สถานีรถไฟโลซานน์ บ่าย - ท๊อปยืนกระทำความหว่องอยู่กลางสถานี ในมือถือมือถือ โทรศัพท์ดัง
"ฮัลโหล พี่อยู่ไหนอ่ะ"
"มึงกลับหลังหันมานี่"
วันนี้ผมมาหารุ่นพี่ของผมคนหนึ่งชื่อพี่อาร์มครับ ปัจจุบันพี่แกเรียนต่อโทที่ École polytechnique fédérale de Lausanne ที่โลซานน์ ซึ่งใกล้กับเจนีวามากถึงขั้นนั่งรถไฟไปไม่กี่ชั่วโมงก็ถึงแล้ว ด้วยความใกล้และความขี้งก กลัวว่าจะใช้ Swiss Travel Pass ของตัวเองไม่คุ้ม ("พี่นั่งไปโลซานน์อย่างเดียวไม่คุ้มนะ" เฉินหลงเคยบอกกับผม) ผมจึงแว้บไปเบิร์น (เมืองอีกเมืองหนึ่งในสวิส บ้าหรอ) ก่อนกลับมาหาพี่อาร์มที่โลซานน์
ผมกับพี่อาร์มเดินบนถนนเลียบทะเลสาบเจนีวา (Lake Geneva) ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบต่าง ๆ ตามประสาคนสองคนที่นาน ๆ ทีจะเจอกัน
"ก่อนหน้านี้ไปไหนมาล่ะ"
"ก็ไปเบิร์นอ่ะพี่"
"ไปดูอะไร"
"ก็ไปดู Einsteinhaus กับพิพิธภัณฑ์ศิลปะของเขา"
"มึงควรไปดูหมี" ผมไม่ได้ไปดู
"ต้องไปดูด้วยเหรอพี่"
"หมีแม่งไม่ได้ออกมาให้มึงดูบ่อย ๆ นะเว้ย" พี่แกมาเฉลยทีหลังว่าหมีเมืองเบิร์นจะมีคอกเป็นของตัวเอง เลยเขตเมืองเก่าออกไปหน่อย
โลซานน์เป็นเมืองเล็ก ๆ เมืองหนึ่งริมทะเลสาบเจนีวา ที่มีบรรยากาศต่างจากเจนีวาจากหน้ามือเป็นหลังตีนเลยครับ ที่เจนีวา เราจะพบคนจากหลายเชื้อชาติได้เยอะมาก เหตุผลหนึ่งก็คือเจนีวามีสำนักงานใหญ่สหประชาชาติ และสำนักงานขององค์กรระหว่างประเทศองค์กรอื่นเยอะมาก ๆ ส่วนโลซานน์เป็นเมืองการศึกษา จะมีนักเรียนต่างชาติอย่างพี่อาร์มอยู่บ้าง แต่ไม่มากเท่าเจนีวา ผมจึงสังเกตความสงบสุขของคนในเมืองในวันอาทิตย์แบบนี้ได้เลย ประมาณว่าออกมาปิกนิกริมทะเลสาบเจนีวาแบบสโลว์ไลฟ์ ทุกอย่างเป็นแบบสโลว์ไลฟ์หมด ไม่มีรถติด คนไม่พลุกพล่าน เงียบจริง ๆ ครับ
บริเวณริมทะเลสาบเจนีวายังมีพิพิธภัณฑ์โอลิมปิก (Le Museé Olympique) ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของกีฬาโอลิมปิกทั้งหลาย
"เข้าไปดูก่อนได้นะ เดี๋ยวพี่รอตรงนี้แหละ พี่ดูจนเบื่อแล้ว"
ด้วยความเป็นน้องชายที่แสนดี ผมจึงเดินปรี่เข้าไปยังมิวเซียมทันทีครับ ทิ้งให้พี่อาร์มยืนเหงา ๆ กระทำความหว่องหน้ามิวเซียม
ภายในตัวมิวเซียมจะมีงานจัดแสดงเล่าประวัติของกีฬาโอลิมปิก เริ่มตั้งแต่ในยุคโบราณที่เขาจัดกันในเมืองเอเธนส์ ไล่เรียงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งการจัดโอลิมปิกในปัจจุบันว่ามีรายละเอียดต่าง ๆ อย่างไรบ้าง เช่น กีฬาที่จัดแข่ง เหรียญรางวัล ประเทศเจ้าภาพ เริ่มจัดแบบปัจจุบันปีไหน เมื่อจัดการแข่งโอลิมปิกขึ้นมาจะจัดการกับสงครามอย่างไร ฯลฯ ตัวมิวเซียมจะมีลู่วิ่งเขียนกำกับว่า START หมายถึงจุดเริ่มต้นนิทรรศการ และ FINISH หมายถึงจุดสิ้นสุดนิทรรศการ ให้ความรู้สึกเหมือนเดินทอดน่องบนสนามกีฬาโอลิมปิกเลยครับ นอกจากตัวมิวเซียมแล้ว ที่นี่ยังมีร้านขายของที่ระลึก พื้นที่ปิกนิก และยิม ใช่ครับ เขาเขียนไว้เลยว่ามียิมอยู่ แต่ผมไม่มีเวลามากนักเลยไม่ได้ดูละเอียดว่าเขามียิมด้วยเหรอ
ที่สำคัญคือ เราสามารถใช้ Swiss Travel Pass ของเราเข้าไปดูได้ฟรีครับ
หลังจากปล่อยให้พี่อาร์มกระทำความหว่องคนเดียวหน้ามิวเซียม ผมก็เดินออกมาหาพี่แก แต่น่าเสียดายที่ผมต้องกลับเจนีวาเพื่อมารับอาจารย์อีกสองท่านจากโครงการครูสอนฟิสิกส์ภาคฤดูร้อนเซิร์น ผมกับพี่อาร์มจึงใช้เวลาชั่วโมงสุดท้ายก่อนจะจากกันเดินไปยังสถานีรถไฟ โดยมีคนท้องถิ่นอย่างพี่แกนำทาง
เมื่อมาถึงสถานีรถไฟ ผมกับพี่แกก็ดูตารางเวลารถ
"รถเราออกกี่โมง"
"เดี๋ยวก็ออกแล้วพี่"
"ฉิบหายละ รถพี่จะออกแล้วนี่หว่า งั้นลาตรงนี้เลยละกัน"
"ได้ครับพี่"
"โชค ๆ" และพี่แกก็เดินจากไปคนเดียวเหมือนในหนังหว่อง การ์ ไว
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in