เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
When I lost the sparks เมื่อฝันของฉันกลายเป็นความว่างเปล่าluna.p
I'm here, and what's next?
  • จากวันที่พยายามทำทุกอย่างด้วยความฝันอันแรงกล้าและปณิธานอันมุ่งมั่น สู่คืนวันที่ภาวนาให้แต่ละวันผ่านไปอย่างยากลำบาก...

    ฉันเป็นคนช่างฝันและชอบเรียนรู้ ฝันอยากเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ ฝันอยากเป็นอะไรหลายมากมาย และนับตั้งแต่ตั้งใจว่าอยากจะเป็นนักอาชญาวิทยาและไปเรียนต่อต่างประเทศ ฉันพยายามทุ่มเททุกอย่าง เรียนอย่างเต็มที่ เล่นและทำกิจกรรมมากมายเพื่อไปถึงจุดนั้น ทุกอย่างเป็นไปตามแผนและไม่มีผิดพลาด ฉันสอบติดเตรียมฯ ติดห้อง Gifted ภาษาไทย ได้เข้ามหาวิทยาลัยและคณะสาขาที่อยากเรียนที่สุด ติดชมรม และได้ทำงานเป็นผู้ช่วยวิจัยในขณะที่เรียนอยู่ ทุกอย่างมันราบรื่นราวกับปูทางไว้รออยู่แล้ว และแล้วก็ถึงวันที่ฉันได้มาเรียนตามความฝัน 

    หรือชีวิตก็แบบนี้?
     หลังจากผ่านความยากลำบากจากการเรียนและสัมมนาในเทอมสุดท้ายของปี 4 และการฝึกงานที่จบลง ก็ถึงเวลาเตรียมตัวรับปริญญาและไปเรียนต่อ ความพยายามตลอดระยะเวลา 4 ปี ในที่สุดก็จะได้ไปเรียนต่อตามที่หวังไว้ ทุกอย่างดูจะราบรื่นตามแผนและสวยงามไปหมด จนกระทั่งวันที่ได้รับอีเมลฉบับหนึ่งในวันเกิด

    "เนื่องจากเราประสบปัญหาเกี่ยวกับทุน GREAT Scholarship 2025 เราจึงจำเป็นต้องถอนทุน GREAT Scholarship ที่คุณได้รับ และจะมอบทุนของมหาวิทยาลัยในจำนวนที่เท่ากันให้แทน..."

    ณ วินาทีที่ฉันได้อ่านข้อความว่าจะต้องถูกถอนทุน โลกทั้งใบของเหมือนถล่มลง ทุนนี้ไม่ได้เป็นแค่ส่วนลดค่าเรียน แต่คือทุนของรัฐบาล สิ่งที่มาพร้อมทุนคือโอกาสต่าง ๆ ที่ไม่สามารถประเมินมูลค่าได้ ในวันนั้นฉันพยายามตั้งสติและเขียนอีเมลไปสอบถาม แต่ก็ได้ความกับมาเพียงแค่ว่าเป็นความผิดพลาดที่ทุน ฉันได้แต่ร้องไห้และถามตัวเองซ้ำ ๆ ตลอดว่า ทุกอย่างมันผิดพลาดตั้งแต่ตอนไหน แล้วฉันทำผิดอะไร ทำไมถึงเป็นฉัน หรือเพราะเป็นฉัน? ภาพฝันที่เคยวาดหวังไว้มันเริ่มที่จะพร่ามัว สุดท้ายก็ได้แต่ต้องพยายามก้าวข้ามความรู้สึกนั้นไปให้ได้ เพราะชีวิตมันไม่ได้จบแค่นี้

    การเปลี่ยนผ่านกับความรู้สึกที่ค่อย ๆ จางหาย
    ฉันเริ่มทำใจยอมรับกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและพยายามทำให้ทุกอย่างเป็นไปตามแผนให้ได้มากที่สุด แต่อะไร ๆ ก็ดูเหมือนจะไม่เป็นไปตามแผน จากเดิมที่คิดว่าจะไปเรียนทันแต่กลับติดงานรับปริญญา ซึ่งทำให้ฉันขาดเรียนไปถึงสองสัปดาห์เต็ม หลายอย่างมันฉุกละหุกจนทุกอย่างรวนไปหมด วันที่รับปริญญาเสร็จฉันต้องรีบไปสนามบินและไปเรียนต่อในทันทีหลังจากที่ไปถึง ทุกอย่างมันใหม่สำหรับฉัน ฉันแทบไม่เข้าใจว่าตัวเองกำลังเรียนอะไรอยู่หรือจะต้องถกกับเพื่อนอะไรในห้อง ฉันพยายามจะตามเนื้อหาในห้องเรียนให้ทันก่อนจะไปเข้าเรียนแต่หลายอย่างมันปะเดปะดังเข้ามาจนสุดท้ายก็ไม่มีอะไรที่เสร็จเรียบร้อยสักอย่าง หลังจบคลาสเรียนในวันแรก ฉันเดินออกจากห้องด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งรู้สึกท้อแท้ รู้สึกว่าตัวเองมันห่วย ไม่เหมาะที่จะเรียนต่อ และอยากจะยอมแพ้กับชีวิตและอนาคต

    ในช่วงสัปดาห์แรกของการมาเรียน ฉันกังวลกับทุกอย่างและรู้สึกท้อตลอดเวลา มันเป็นความรู้สึกที่ว่างเปล่าแต่ในขณะเดียวกันความคิดของฉันมันก็ตีกันไปหมด อาจเป็นเพราะฉันกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านหลังจากเรียนจบและต้องมาเรียนต่อในสภาพแวดล้อมที่แปลกไปจากเดิม กลายเป็นความสับสน ความกังวล และความกลัว ได้แต่ใช้ชีวิตในแต่ละวันด้วยความรู้สึกว่างเปล่าและมีชีวิตไปวัน ๆ เหมือนต้นไม้ที่ค่อย ๆ เหี่ยวเฉาลง

    แต่ละวันช่างยากเหลือเกิน

    "เด็ก 10 ขวบนับว่าพิเศษ 15 ปี กำลังหลักแหลม แต่พออายุ 20 ปี ก็จะเป็นแค่คนธรรมดา"  
    (จากอนิเมะเรื่อง Free!)

    ในวัยเด็ก เรามักจะทำสิ่งต่าง ๆ มากมาย ฉันเชื่อว่าหลายคนก็เคยรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนพิเศษ เป็นคนเก่งที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็มีคนชื่นชม ฉันเองก็เคยเป็นหนึ่งในนั้น เป็นเด็กพิเศษที่บนชั้นหนังสือประดับด้วยถ้วยรางวัลและประกาศนียบัตรมากมาย คำชมและความเอ็นดูที่ได้จากการทำบางสิ่ง แต่เมื่อถึงช่วงวัยหนึ่ง สิ่งที่ฉันเคยทำก็เป็นเพียงเรื่องธรรมดาที่ไม่ว่าใครก็ทำได้ พร้อมกับความรู้สึกที่ตอกย้ำความเป็นจริงว่า ฉันก็แค่คนธรรมดาคนหนึ่ง

    ฉันฝันที่จะมาเรียนต่อต่างประเทศตั้งแต่เด็ก พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้มาถึงจุดนี้ ลองทำอะไรหลายอย่าง วางแผนและทำมันได้สำเร็จตลอด ไม่ว่าจะเป็นชมรม โปรเจค ฝึกงาน หรือตอนได้ทำงานเป็นผู้ช่วยวิจัย ฉันยอมรับว่าหลายอย่างที่ฉันทำนั้นก็เพื่อนำมาใส่ในเรซูเม่ แต่ฉันก็ยึดถือเสมอว่างานนั้นจะต้องเป็นสิ่งที่ฉันจะต้องชอบและมีความสุขที่ได้ทำด้วยเช่นกัน แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลหรือจุดประสงค์ใดก็ตาม เป้าหมายและสิ่งที่ฉันตั้งใจจะทำก็มักจะสำเร็จอย่างราบรื่น จนกระทั่งวันที่ทุกอย่างเริ่มกลับตาลปัตร จากที่มุ่งมั่นในเป้าหมายและเต็มที่กับทุกอย่าง ฉันกลับภาวนาให้แต่ละวันรีบผ่านไป จากที่ในวันหนึ่งสามารถทำสิ่งต่าง ๆ เสร็จเรียบร้อยอย่างรวดเร็ว ฉันกลับใช้เวลาในหนึ่งวันไปกับการเล่นโทรศัพท์และนอนร้องไห้จนหลับไป สำหรับฉันแต่ละวันมันช่างผ่านไปอย่างยากลำบาก

    ความฝันอันเลือนรางกับอนาคตที่เริ่มไม่แน่นอน
    ถึงตอนนี้ ความรู้สึกผิดหวังและหมดหวังเหล่านี้ยังคงติดอยู่ในห้วงความคิดของฉันมาตลอด และไม่รู้ว่าฉันจะกลับไปเป็นฉัน คนที่เคยรักในสิ่งที่ทำและมีความสุขกับการได้ลองทำสิ่งต่าง ๆ เมื่อไหร่ และตั้งแต่เรียนจบจนกระทั่งมาเรียนต่อ ฉันเฝ้าถามตัวเองทุกวันว่า ฉันพยายามมาจนถึงจุดนี้เพื่ออะไรกันแน่ ฉันมีค่าพอจะมาถึงจุดนี้จริง ๆ หรือแค่ที่ผ่านมาเป็นแค่ความโชคดีกัน และฉันเริ่มที่จะกลัวอนาคตที่ยังไม่มาถึง เป้าหมายที่มุ่งฝันไว้ค่อย ๆ เลือนรางจนกลายเป็นเรื่องเพ้อฝันที่ฉันเองก็จินตนาการไม่ออกว่าจะเป็นไปได้อย่างไร ได้แต่หวังว่าสักวันหนึ่งฉันจะตามหาประกายไฟแห่งความหวังเจออีกครั้ง

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in