- /วันศุกร์...วันนี้อากาศดีเพราะแดดออก/ ความสดใสของแสงอาทิตย์กระดิกนิ้วทักทายฉันตั้งแต่เช้า แต่ฉันก็อิดออดขอนอนต่ออีกสัก 5 นาที ลุงนาฬิกาปลุกตะโกนโหวกเหวกหลายรอบยืนยันห้ามให้ฉันนอนต่อ “เออ ตื่นก็ได้วะ” ฉันตอบรับด้วยความขัดขืนที่เต็มใจ
- ในขณะที่กำลังทำกิจวัตรประจำวันเพื่อเตรียมตัวไปเรียนตอนเช้า กลิ่นของกาแฟดำที่ชงไว้ส่งกลิ่นหอมเย้ายวนชวนหลงไหล ฉันสูดมันเข้าไปเต็มปอด –เหมือนกับดมกลิ่นผ้าที่เพิ่งซักเสร็จใหม่ๆ
- กระดกกาแฟไปหนึ่งอึกใหญ่ กลิ่นหอมหวนสรวลจิตที่เคยแตะอยู่แค่ที่ปลายจมูกได้แพร่กระจายสู่ปาก ลำคอ และทั่วร่างกาย ฉันฮึมฮัมกับตัวเองในขณะที่มือซ้ายถือถ้วยกาแฟ ร่างกายและขาสองข้างกำลังขยับเร้าตามเพลง a spoonful of sugar ว่า “วันนี้ต้องเป็นวันที่ดี”
- ฉันฉีกยิ้มแก้มปริทักทายใบหน้าแสนโทรมราวกับไม่ได้นอนมาทั้งชีวิต (อันที่จริงก็มีส่วนจริงอยู่บ้าง) ในกระจก แล้วบอกกับคนที่อยู่ในกระจกว่า “ฉันชอบเธอจัง เธอช่างมีชีวิตชีวา” ก่อนเดินออกจากห้องไป –เอาเข้าจริงการชมตัวเองก่อนออกจากห้องถือเป็นพิธีกรรมสำคัญของทุกเช้าเลยล่ะ :)
- /วันศุกร์...วันนี้ไม่มีเรียนบ่าย/ ตั้งใจว่าจะอ่านหนังสือเตรียมสอบมิดเทอมเพราะอีกไม่กี่วันจะสอบแล้ว ฉันเดินเอื่อยไปนั่งอ่านหนังสือที่ประจำ –สวนหน้าคณะศิลปศาสตร์ เหมือนทุกๆวัน มือสองข้างซ้ายขวาจัดแจงรูดซิปกระเป๋าเป้แสนเนิร์ดใบเดิม หยิบหนังสือออกมาสองสามเล่ม หนึ่งในนั้นเป็นหนังสือนิยายที่ยัดใส่กระเป๋านานมากแล้วแต่ยังไม่ได้เปิดอ่าน
- สายตาฉันจับจ้องไปที่หนังสือนิยายเล่มสีชมพูที่พิมพ์ด้วยกระดาษขนาด A5 เล็กจ้อยบอบบางเล่มนั้นอยู่นานแสนนาน -ราวกับมีความในใจจะบอกแต่ไม่กล้าเอ่ย ได้แต่รำพึงคนึงนึกอยู่ในใจ “อยากอ่านจัง...แต่ไม่ๆ ต้องอ่านหนังสือเรียน” ฉันจึงหยิบหนังสือเรียน มากางอ่าน...
- อ่านหนังสือสอบไปได้สักพัก สายตาคู่เดิมเริ่มวอกแวก เต้นกระโดดลอกแลกมองคนนู้นทีคนนั้นที สองหูจากเดิมที่ไม่ได้ตั้งใจฟังสิ่งใด กลับได้ยินเสียงนกเย้าหยอกจุ้บจิ้บ และเสียงลมกระทบใบไม้เขียวฤดูฝนดังครืนๆ –มันช่างน่าอภิรมย์เหลือเกิน
- ฉันตัดสินใจปรายตาไปข้างซ้าย มองไปยังจุดกำเนิดของแสงอาทิตย์ และสีที่ประดิษฐ์จากธรรมชาติจากบ่อน้ำใกล้ๆ แสงอาทิตย์จูบกอดผืนน้ำอย่างดูดดื่มบรรเลงเพลงรักด้วยท่าทีระยิบระยับสวยงาม ฝูงลมโกรกฤดูฝนชวนผิวน้ำเต้นระบัดระบำพึมพำเป็นจังหวะ ตามเสียงร้องหลักของนกน้อยและมีเสียงจากใบไม้ครืดคราดเป็นคอรัส ขับกล่อมให้บทเพลงของธรรมชาติสมบูรณ์และสวยงาม ฉันตัดสินใจ “บรรยากาศแม่งได้ขนาดนี้ กูจะต้องอ่านนิยาย...” ไม่ช้าฉันถ่างหน้านิยายและเปิดอ้าให้ตัวอักษรที่บรรจงเขียนของใครคนหนึ่งที่รู้ชื่อ แต่ไม่รู้หน้า...ไหลเข้ามาสู่ผัสสะทั้งห้าของฉันอย่างยินยอม
- ฉันอ่านนิยายเล่มน้อยเล่มนั้นอย่างมีความสุข บดขยี้อารมณ์ให้ป่นแปลกแหลกเหลวแล้วค่อยๆบี้คลุกอารมณ์ให้เคล้ากับนิยาย ตัวหนังสือทั้งหลายร้อยเรียงเป็นภาพที่มีความหมายอยู่ภายในหัว ฉันสนุกสนานเมามายอารมณ์จนห้ามใจไม่อยู่ หน้าแล้วหน้าเล่า บทแล้วบทเล่า จนจบเล่ม...
- /วันศุกร์...วันนี้ไม่นึกเสียดายเลยที่อ่านนิยายเล่มนั้นจนจบเพราะฉันสูบความรู้สึกจากภาษาและอักษรจนจิตและกายอิ่มเอมและเมามาย แต่ที่นึกเสียดายอยู่อย่างหนึ่ง – ถ้ามีคนมานั่งอ่านด้วยกัน ร่วมเสพสุขสมอารมณ์เมามายผ่านหนังสือดีๆสักเล่มก็คงจะดี ฉันคงจะบรรยายเรื่องที่ฉันไปเจอในโลกของนิยายให้เขาฟังทุกเรื่องจนหมดจดเลยล่ะ :) /
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in