ช่วงนี้ด้วยความที่กลับมาอยู่บ้าน ทำให้เรามีเวลาว่างเยอะขึ้น เวลาที่จะเขียนก็เยอะตามมาด้วย แต่เพราะว่าเรานิ่งอยู่กับที่แรงบันดาลใจในการเขียนก็เลยไม่ค่อยจะมีเท่าไร ต้องขอโทษคนที่รอตามอ่านนิยายของเราที่เขียนทิ้งไว้ด้วยนะคะ แต่สัญญาว่าจะไม่ทิ้งแน่นอนเนาะ
พอมีเวลาเขียนเยอะ แต่ไม่รู้ว่าจะเขียนเรื่องอะไร เราก็เลยเลือกเขียนเรื่องของคนใกล้ตัวเราดีกว่า ช่วงนี้น้อง ๆ ปิดเทอมหมดทุกคน (บ้านเราเป็นครอบครัวใหญ่มีลูกพี่ลูกน้องทั้งหมด 10 คนพอดิบพอดี) แต่ว่าน้องที่โต ๆ กันหน่อยก็จะกระจายกันอยู่ แต่มีเจ้าเด็กน้อยคนหนึ่งที่ยังมาคอยอยู่กับเราก็คือ “เขนย” เพราะฉนั้นเหยื่อในการเขียนจากนี้ไปก็จะเป็น “เขนย” ละนะ
อย่างที่บอกไปในโน๊ตครั้งที่แล้ว เรากับเขนยสนิทกันมาก (แต่เอาจริง ๆ ก็สนิทกับน้องทุก ๆ คนตั้งตัวเองเป็นหัวหน้าเด็ก ๆ เสร็จสรรพ) ทุกครั้งที่เขนยปิดเทอมแล้วได้กลับมาบ้านคุณยายที่วาปีปทุมละก็ ที่แรกที่เขนยจะพุ่งตัวมาก็คือ ที่ที่มีเราอยู่ กอดกันแน่น ๆ แล้วจากนั้นตลอดระยะเวลาปิดเทอมเราก็จะมีเจ้าเด็กคนนี้เป็นรูมเมท
เวลาที่เราอยู่กับเด็กนอกจากจะเป็นพี่ให้เขาเชื่อฟัง บางครั้งเราเองก็ยังต้องเป็นเพื่อนให้เขาด้วย แน่นอนว่าเราและเขนยเล่นกันเป็นประจำ แล้วเราเองก็มีนิสัยชอบแกล้งน้องอยู่แล้วด้วย ก่อนนอนหรือตื่นนอน เขนยผู้เคราะห์ร้ายก็จะโดนเราจั๊กจี้หรือกลั่นแกล้งจนบางครั้งน้องถึงขึ้นตกเตียงไปเลยก็มี ฮ่า ๆๆๆ แต่เขนยเป็นเด็กน้อยน่ารัก ไม่ว่าเราจะทำอะไร เขนยยอมเสมอ ถึงขนาดก่อนนอนเราแกล้งจั๊กจี้จนตกเตียง แต่พอเลิกแล้วจะกลับมานอน เราขอให้เขนยเกามือให้ เขนยก็ยังเกาให้เราอยู่ดี ... เราสองคนเล่นกันเหมือนเด็ก ๆ
แต่วันนี้เป็นวันแรกที่เรารู้สึกภูมิใจที่ได้เห็นอีกมุมหนึ่งของน้องน้อยของเรา เรารู้สึกว่าวันนี้เขนยโตขึ้นกว่าที่เราคิดไว้ตั้งเยอะ .. วันนี้เราก็แกล้งเขนยตามปกติ เราเอาผ้าห่มคลุมตัวน้องไว้หมดแล้วก็จั๊กจี้ น้องดิ้น ๆ จนเข่ากระแทกคางเรา เรางี้เจ็บจนน้ำตาคลอ แถมตอนที่เดินลงไปกินข้าว เขนยเอาคืนเราแกล้งโดยการไปแอบอยู่หลังประตูแล้วจ๊ะเอ๋เราซะตกใจ เราเลยเอาคืนอย่างสาสมด้วยการบอกว่า “วันนี้พี่พลอยไม่ให้น้องเขนยเล่นคอมละ” เขนยช็อคไปเล็ก ๆ แต่ก็ยังยิ้มเหมือนว่าเราคงจะพูดเล่น แต่ไม่จ๊ะเราพูดจริง ๆ เลยย้ำไปอีกครั้งว่าไม่ให้เล่นคอม เขนยไม่อิดออดงอแงอะไรทั้งสิ้น ไม่เล่นก็คือไม่เล่น เราก็ลองใจโดยการเปิดคอมไว้ แอบมาเลียบ ๆ เคียง ๆ ดูบ้าง แต่น้องไม่จับจริง ๆ เรางี้ปลื้มมาก น้องโตขึ้นแหะ
แต่เรื่องนี้ยังไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เราประทับใจจนถึงขึ้นลุกมาเขียนโน๊ตครั้งนี้ ความปลื้มใจจริง ๆ มันอยู่ตรงนี้ต่างหาก .. ปกติช่วงเย็นเรากับเขนยจะออกไปช่วยแม่เตรียมร้าน ระหว่างที่เราสองคนทำงานที่รับมอบหมายจากแม่เขยนก็เอาโทรศัพท์ของเขยนมาฝากในกระเป๋าเสื้อเราไว้ สักแปบเราก็รู้สึกว่าเอามาไว้กระเป๋ากางเกงดีกว่าไว้ที่กระเป๋าเสื้อคลุมเดี๋ยวจะร่วง เราก็เปลี่ยนที่เก็บ เขนยก็ทำงานไปหันมาคุยกับเราสักพักน้องทำหน้าเหมือนตกใจแล้วรีบเดินมาประชิดตัวเราแล้วจับกระเป๋าเสื้อกระเป๋ากางเกงเรา เราเลยบอกว่า “อยู้ในกระเป๋ากางเกง” น้องทำหน้าโล่งอก แล้วพูดประโยคที่ทำให้ต้องแอบยิ้มกว้างอยู่คนเดียว เขนยบอกว่า “โล่งใจ พี่พลอยรู้มั้ยตั้งแต่มีโทรศัพท์เหนยห่วงมากเลยนะเนี่ยะ มันเหมือนว่าเรามีความรับผิดชอบเพิ่มมากขึ้น” เรายิ้ม เราภูมิใจ น้องโตขึ้นขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร ทำไมเราเองไม่เคยสังเกตนะ .. เพราะฉนั้นเราจะตอบแทนความน่ารักของน้องโดยการไม่ลากไปนั่งรอเราที่ยิม แต่จะให้เจ้าตัวเด็กเล็กเล่นคอมแทน (แทนนอนว่านอนสี่ทุ่มเหมือนเดิม ถึงแม้ว่า 2 วันก่อนจะมีการขี้โกงเกิดขึ้นก็เถอะ)
ไม่รู้ว่าเขนยจะยังเป็นน้องน้อยให้เราแกล้งให้เรากอดไปแบบได้ถึงเมื่อไร บางที่ก็แอบห่วงไม่อยากให้น้องโต แต่พอเห็นวันนี้เราเชื่อแน่นอนว่าน้องจะโตไปเป็นคนคุณภาพของสังคมคนหนึ่งแน่ ๆ เราภูมิใจจริง ๆ :)
18/03/2016
06.37 PM
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in