆ ร้อนๆ
(ทางเข้า) : การตกแต่งตึกสวยงามมากค่ะ
(สวนข้างหน้า) : เห็นการตกแต่งสวนแล้ว ไม่แปลกใจเลย ทำไมสวนถึงสวยอยูตลอด ขอบคุณนะค่ะ
(น้ำพุ) : ทำให้บรรยากาศยิ่งลงตัวไปอีก
(คำเตือน) : สำคัญมาก ๆ เลยนะค่ะ เพื่อประเทศชาติของเรา ต้องทำตามกฏหมายนะค่ะ
ด้วยรัก,
(to be continued: เตรียมแผนการ)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in