เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เด็กบ้าไปเซิร์นVichayanun Wachirapusitanand
Day 36: Montreux Jazz Festival บนเรือ
  • "มีใครจะไปขึ้น Montreux Jazz Boat อาทิตย์นี้มั่งอ่ะ" ผมถามเพื่อน ๆ Summer students ด้วยกันในกลุ่ม Whatsapp สำหรับแฟน ๆ Montreux Jazz Festival เมื่อคืน "ไปด้วยกันเถอะ"

    ไม่มีคำตอบจากในกลุ่ม แต่มีคนแปลกหน้าคนหนึ่งส่งข้อความทาง Whatsapp มาหา บอกว่า "หวัดดีท๊อป เราชื่อแพทริกนะ นายจะลงเรือเมือไหร่ล่ะ"
    "เรือออกบ่ายสามครึ่งอ่ะ และเราลงเรือได้ตอนบ่ายสาม นายซื้อตั๋วรึยัง"
    "ยังเลย นายซื้อที่ไหน"
    "ซื้อกับ La Poste ไปรษณีย์ที่เซิร์นอ่ะ"
    "มันต่างกับซื้อออนไลน์ยังไง"
    "ไม่ต่างมั้ง ราคาก็พอ ๆ กัน"
    "เคร เราซื้อตั๋วออนไลน์ละ ขอบใจมาก"

    เช้าวันอาทิตย์ ผมนัดกับ "แพทริก" ว่าจะขึ้นรถเมล์รอบประมาณ 10 โมงครึ่ง ตอนแรกผมก็เข้าใจว่าเขานอนที่หอเดียวกับผม แต่ตอนนี้ผมไม่เห็นเขาที่ป้าย

    "นาย ๆ อยู่ไหนแล้วนาย เราอยู่ที่ป้ายแล้วนะนาย" ผมส่งข้อความหาเขา

    ไม่มีคำตอบ แต่รถเมล์มาแล้ว ผมทำอะไรไม่ได้เลยต้องขึ้นรถเมล์ พอผมโหนรถเมล์ไปสักพัก ก็มีชายชาวเอเชียคนหนึ่งมาทัก

    "ท๊อปใช่มั้ย"
    "ใช่"
    "เราชื่อแพทริกนะ"
    "อ้าว เหรอ"
    "ใช่ ๆ เราเห็นเสื้อ Montreux Jazz Festival ที่นายใส่อ่ะ" อ๋อ ใช่ กูใส่เสื้อราคา 39 ฟรังก์มาด้วยนี่หว่า

    แพทริกเรียนฟิสิกส์ที่ฮ่องกง และตอนนี้เขาทำงานกับ ATLAS อยู่ ที่สำคัญกว่านั้นคือเขายังไม่มีตั๋วรถไฟ ผมจึงแนะนำให้เขาซื้อ Swiss Travel Pass แทนเพราะมันคุ้มกว่าการซื้อตั๋วเที่ยวเดียวจริง ๆ พอเรามาถึงสถานีรถไฟที่สนามบิน แพทริกก็เดินไปซื้อ Swiss Travel Pass ที่จุดขายทันที
  • ยาวจัง เอาเป็นว่าผมข้ามตอนนั่งรถไฟกับแพทริกไปเล่าตอนถึง Montreux ดีกว่า

    Montreux เป็นเมืองที่ติดทะเลสาบเจนีวาครับ วิวที่เห็นได้จากที่จัดงานถือว่าสวยมาก ผมกับแพทริกมาถึงงานประมาณบ่าย ๆ แต่กว่าจะขึ้นเรือได้ก็บ่ายสาม เลยคิดว่าจะไปหาอะไรกินกันก่อนในงาน

    เราเดินมาถึงบูธขายเบอร์ริโต้ ด้วยความหิว เราจึงสั่งมากินคนละชิ้น จะว่าไปแล้ว การใช้สรรพนาม "ชิ้น" ถือว่าไม่ตรงกับความเป็นจริงเท่าไหร่ เพราะเบอร์ริโต้มันเยอะมาก ๆ แถมพวกเรายังสั่งแป้งนาโช่มากินอีกกล่องอีก สรุปคือเราอิ่มกันฉิบหายเลยครับ แถมผมยังเหลือนาโช่อีกครึ่งกล่อง

    บ่ายสาม เราเดินมาถึงท่าเรือ คนต่อคิวเยอะมาก เรือเข้ามาเทียบท่า และมีดนตรีแจ๊สดังมาแต่ไกล พวกผมสองคนรู้เลยว่างานนี้แม่งต้องสนุกแน่ ๆ

    บน Montreux Jazz Boat จะมีวงดนตรีสองวงเล่นสดบนเรือสามชั้น มีวงแจ๊สแบบ Funky Jazz อยู่ชั้นล่าง และมีอีกวงเล่นอยู่บนดาดฟ้าเรือ ระหว่างฟัง เราก็สามารถดูวิวบนทะเลสาบเจนีวา เห็นวิวภูเขา เมฆ ทะเลสาบ แถมได้ฟังเพลงแจ๊สอีก สวรรค์ชัด ๆ

    "นายชอบเพลงที่เขาเล่นมั้ย" แพทริกถามผม
    "ชอบสิ โดยเฉพาะวงข้างล่างเนี่ย สนุกมาก แล้วนายล่ะ"
    "อ่า เรามาแค่นั่งเรือดูวิวแค่นั้นแหละ แต่เพลงแจ๊สก็ดีนะ"

    นอกจากจะมีเพลงแจ๊สบนเรือแล้ว ยังมีบาร์ขายเครื่องดื่มต่าง ๆ รวมไปถึงอาหารเล็ก ๆ น้อย ๆ และมีที่นั่งให้นั่งเฉย ๆ ชมวิวโดยไม่ต้องทำอะไรนอกจากฟังเพลงแจ๊สจากเวทีชั้นล่าง พอนั่งจนเบื่อแล้ว เราก็เดินออกไปดูวิวต่อ สรุปคือชีวิตบนเรือลำนั้นของพวกเราจะวนเวียนระหว่างฟังดนตรีสด นั่ง และยืนชมวิวครับ วิวจากเรือนอกจากจะมีภูเขาแล้ว ยังมีปราสาทชิลลอน (Chillon Castle) อีกด้วย ถือว่าเป็นบุญตามากครับ
  • เราขึ้นจากเรือประมาณหกโมงครึ่ง ตลอดสามชั่วโมงที่ผ่านมาเรานั่ง ๆ ยืน ๆ อยู่บนเรือในทะเลสาบเจนีวา และตอนนี้พวกเรายังอิ่มจากเบอร์ริโต้เมื่อตอนเที่ยงอยู่เลยครับ ก่อนกลับ พวกเราเดินเล่นในงานเผื่อว่าจะหาอะไรกิน แต่ด้วยความอิ่มสุด ๆ เราเลยไม่ค่อยเจริญอาหารสักเท่าไหร่ สุดท้ายพวกเราก็ไปหยุดอยู่หน้าร้านไอศกรีม Mövenpick

    "นายเอาสักโคนมั้ย" แพทริกถาม
    "เออ เอาดิ" แม่ง กูยังอิ่มอยู่เลย ไม่น่าสั่งแป้งนาโช่เพิ่มเลยกู แต่เอาวะ เผื่อกูไปหิวกลางทาง เดี๋ยวเดือดร้อนอีก

    และพวกเราก็สั่งไอศครีมโคนโง่ ๆ กันไปสองคน โดนค่าเสียหายไปอีกนิดหน่อย เรายืนกินอยู่ในงานจนหมดแล้วค่อยกลับ

    ระหว่างนั่งรถไฟกลับเจนีวา แพทริกขอบคุณผม
    "ทริปนี้สุดยอดมากเลยนาย ขอบคุณมาก"
    "อืม ๆ ไม่เป็นไร" ผมตอบ

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in