เลือกเรียนกฎหมายเองหรอ?
เปล่าอะ ตอนแรกอยากเรียนอักษร จิตวิทยา ไม่ก็พวกปรัชญา เพราะเราชอบ แต่ที่บ้านเหมือนจะไม่เห็นด้วย เราเลยเบนสายไปเรียนนิติแทน ซึ่งทั้งเราและที่บ้านก็โอเคทั้งคู่ เราเลย เอ้อ นิติก็นิติ
เราก็ชอบกฎหมายนะ เรียนตอนม.ปลายก็สนุกดี อ่านเพลิน เราชอบอ่าน ทำความเข้าใจ
เรียนกฎหมายอ่านหนังสือเยอะจริงมั้ย?
ทั้งจริงและไม่จริง สารภาพเลยว่าตอนเรียนเราไม่ใช่เด็กตั้งใจเรียน หลายๆ คนชอบคิดว่าเราเป็นเด็กเนิร์ดอะนะ แต่ไม่ใช่เลย เวลาเรียนเราก็เรียน บางวิชาก็ดูซีรี่ส์ในคาบ (เฉพาะวิชาที่อ่านมาล่วงหน้าและเข้าใจ)
เราอ่านเยอะตอนใกล้สอบ อ่านล่วงหน้าประมาณเดือนนึง ซื้อหนังสือมาอ่านเพิ่มเอง เข้าห้องสมุดข้างนอกบ่อยๆ เพราะหนังสือกฎหมายที่มหาลัยเราไม่เยอะพอ อ่านไป ฟังคำบรรยายเนติฯไป ทำสรุปเอง
ส่วนมากเราก็ทำสรุปจากในห้องเรียน สรุปจากหนังสือ ป้ายไฮไลต์เอาไว้เฉพาะส่วนที่สำคัญ
เทคนิคการอ่านของเรามักเป็นการตั้งใจในห้องเรียน อ่านล่วงหน้า ทำสรุป อ่านหนังสือเยอะๆ
วันหยุดเราก็มีนะ ไปเดินเล่น เปลี่ยนที่อ่านหนังสือ ดูหนังบ้าง ดูซีรี่ส์บ้าง ไปเที่ยวกับเพื่อนก็บ่อย
นักเรียนกฎหมายก็มีโพสอิทแปะเยอะประมาณนี้แหละ
แล้วเรียนกฎหมายนี่เรียนอะไรบ้างล่ะ?
ก็เรียนพวกประวัติศาสตร์กฎหมายไทย (แต่ก็เรียนทั้งไทยทั้งเทศนะ) นิติปรัชญา (เพื่อนบอกว่าที่เพื่อนเรียนเป็นวิชาเรียนของปีสี่ แต่เราได้เรียนตอนปีหนึ่ง!!) มีวิชาการเขียนภาษากฎหมายด้วยนะ นอกจากนั้นก็มีกฎหมายพื้นฐานอย่าง กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กฎหมายอาญา กฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา กฎหมายปกครอง กฎหมายวิธีพิจารณาคดีปกครอง มีวิชาเลือกอย่างกฎหมายอาเซียน กฎหมายประกันภัย ฯลฯ ขึ้นอยู่กับว่าจะเลือกลงวิชาอะไรบ้าง และเขาจะเปิดวิชาไหนให้ลง
การเรียนในห้องเรียนล่ะ เป็นยังไง?
เราว่าของเราไม่เหมือนที่อื่น คือ มีสอบเก็บคะแนนตลอดทั้งเทอม บางที่เขาจะเรียนๆๆๆๆๆ แล้วก็สอบทีเดียวปลายภาค 100 คะแนนเต็ม แต่ของเราไม่ใช่ มีสอบเกือบทุกเดือนเลยก็ว่าได้ แล้วก็สอบปลายภาคอีกที คะแนนเก็บก็มี แต่มักจะเป็นคะแนนสอบนี่แหละ
บางครั้งก็จะมีวิทยากรจากข้างนอกเข้ามาสอนด้วย อันนี้ต้องตั้งใจเรียนจริงๆ เพราะเขาจะสอนเร็วมาก เดี๋ยวตามไม่ทัน
ต้องจดเยอะด้วย ถ้าจดตามที่อาจารย์อธิบายไม่ทันคือพังเลยจ้า ต้องไปนั่งอ่านเอง บางทีจดไปแล้วมาอ่านซ้ำยังอ่านไม่ออกเพราะจดเร็วมาก
ได้ไปติวที่ไหนบ้างมั้ย? ตอนสอบล่ะ เป็นยังไง?
ถ้าเปิดคำบรรยายฟังในยูทูปนี่นับมั้ยอะ จริงๆ เราไม่เคยไปติวที่ไหนเลย อ่านเองหมด กับฟังคำบรรยายอะ แล้วก็อยู่ในสถานที่ที่เขาอ่านหนังสือกัน เรามักไปจ่ออยู่ที่ห้องสมุดธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ค่าเข้า 20 บาท อยู่ได้ทั้งวัน หนังสือมีให้อ่านเยอะ แล้วก็บรรยากาศน่าอ่านมาก โล่งๆ โปร่งๆ มีความสุขมากเวลาเข้าไปอ่านที่นั่น แนะนำเลย
ก่อนสอบเราก็มักจะท่องมาตรากัน เพราะการท่องนี่แหละ ทำให้เราสอบผ่านในแต่ละครั้ง ท่องมาก แต่ไม่เข้าใจมัน ก็สอบไม่ได้ แต่ถ้าท่องแล้วเข้าใจ พยายามทำความเข้าใจกับมัน นั่นแหละจะทำให้เราทำข้อสอบได้
ของเรามีสอบบ่อยมาก ตกก็ซ่อมเอาตอนนั้นเลย เหมือนวัดความรู้เราไปทีละระดับ กระตุ้นให้เราอ่านหนังสือตลอดเวลาด้วยล่ะ ข้อสอบเป็นข้อเขียนหมดเลย บางครั้งเขียนไม่พอ ต้องขอกระดาษเพิ่มก็มีเป็นธรรมดา บางคนก็อยู่เขียนจนปากกาหมึกหมด เขียนจนหมดเวลาสอบก็มี การสอบแต่ละครั้งก็มักสอนให้เรารู้จักแบ่งเวลาด้วยนะ ถ้าเราบาลานซ์เวลาแต่ละข้อไม่ดี ก็มีสิทธิ์เขียนไม่ทันเหมือนกัน
ตอนเรียนได้ทำกิจกรรมอะไรบ้างมั้ย?
ก็ไปแข่งตอบปัญหากฎหมายระดับกรุงเทพฯ มา 2 ครั้ง ครั้งแรกตอนปีสามได้รางวัลชมเชย ไปแข่งกับพี่ๆ ที่โคตรเก่งเลย เรากระจอกมาก ครั้งที่ 2 ตอนปีสี่ ได้รางวัลชนะเลิศอันดับหนึ่งในระดับกรุงเทพฯ มาครอง โคตรภูมิใจเลย ต้องขอบคุณเพื่อนและน้องในทีมด้วย
ฝึกงานล่ะ? มีฝึกงานมั้ย แล้วฝึกงานอะไร ที่ไหน ยังไง?
มีฝึกงานตอนปีสี่เทอมสอง บางคนถามว่าทำไมไม่ฝึกงานตอนปิดเทอม ก็เพราะว่าเขาอยากให้เราเรียนให้จบหลักสูตรก่อนแล้วค่อยไปฝึกงาน จะได้มีความรู้เต็มที่และพร้อมไปรับมือกับการฝึกงานในสถานที่ที่เหล่านักกฎหมายอยู๋ไงล่ะ
สถานที่ฝึกงาน ก็แล้วแต่คนเหมือนกัน อย่างของเพื่อนเราก็ไปฝึกงานที่ศาลบ้าง หน่วยงานราชการบ้าง จะมีพวกนอกคอกอย่างเราไปฝึกงานที่สำนักงานกฎหมาย (น้อยมาก)
ฝึกงานที่สำนักงานกฎหมาย ก็สนุกดี พี่ๆ มีแต่ผู้ใหญ่ ได้ความรู้เยอะมาก มีเรียนเสริมด้วย (ที่นี่เข้าฝึกงานยากมากเลยล่ะ ไม่ค่อยรับเด็กฝึกงานด้วย) ได้ออกไปศาลด้วย ตามพี่ๆ ไปศาล ยื่นคำร้อง ยื่นคำขอ ไปคัดหมายศาล เข้าฟังการพิจารณาคดีด้วยล่ะ (เฉพาะที่พี่ๆ เขาอนุญาตให้ตามไปดูเท่านั้น) เพื่อที่เราจะได้รู้ว่าการทำงานของทนายความนั้นเป็นยังไง การพิจารณาในศาลมีอะไรบ้าง พี่ๆ เขาสอนเทคนิคต่างๆ ทั้งในการเรียน และในด้านการเป็นทนายความอีกด้วย เหมือนมาฝึกงานที่นี่แล้วได้สองสามต่อเลย ทั้งเรื่องฝึกงาน การทำงาน เทคนิคการเรียน แล้วก็การวางแผนอนาคตในสายงานนี้
ตอนที่ไปศาลนี่เหมือนกับในหนังมั้ย?
ถ้าคิดว่าศาลจะเหมือนในหนัง มันไม่ใช่เลย ศาลแต่ละที่ก็ไม่เหมือนกัน แค่พื้นฐานจะเหมือนกัน คือ มีบัลลังก์ผู้พิพากษาอยู่ด้านบน ข้างหลังมีพระบรมฉายาลักษณ์ เพราะผู้พิพากษาเป็นการทำงานภายใต้พระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ (เราเคยเข้าฟังแต่ของศาลชั้นต้น ก็จะมีบัลลังก์ 3 ที่ เป็นของผู้พิพากษาหัวหน้าคณะ และผู้พิพากษาอีก 2 ท่าน) ด้านล่างก็จะแบ่งเป็นสองฝั่ง คือ ฝั่งของจำเลย และฝั่งของโจทก์ (พี่เขาบอกว่าฝั่งของจำเลยจะอยู่ฝั่งขวาของผู้พิพากษาตลอดเลย ส่วนของโจทก์จะอยู่อีกฝั่งนึงเสมอ)
**ภายในห้องพิจารณาคดี เขาไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปใดๆ เลยนะ**
บรรยากาศภายในศาลแต่ละศาลไม่เหมือนกันโดยสิ้นเชิงเลยนะ เราชอบศาลจังหวัดตลิ่งชัน ใหญ่ ดูไม่อึดอัดด้วยล่ะ โล่ง โปร่งมาก แต่ละชั้นก็ที่นั่นก็จะแบ่งประเภทของคดีไว้โดยสิ้นเชิงเลยล่ะ (ถ้าต้องไปศาลต้องดูดีๆ นะว่าต้องไปชั้นไหน) ส่วนที่อื่นๆ นอกจากที่เขาสร้าง หรือปรับปรุงใหม่ ก็อาจจะมีสภาพตามสถานที่ราชการไทยทั่วไป
เรียนจบแล้วต่อเนติฯ มั้ย? ปกติเด็กกฎหมายเรียนจบแล้วก็มุ่งสอบเนติฯ กับตั๋วทนายกัน
เราลงเนติฯ เทอมสองของปี 2559 ไป แต่ไม่ได้ไปสอบ เพราะอ่านไม่ทัน เนื้อหาเยอะมาก เพราะมันคือการเรียนที่เอาวิชาปีสามและปีสี่มาอัดๆๆๆๆๆๆ รวมกันภายในเทอมเดียวแล้วก็ไปสอบ ซึ่ง เราอ่านไม่ทัน ก็เลยเท (ห้ามทำตามนะ)
ทำไมถึงมาเป็นกองบรรณาธิการที่สำนักพิมพ์ได้ล่ะ? ทำไมไม่ไปทำสายกฎหมาย ไม่อยากเป็นทนายความ อัยการ หรือผู้พิพากษาหรอ?
เราไม่ชอบการเผชิญหน้าที่ดุเดือดแบบนั้น เรากลัวว่าข้อมูลต่างๆ ความรู้ ข้อกฎหมายเราไม่แม่นและไม่เยอะพอที่จะไปเถียงให้ลูกความได้ ถ้าไปสายนั้นเราขอเป็นที่ปรึกษากฎหมายดีกว่า
แต่เราก็ไม่ได้ไปทำสายนั้นอยู่ดีนะ เราเรียนได้ แต่เรารู้สึกว่ามันอาจจะไม่ใช่ทางของเรา เลยมาสมัคร กองบรรณาธิการแทน
เพราะเราอาจจะเพิ่งมารู้ว่าตัวเองชอบงานเขียนก็ได้มั้ง เรามีความฝันว่าอยากทำงานหนังสือมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว แต่ไม่ได้บอกใคร กลัวเขาบอกว่าเพ้อเจ้อ ส่วนตอนนี้ก็มีความสุขกับงานที่ทำดี
เรายังคงวางแผนที่จะเรียนเนติฯ ไปอยู่นะ จะไปสอบด้วย เพราะเรียนกฎหมายมาแล้ว ไม่ว่าเราจะทำอะไร ชีวิตเราก็ยังคงพัวพันกับเรื่องของกฎหมายไปตลอดอะ ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ จนถึงเรื่องใหญ่ๆ ยังไงก็คงได้ใช้กฎหมายไปตลอดแน่นอน
ตอนนี้เป็นกองบรรณาธิการ สนุกเหมือนที่คิดมั้ย?
สนุกดี เราชอบ ชอบอะไรก็ตามที่อยู่กับหนังสือ งานเขียน (แม้เราจะอ่านน้อยเมื่อเทียบกับคนที่ทำงานสายนี้ก็ตาม) ได้ทำอะไรเยอะแยะมากกว่าที่คิดด้วย และตอนนี้เรามีความสุขกับการทำงานเป็นกองบรรณาธิการ และยังคงสนุกกับงานอยู่นะ (เราโชคดีที่เจอสำนักพิมพ์ที่เปิดรับทุกๆ สาย ทุกๆ คณะ เข้ามาร่วมงานกัน) อาจจะบอกว่าเราโชคดีก็ได้ ได้ทำงานที่เราชอบเป็นงานแรก เจอสังคมดีมากๆ ด้วย ทุกคนสอนงานให้เราอย่างดี เปิดโอกาส และให้โอกาสเราในการทำงานต่างๆ ด้วย (ล่าสุดก็ช่วยเราแก้ปัญหาในการทำงานด้วยล่ะ ดีงามมาก ฮืออออออ ; - ;)
สำหรับเด็กนักเรียนกฎหมายที่กำลังเรียนอยู่ในตอนนี้ ก็ขอให้สู้ต่อไป ทาเคชิ เพราะในเส้นทางอาชีพของนักกฎหมายนั้น จะมีการสอบ การเรียน และการอ่านหนังสือตลอดชีวิต อย่าลืมหาอะไรใหม่ๆ เพื่อสร้างบรรยากาศในการเรียน การอ่านหนังสือด้วยนะ เพื่อสมองที่ปลอดโปร่งของตัวเอง!!
(:
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in