เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ถึง คุณ...คนที่เหงาเหมือนกันกับผมThanabordee Phuangthaisong
ถึง คุณ...คนที่เหงาเหมือนกันกับผม
  • "บางคนมีความหมายต่อชีวิตเรา แต่อาจไม่ได้อยู่กับเราไปทั้งชีวิต" ประโยคเด็ดจากหนังเหงาๆเรื่อง Lost In Translation ทำให้ผมนึกถึงคุณ คุณที่ผมรู้จักผ่านโซเชียล ผมคิดว่ามันเริ่มตรงที่เราสนใจอะไรเหมือนๆกัน อีกทั้งในตอนนั้นเราต่างผิดหวังและเดียวดาย

    คุณบอกว่าต้องการเพื่อนสักคนที่จะรับฟังเสียงตะโกนบ่นบ้าที่อัดอั้นอยู่ในใจ ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น และตอนนั้นผมก็ยินดีจะรับฟัง ซึ่งคุณคือใครก็ไม่รู้ เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน คุณอาจจะคิดว่าคุณดูเหมือนคนบ้าที่จะเดินเข้าไปหาคนแปลกหน้าสักคนแล้วระบายความอัดอั้นภายในใจให้เขาฟัง 

    สำหรับผม คุณไม่ได้บ้าหรอก ผมคิดว่าคุณแค่เหงา เราต่างเหงาด้วยกันทั้งนั้น ผมก็เช่นกัน ผมก็เพิ่งผิดหวังมาไม่ต่างจากคุณ แต่แตกต่างตรงที่คุณผิดหวังจากความรักที่ดูจะเข้าใกล้คำว่าชีวิตคู่เข้าไปทุกที ส่วนผมแค่เพียงผิดหวังจากการจีบสาว เลยทำให้ผมไม่อาจเข้าใจถึงความรู้สึกของคุณว่ามันเป็นอย่างไรหรือมากมายขนาดไหน

    ผมเลยคิดว่าสิ่งที่ผมจะพอช่วยคุณได้คือการ"รับฟัง" ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามที่คุณอยากเล่า ผมก็จะรับฟัง แต่ถ้าคุณไม่อยากเล่า ผมก็จะไม่ถามต่อ การที่ได้รับฟังเรื่องราวต่างๆของคุณ มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนกำลังได้ทำงานที่ผมใฝ่ฝันนั่นก็คือการเป็นนักจิตวิทยา ส่วนคุณก็เป็นคนไข้ของผม ฮ่าๆ

    ในตอนต้น คุณมักจะเล่าเรื่องราวที่คุณไปเที่ยวแบ็กแพ็คให้ผมฟัง คุณบอกว่าคุณชอบเดินทางด้วยรถไฟ เพราะว่ามันถึงที่หมายช้า คุณมักจะชอบเดินทางคนเดียว เวลาที่คุณออกเดินทางคนเดียว คุณจะเจอสิ่งใหม่ๆมากมาย และผมก็ได้รับรู้เรื่องราวของคุณเสมอ

    เมื่อผมได้อ่านข้อความของคุณ ผมรู้สึกได้ว่ามันมีความสดใสอยู่ในนั้น ความสดใสทำให้คุณดูเป็นคนน่ารัก ส่วนเรื่องราวของคุณ ทำให้คุณเป็นผู้หญิงที่เท่มากๆคนหนึ่ง ยิ่งตอนที่ผมได้รู้ว่าคุณเป็นครูสอนดนตรีไทยและแบ็กแพ็คเกอร์ คุณทำให้ผมแทบกรี๊ด! เพราะคุณดูเท่มากจริงๆ

    แล้วคุณรู้มั้ย...ว่าเสียงตะโกนบ่นบ้าของคุณมันช่วยให้ผมหายเหงาได้มากเลยนะ

    จริงๆแล้วคุณไม่ใช่คนไข้ของผมหรอก เราต่างถูกดึงดูดด้วยอนิเมชั่นเรื่อง 5 Centimeters per Second ของอาจารย์มาโคโตะ ชินไค ที่เราต่างชอบมันเหมืิอนกัน เราไม่ได้รู้จักกันแค่เพราะว่าชอบอนิเมชั่นเรื่องนี้หรอก แต่เป็นเพราะเราก็ต่างโศกเศร้า ว้าเหว่และกำลังหาคำตอบของอะไรบางอย่างเหมือนกับตัวละครในอนิเมชั่นเรื่องนี้

    เพราะแบบนี้ เลยทำให้ผมอินกับเนื้อเรื่ิองของอนิเมชั่นเรื่องนี้จนอยากจะเขียนบรรยายถึงมัน จนได้เขียนลง Storylog แล้วคุณก็บังเอิญมาเห็นบทความของผม 

    และวันหนึ่งคุณก็เล่าให้ผมฟังว่ากำลังฟังเพลง One more time, one more change ที่เป็นเพลงประกอบอนิเมชั่นเรื่องนี้ แบบรัวๆ ในตอนที่คุณกำลังเดินทางด้วยรถไฟ ผมขอเดาว่าเพลงเพลงนี้มันเข้าใจความรู้สึกของคุณมากที่สุดขณะที่คุณกำลังโศกเศร้า ราวกับว่ามันได้ถูกบรรเลงออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจคุณเอง

    มีอยู่ครั้งหนึ่งที่คุณออกเดินทางไปเที่ยวอย่างกะทันหัน ซึ่งผมก็ไม่ได้ถามต่อว่าเพราะอะไร แต่ผมจำได้อย่างชัดเจนที่คุณบอกกับผมว่า "ชีวิตคนเรา มันต้องออกเดินทางจริงๆ มันซ่อมความรู้สึกได้มากเลยนะ" จริงๆผมก็ไม่ค่อยเข้าใจที่คุณบอกเท่าไร แค่รู้สึกว่ามันน่าลองให้ได้รู้ว่ามันจะซ่อมความรู้สึกได้อย่างไร

    ก่อนหน้าที่จะได้รู้จักกับคุณ ผมมีความคิดที่จะออกไปเที่ยวอยู่ก่อนแล้ว เที่ยวแบบเเบ็กแพ็คฉายเดี่ยวอย่างที่คุณเคยทำอยู่เสมอ ผมอยากเจอเพื่อนใหม่ๆ สถานที่ใหม่ๆ ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น

    ในวันที่ผมออกเดินทาง คุณเป็นเหมือนพี่เลี้ยงในการเที่ยวคนเดียวครั้งแรกของผม คุณทำให้ผมอุ่นใจขึ้นมากเวลาที่เดินทาง ถ้าหากผมเกิดตายหรือสูญหาย คุณคงจะได้รับรู้ก่อนพ่อแม่ของผม เพราะระหว่างการเดินทาง คุณเป็นคนที่ผมติดต่อด้วยมากที่สุด

    สิ่งที่ผมค้นพบระหว่างการเดินทาง คือผมไม่ได้ซ่อมความรู้สึกอะไรทั้งนั้น เพราะความรู้สึกของผมไม่ได้มีส่วนไหนเสียหาย แต่ผมก็ได้พบอะไรต่อมิอะไรมากมาย ผมรู้สึกได้จริงๆว่าตัวเองก็กล้าหาญและมีสมองอยู่เหมือนกันตอนที่ชวนนักท่องเที่ยวต่างชาติคุยเรื่อยเปื่อย ผมได้เจอสถานที่สวยๆ วิถีชีวิตที่แตกต่าง ผมรู้สึกโชคดีที่เจอเพื่อนใหม่ๆที่ดูแลผมเป็นอย่างดี ได้สัมผัสถึงการถูกหลอกลวงในรอบหลายปี และที่สำคัญ การเที่ยวคนเดียวครั้งนี้มันสามารถยืนยันได้ว่าผมได้ใช้ชีวิตในแบบที่อยากจริงๆ สิ่งที่ผมได้รับทั้งหมดนี้มันมีคุณค่ากับผมมากๆ เพราะมันช่วยให้ผมรู้สึกว่าตัวเองได้เติบโตขึ้น

    ผมที่ได้ออกเดินทางและเจอสิ่งต่างๆมากมายอยากจะขอบคุณ คุณผู้ทำให้ผมรู้จักการเที่ยวแบ็กแพ็ค และคุณผู้ทำให้ผมไม่รู้สึกโดดเดี่ยวในระหว่างการออกเดินทางคนเดียว

    กลับมาที่ความโศกเศร้าของคุณบ้าง จากที่ได้คุยกับคุณผ่านข้อความ ผมได้เห็นว่าคุณพยายามหาคำตอบในเรื่องความรักของคุณ ผมเห็นคุณเจ็บปวดเมื่อคำตอบที่คุณได้รับไม่ใช่คำตอบเดียวกับที่คุณหวังไว้ 

    ในวันที่ผมได้มีโอกาสนั่งกินข้าวเย็นกับคุณ ผมเผลอคิดไปว่ากำลังมาออกเดทกับสาวรุ่นพี่ แต่จริงๆแล้วดูเหมือนน้าสาวพาหลานชายมาเลี้ยงข้าวมากกว่า เราคุยกันถึงเรื่องสัพเพเหระต่างๆมากมาย และกลายเป็นว่าโต๊ะเราเสียงดังที่สุดในร้าน

    แต่พอผมคิดถึงความเศร้าของคุณ ผมก็ไม่รู้หรอกว่าความเสียใจของคุณมีปริมาณมากขนาดไหน 

    ก่อนหน้าจะได้มานั่งกินข้าวกับคุณ ผมเห็นคุณเสียใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่คุณก็ใช้ชีวิตต่อไปอย่างเข้มแข็ง ซ่อมแซมความรู้สึกที่ถูกทำลาย ส่วนผมก็เป็นเพียงอุปกรณ์ชิ้นหนึ่งที่คุณใช้ซ่อมแซมความรู้สึกคุณให้กลับมาดีดั่งเดิม ให้หัวใจของคุณค่อยๆแข็งแรงขึ้น

    ในตอนที่คุณเล่าถึงเรื่องความรักและคนรักของคุณให้ผมฟังระหว่างเรากินข้าว คุณดูเหมือนจะได้พบเจอกับความเศร้าบ่อยครั้งจนคุณเบื่อที่จะร้องไห้กับเรื่องเศร้าเรื่องเดิมแล้ว 

    ในตอนนั้น คุณทำให้ผมนึกถึงคำกล่าวของนักปรัชญาชาวเยอรมัน Friedrich Nietzsche ที่ว่า “อะไรที่ฆ่าเราไม่ได้ ก็มักจะทำให้เราเข้มแข็งมากขึ้น” เห็นได้ชัดว่าความเศร้าฆ่าคุณไม่ได้ และคุณก็ได้เข้มแข็งขึ้นแล้ว

    ผมดีใจนะ ที่มีส่วนช่วยดึงคุณออกมาจากความเศร้า และหวังว่าความเศร้าครั้งนี้จะหายจากคุณไปในเร็วๆนี้

    ถ้าหากได้เจอคุณอีกครั้ง ผมก็อยากจะกอดคุณแน่นๆก่อนที่จะจากลา ผมแค่อยากทำเหมือนในหนังเรื่อง Lost In Translation เพียงแต่ว่าเราไม่จำเป็นต้องจูบลา แล้วก็ไม่จำเป็นต้องมีใครน้ำตาคลอ หลังจากการกอดผมคงยิ้มกว้างจนมีรอยตีนกาขึ้นบนหน้า หรืออาจจะหัวเราะดังๆเพราะตลกตัวเองที่ทำอะไรแบบนี้ แต่ที่สำคัญที่สุดคือผมอยากจะบอกกับคุณว่า"ดีใจที่ได้พบคุณ"

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in