Sencha
ประเภท: Green Tea (จากส่วนยอด 3 ใบบน)
ส่วนประกอบ: ใบชาเขียว
จุดเด่น: เขียว กลิ่นเหมือนสาหร่าย มีรสมันๆ
อาทิตย์สาดแสงแสดแดงยามเย็นย่ำ
อาบผืนฟ้า ผืนน้ำ ราวกับจานสีน้ำขนาดมหึมาหกใส่
ละเลงระบายไล่เฉดโดยเวลานำพาไป
ไล่จรดเปลี่ยนกลาย สีม่วง สีครามเข้มเข้ากลางคืน
ตามตำนานผู้เฒ่าผู้แก่กล่าวกำชับไว้
ชายหาดนี้คือเวิ้งแห่งความตาย อย่าได้อยู่ใกล้เมื่อดวงตะวันลับลาลง
อันตราย... ช่างอันตราย ผู้คนได้รับการบอกสอน
พวกเขาเลยอดยลโฉมความงามยามอัศดงที่เฉิดฉายในความเปลี่ยวดาย
มนุษย์ช่างกลัวตาย หากทว่าอยากรู้อยากลอง
คลื่นขนาดย่อมจู่โจมชนกระแทกชายฝั่ง
เป็นเพียงเสียงดังเดียวรบกวนความเงียบเหงาร้างไร้คน
หินโสโครกบริเวณน้ำตื้นฉ่ำชุ่มจากแรงสาดซัด
พัดพาเผยร่างหนึ่งตระหง่านสู้แสงรำไร
เขานั่งอยู่บนหินสีดำกระด้างขนาดใหญ่
ร่างกายไม่ต่างจากมนุษย์เท่าไร
ยกเว้นเรียวขาสลักเสลาด้วยเกล็ดสีแดงเงา มันชิดติดกันจรดปลายพริ้วไหวดั่งหางปลา
เขาคือไซเรน
ชาวเกาะและชาวประมงเรียกเขาเช่นนั้น เป็นตำนานลึกลับและน่าหวั่นเกรง
สัตว์ประหลาดเช่นเขาจะหว่านเสน่ห์ใส่มนุษย์
หลอกล่อมนุษย์ กัดกินมนุษย์ ไร้ซึ่งความดีข้อใดให้ไว้ใจ
ในหมู่ไซเรนก็เช่นกัน เขาถูกเย้ยหยัน กลั่นแกล้ง
ล้อเลียนความอ่อนไหวในเรื่องความรัก ทั้งที่ไซเรนตนไหนๆไม่เคยมี
มันเป็นความจริง...
รสนิยมผิดแปลก แตกต่างไปจากไซเรนอื่นๆ
เขาไม่อาจปฏิเสธคำพูดหรือข้อเท็จจริงที่ตอกตรึงหัวใจเขาไว้ที่เวิ้งหาด
บนหินโสโครกก้อนนั้น ช่างเปล่าเปลี่ยวเดียวดายสุดทานทน
เขามีสัมพันธ์ฉันชู้รักกับหญิงสาวนางหนึ่ง
หล่อนพบเขาในคืนเดือนมืด
เวิ้งแห่งความตายฉุดกระชากลากใจหล่อนผู้ใคร่รู้
เชิญชวนด้วยเสียงเพลงไพเราะประหลาดหู
จับจูงเหยียบย่ำข้ามผิวน้ำไปยังหินโสโครกโดนพลัน
กล้ามเนื้อมัดแน่นสะท้อนแสงสลัว
เผยผิวกายขาวซีดและเย็นเยียบดั่งกระแสน้ำลึกใต้สมุทร
ดวงตาสีอำพันประกอบใบหน้าคร้ามคม
ผมยาวหยักศกเปียกปรกหน้าขับเสน่ห์ยวนเย้าเคล้าเรียกสายตาหญิงสาวให้ตะลึงงัน
เขางดงามจนหญิงสาวแทบเผลอใจ
หากแต่ไซเรนหนุ่มไม่รีบร้อนนัก
เขาสัมผัสได้ดั่งสัญชาตญาณนักล่า ไซเรนมักเฟ้นหาและถูกดูดดึงโดยมนุษย์ใจโศกาอาดูร
ยิ่งมนุษย์ผู้นั้นหม่นหมองเท่าไร ความอร่อยของก้อนเนื้อในอกซ้ายยิ่งทวีคูณ
แต่เขาไม่... ยังก่อน ช้าก่อน...
หล่อนเศร้าโศก เจ็บปวด ร้าวลึกภายใต้ความสวยสะพรั่ง
แต่เขาเลี่ยงที่จะเอ่ยถึงมัน
มอบความรักความอ่อนโยนปลอบประโลมใจ
จริงแท้หรือไม่ ไม่ใครอาจทราบจิตใจไซเรนได้แน่นอน
จนกระทั่งเจ้าหล่อนหยุดหวนไห้
กลับกลายเป็นครวญหาและเฝ้ารอเวลาที่จะได้พบเขา ณ ปลายแสงส้มชวนระทมประหลาด
ทุกค่ำคืนเขาจะร้องเพลงเกี้ยวหวานไพเราะกว่าบทเพลงใดให้หล่อนฟัง
พลางอาบแสงจันทร์นวลสลัวมัวเมาในความกระท่อนกระแท่นแห่งท้องทะเล
คืนนี้ ใต้ดวงดาราวับวาวแห่งนี้
หล่อนบอกรักเขา สารภาพว่าหัวใจดวงนี้ถูกเขายึดครองทั่วทุกอณูจนหมดสิ้น
เขาคลี่ยิ้มตอบรับ บรรจงจูบริมฝีปากอ่อนนุ่ม
กลิ่นคาวจางคล้ายผิวปลาและสาหร่ายทะเลกระทบประสาทสัมผัสของหญิงสาว
แต่หล่อนไม่ใส่ใจ ง่วนอยู่กับการตอบรับสัมผัสริมฝีปากจนกว่าจะเต็มอิ่ม
มือของเขาปัดป่ายไล้อาภรณ์ที่เปียกชุ่มไหวตามคลื่นน้ำ
เล็บของเขากรีดบางเบาส่งความวาบหวามแกล้งเย้าให้หล่อนสั่นเทิ้ม
หญิงสาวไม่บ่ายหนี โอนอ่อนพร้อมพลีพรหมจารีย์ให้เขาตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป
ระรอกคลื่นแห่งการจุมพิตซัดเข้าฝั่งครั้งแล้วครั้งเล่าไม่หยุดหย่อน
เล็บยาวสีขาวซีดไล้ขึ้นสูง... สูงอีก.. ช่างสูง
สูงพอที่จะวนเวียนอยู่บนเนินอกซ้าย
เขาเสียบกระซวกทะลวงลึก
ควานนิ้วเค้นควักเรียกของเหลวสีชาดหลั่งรินอย่างหนักหน่วง
หล่อนกรีดร้องหวีดหวิวก่อนกลืนหายไปกับเสียงคลื่นกระทบฝั่งและลมทะเลแห่งความเปลี่ยวดาย
หล่อนตาย ตามถ้อยคำที่ว่าหัวใจดวงนี้ถูกเขายึดครอง... โดยสมบูรณ์ .
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in