เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Passion for JapanJoiiz Dragon
5. All About Love
  • ★ เริ่มคบหนุ่มญี่ปุ่น ... จุดเปลี่ยนขั้นที่สี่ ★

            ตามที่เราได้เกริ่นไว้ในช่วงท้ายของบทความที่แล้วว่าจะเล่าเรื่องแฟนของเรา... เชิญอ่านได้เลยจ้า

            ด้วยความที่การสื่อสารในสมัยนี้รวดเร็วและครอบคลุมไปทั่วโลก การคุยกันผ่านโลกออนไลน์จึงเป็นช่องทางที่ทำให้ได้พบเจอผู้คนหลากหลายรูปแบบ ซึ่งเราเองก็ได้คุยกับคนญี่ปุ่นมาหลายคนทั้งชายหญิงเพื่อฝึกภาษา พูดคุยเรื่องทั่วๆไปบ้าง สอนภาษาให้กันบ้าง แต่ถ้าหากโชคไม่ดีเจอพวกผู้ชายนิสัยต่ำทราม เราก็กดบล็อคและลาโลกกับหมอนั่นไปเลย แต่ถ้าเจอเพื่อนที่ดีก็คุยกันต่อไป

            เราไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะได้คบกับคนญี่ปุ่น มันเป็นความฝันลมๆแล้งๆมากสำหรับคนอย่างเรา เพราะเราชอบญี่ปุ่นในเรื่องของภาษา วัฒนธรรม ดารานักร้อง (โดยเฉพาะอาหารที่สามารถกินได้ทุกวี่ทุกวัน) อันนี้พูดจากใจจริงนะ... ไม่นึกว่าจะมีผู้ชายคนไหนที่ยอมรับตัวตนของเราได้ ผู้ชายที่มีความเป็นผู้ใหญ่ และเทคแคร์เรามาเสมอ เมื่อเราได้มาเจอคนนี้แล้วรู้สึกว่าคนนี้แหละ... ใช่เลย

         จุดเร่ิมต้นของความสัมพันธ์ครั้งนี้คือ เรารู้จักกับแฟนผ่านแอพ Chat ของญี่ปุ่นเมื่อประมาณเดือนพฤษภาคม ปี 2016 ... ตอนนั้นเขาทักเรามาว่าเดี๋ยวจะพาเราเที่ยวเมืองนาโกย่า เพราะตอนนั้นเราเขียนโปรไฟล์ตัวเองว่าเดือนกรกฎาคมจะไปเที่ยวนาโกย่า และเขาเองก็อยู่ที่นาโกย่าพอดี จึงเหลือเวลาคุยกันและทำความรู้จักกัน 2 เดือนก่อนจะไปเจอกันที่ญี่ปุ่น ... จริงๆแล้วก่อนที่จะได้เจอกันนั้น เขาพูดอยู่เสมอว่าเขาชอบเรา มีการขอเป็นแฟนกับเราบ้าง ถึงเขาจะมีความเป็นผู้ใหญ่ ใจเย็น และเอาใจใส่เราอยู่เสมอ แต่เรากลับไม่แน่ใจกับความรู้สึกนี้จึงรอไปเรื่อยๆ และเมื่อได้มาเจอกัน เราสองคนได้ไปเที่ยวด้วยกัน แม้จะเป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆ เขาได้ขอเราเป็นแฟนอีกครั้ง เราจึงลองเปิดใจเพราะเราก็ปิดกั้นตัวเองกับเรื่องนี้มานานร่วม 4-5 ปีได้แล้ว...

            นับตั้งแต่วันที่เราตัดสินใจคบกับแฟนจนถึงตอนนี้ (ปี 2017) ก็ร่วม 1 ปีกว่าๆ ในระหว่างนั้นก็ได้ไปญี่ปุ่น เพราะแฟนต้องการพาเราไปพบพ่อแม่ของเขา ... นั่นถือเป็นเรื่องที่ดีนะ ถ้าผู้ชายญี่ปุ่นพาแฟนของตัวเองไปพบพ่อแม่ของตัวเองถือเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าเขาจริงจัง และพร้อมจะเปิดเผยให้คนรอบข้างรับรู้ว่าคนนี้แหละคือคนที่เขารักและอยากใช้ชีวิตร่วมกัน

            และแล้วก็มาถึงวันๆหนึ่ง... แฟนเราได้พูดอะไรบางอย่างออกมา นั่นทำให้เราถึงกับตกใจและไม่ทันตั้งตัว...
             "แต่งงานกับผมมั้ย? ถ้าจอยโอเค ผมจะพาจอยไปพบพ่อแม่และบอกกับท่านว่าเราจะแต่งงานกัน"
            จริงๆแล้ว แฟนเคยขอแต่งงาน 2-3 ครั้งได้แล้วล่ะแต่เรายังลังเลอยู่ อีกอย่างก็คือเรื่องของค่าใช้จ่ายในการจัดงานแต่งงาน ซึ่งมันไม่ใช่น้อยๆเลย (-_-)

            เมื่อเวลาผ่านไปจนถึงเดือนธันวาคมปี 2016 เรามีแพลนจะบินไปญี่ปุ่นอีกครั้ง เราจึงตกลงรับคำขอแต่งงานของแฟน และไปพบพ่อแม่ของแฟนอย่างเป็นทางการ

             ก่อนที่จะไปพบพ่อแม่ของคุณแฟน เรากับแฟนก็ได้ไปเที่ยวในนาโกย่าด้วยกันอีกครั้ง...

            ร้านก็นี้คือร้าน Isomaru Suisan (磯丸水産) เป็นร้านอาหารทะเลชื่อดัง ซึ่งเราเพิ่งเคยได้ยินว่ามีคนไทยหลายคนแนะนำว่าต้องลอง พอเราไปลองกินก็เห็นด้วยสุดๆ โดยเฉพาะมันปู (〃ω〃) เด็ดมาก !!!


             ในวันเกิดเรา แฟนก็ได้พาไปดูหนังเรื่อง Kimi no Nawa หรือที่รู้จักกันในชื่อ "Your Name" ตอนที่ไปดู มันก็จะเป็นเสียงญี่ปุ่นไม่มีซับใดๆ ที่จริงเราเคยดูมาหลายรอบแล้วล่ะ แต่พอดูทีไรก็สนุกทุกที ดูหนังที่ญี่ปุ่นมันจะมีเรื่องที่ไม่ไหวจริงๆก็เรื่องราคานี่แหละ ผู้ใหญ่คนละ 1,800 เยน มันไม่ใช่เล่นๆ (*´Д`*)

             และแล้วก็จบเรื่องเที่ยวกับแฟน... ต่อไปคือไปพบพ่อแม่ของแฟนครั้งแรก ตอนนั้นแฟนก็ได้บอกกับท่านคร่าวๆด้วยว่าอาจจะมีแพลนแต่งงานกับเราในอนาคต ซึ่งเราเองก็ทำตัวไม่ถูกเพราะไม่นึกว่าตัวเองจะมีวันนี้ ทำได้แค่ยิ้มให้ท่านและคอยปรนนิบัติตอนอยู่บ้านท่าน เอาของฝากไปให้เป็นมารยาท ... อยากจะบอกว่าการวางตัวต่อหน้าผู้ใหญ่เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ ในขณะเดียวกันเราก็ต้องเป็นตัวของตัวเอง ไม่เสแสร้ง แต่ให้ทำตัวเป็นธรรมชาติ คนญี่ปุ่นเขาซีเรียสเรื่องนี้นะ โดยเฉพาะเรื่องมารยาท

             เนื่องจากช่วงนั้นเป็นช่วงสิ้นปี 2016 และได้ไปค้างคืนที่บ้านพ่อแม่แฟน จึงได้ทานนาเบะ (หม้อไฟ) ด้วยกัน และดูรายการทีวีที่ชื่อ "มหกรรมดนตรีขาวแดง" ซึ่งมีทุกสิ้นปี

    จากรูปทางซ้ายมือ ... อาหารที่อยู่ในกล่องเป็นช่องๆแบบนั้นเป็นอาหารที่ทานกันในช่วงปีใหม่ เรียกว่า Osechi Ryouri (おせち料理)

    แอบถ่ายแฟนตอนเดินเล่นกันนอกบ้านพ่อแม่แถบชานเมืองของจังหวัดไอจิ

            ช่วงเวลาที่เราได้พบกับพ่อแม่ของแฟน บรรยากาศดีกว่าที่คิดไว้มากๆ เพราะพวกท่านต้อนรับและดูแลเราเป็นอย่างดี ตอนนั้นได้พักค้างคืนที่บ้านของท่าน คุณแม่แฟนได้เตรียมฟุตง (ฟูกที่นอนแบบญี่ปุ่น) เอาไว้ให้ทั้งของเราและแฟน เราเองก็เกรงใจเหลือเกิน ได้แต่โค้งเป็นการขอบคุณท่าน และสภาพอากาศในตอนนั้นกำลังหนาว พอได้ซุกตัวนอนใต้ผ้าห่มหนาๆกับฟูกที่นอนนุ่มๆแล้วก็อุ่นในหัวใจดีนะ╰(*´︶`*)╯

          เมื่อเราบินกลับมาไทย แฟนได้บอกเราว่าเดือนมีนาคม ปี 2017 เขาจะบินมาไทย ซึ่งเป็นการมาเยือนเมืองไทยครั้งแรกของเขา เราก็วางแผนเรื่องงานแต่งงานไว้แล้วว่าจะจัดในเดือนตุลาคม ปี 2017 จึงตกลงกันว่าจะแวะไปดูสถานที่จัดงานและลองชุดแต่งงานด้วยกัน

               ชีวิตในปี 2017 ก็จะเริ่มยุ่งๆหน่อยละ (*´-`)

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in