ประชามติผ่านพ้นเพียงไม่กี่วัน...ควันดำคละคลุ้งแผ่ปกคลุมหลายจังหวัดท่องเที่ยวของภาคใต้ผู้คนต่างวิตกกังวลกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รัฐบาลรีบแถลงการณ์สร้างความเชื่อมันแก่ประชาชนทันที “นี่เป็นฝีมือของผู้เสียผลประโยชน์ทางการเมือง” “ยอมรับผลประชามติเสีย” และอีกหลายคำพูดที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนได้อย่างดีเยี่ยม
เพียงไม่เกิน 48ชั่วโมง รายชื่อผู้ต้องสงสัยยาวเหยียดถูกส่งต่อเป็นทอดพร้อมกับการควบคุมตัวเพื่อสอบสวนเพิ่มเติมจากองค์กรตำรวจและทหาร สื่อสิ่งพิมพ์สื่อออนไลน์ทำข่าวกันจ้าละหวั่น บ้างเนื้อความบิดพลิ้วไปถึงขั้น“จับผู้ก่อเหตุได้แล้ว” จนชาวเน็ตต่างเฮลั่นก่อนที่เรื่องทุกอย่างจะเงียบหายไปเมื่อตำรวจกล่าวเบาๆว่าทิศทางการสืบสวนจะหันเหไปยังกลุ่มก่อการร้าย 3 จังหวัดชายแดนใต้ส่วนทหารก็ได้แต่กระแอมกล่าวอ้อมแอ้มว่าขอคิดก่อน... และเงียบไป
ถังขยะของคนเมืองที่หายไป
กรุงเทพมหานครเมืองหลวง เมืองท่องเที่ยว เมืองเศรษฐกิจ และอีกสารพัดเมืองที่กรุงเทพเป็นได้มีมาตรการรับมือเหตุก่อการณ์ร้ายทำได้น่าสนใจเป็นพิเศษพิเศษจนแม้แต่ผู้ที่คิดก่อการร้ายอาจไม่สังเกตหรือแม้แต่ประชาชนทั่วไปยังไม่ทันเอะใจนั่นคือ “การไม่จัดวางถังขยะสาธารณะ”
เป็นระยะเวลากว่า 2 สัปดาห์ที่ถังขยะสาธารณะทั่วกรุงเทพหายไป(ตั้งแต่หลังเกิดเหตุจนถึงช่วงก่อนสิ้นเดือน)หายไปอย่างเงียบเชียบ คาดว่ากระทำเพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตของผู้ไม่ประสงค์ดีและมาตรการณ์ความปลอดภัยนี้ยกระดับขึ้นอีกขั้นด้วย “การหายไปของถังขยะหน้าร้านสะดวกซื้อ 24 ชั่วโมง”
หากจำกันได้ครั้งหนึ่งกรุงเทพมหานครเปลี่ยนถังขยะยกเมืองเป็นสีขาวใสเพื่อสะดวกในการสอดส่องแต่มันอาจไม่ปลอดภัยมากพอจน “การไม่มีถังขยะคือความปลอดภัยขั้นสุด” แต่กระนั้นยังคงมีความห่วงใยอยู่บ้างด้วยการเหลือโครงเหล็กเปลือยเปล่าวางไว้ให้เรารู้ว่า...ครั้งหนึ่งที่แห่งนี้เคยมีถังขยะ
เกลื่อนกลาด
หลังจากการหายไปของถังขยะหลายคนมองหามัน แน่นอนว่าการมองหาไม่ใช่ความคิดคำนึง Miss You อะไรหรอก แค่หาที่ทิ้งไม่เจอ แต่มันคือความจริง ความจริงที่บอกว่าถังขยะจากไปแล้วและเกิดคำถามแบบไร้เสียงขึ้นมาเบาๆ คือ “แล้วกูจะทิ้งที่ไหนวะ”
หากไม่มีถังขยะให้ทิ้งหลายคนเลือกที่จะเก็บมันไว้ ใส่ถุงพลาสติกรวบรวมขยะของตัวเองและทิ้งเมื่อหาถังขยะเจอ หรืออีกทางออกที่น่าสนใจก็คือ “ทิ้งมันตรงที่ที่เคยมีถังขยะ” – เฮ้ย ใครมันจะกล้าทิ้งวะ
แต่ก็อย่างที่เห็นกองขยะมหึมาบังเกิดขึ้นตรงจุดที่ในอดีตเคยมีถังขยะหากเพื่อให้เมืองหลวงของเราปลอดภัยจากกลุ่มก่อการร้ายที่พยายามการซุกระเบิดไว้ในถังขยะก็ถือว่าคุ้มค่าที่จะยอมให้เมืองหลวง “สกปรก” ไปบ้าง
ความปลอดภัยอย่างยิ่งยวด
หลังจากถังขยะหายไปเรารู้สึกปลอดภัยกันมากขึ้น ไม่มีที่ให้ใครไปซุกระเบิดคงไม่มีใครเอาระเบิดไปวางไว้ในกองขยะที่ไร้ถังล่ะมั้ง แต่กระนั้นความปลอดภัยเพียงเท่านี้ยังไม่พอพื้นที่ทั่วกรุงหลายจุดเพิ่มระดับความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ห้างสรรพสินค้าชั้นนำเพิ่มเจ้าหน้าที่ในการตรวจตรา ตรวจกระเป๋า และตรวจอย่างเข้มข้นสำหรับชาวต่างชาติจาก อินเดีย ตะวันออกกลาง ชาวมุสลิม ฮินดู พราหมณ์ หรือชาวไทยผิวเข้มหน้าคม – เราไม่ได้พูดถึงการ “เหยียด” หรือการ“เลือกปฏิบัติ” หรอกนะ
เรื่องความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญโดยเฉพาะการโดยสารสาธารณะ เช่น BTS MRT ที่ตรวจเข้มข้นยิ่งกว่าห้างสรรพสินค้าสาดไฟฉายเพียงเสี้ยววิก็ถือว่าผ่านแล้ว ปลอดภัยใช่ไหมล่ะ
การรับมือกับปัญหาก่อการร้ายของไทยช่างสุดยอดเสียจริงหยุดที่ต้นตอโดยแท้
การกลับมาของถังขยะและข่าวคราวที่เงียบไป
หลังจากถังขยะหายไปร่วม 2 สัปดาห์กรุงเทพมหานครสามารถอยู่รอดปลอดภัยจากเหตุก่อการณ์ร้ายอาจเสียผลประโยชน์ไปบ้างจากภาพลักษณ์สกปรกของขยะแต่เพื่อความปลอดภัยสูงสุดจึงต้องทำ
ในวันนี้ที่เหตุการณ์ผ่านมาครบ 1 เดือน ถังขยะกลับมาเกือบสมบูรณ์(บางแห่งแทนที่ด้วยถุงพลาสติกใส!) ขยะถูกทิ้งอย่างที่ควรเป็น ความปลอดภัยอาจลดน้อยลงกว่าตอนนั้น ผู้อยู่อาศัยในเมืองหลวงอย่างเราต้องระวังตัวกันมากขึ้นเพราะไม่แน่อาจมีระเบิดซุกอยู่ในถังก็ได้
การสืบสวนหาผู้ลงมือก่อเหตุคงดำเนินต่อไปอย่างเงียบๆ และคงไม่มีประกาศทางการอะไรออกมาอีกแล้ว ส่วนกลุ่มผู้ต้องสงสัยที่ถูกจับไปนั้นก็ไม่มีการพูดถึงในหน้าหนังสือพิมพ์อีกเลย...
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in