1.
เขาบอกเวลานัดหมายและสถานที่แบบคร่าวๆกับผมแล้วก็วางสายไป
ปรกติผมมักไปถึงที่หมายก่อนเวลานัดเสมอ วันนี้ก็เช่นกัน
ตรงที่ผมยืนอยู่ เป็นสี่แยกกลางเมือง ที่ยามนี้กำลังคราคร่ำไปด้วยรถราแล่นสวนทางกันไปมา ทุกคันดูเร่งรีบ ต่างกับไอแดดที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะอ่อนแรงลงไปอย่างเชื่องช้า แม้เข็มนาฬิกาบนข้อมือขวาของผม กำลังชี้บอกเวลา17.05 น.ความร้อนของบรรยากาศรอบตัวยังคงไม่เย็นลง ผมยืนรอเขาในขณะที่ร่างกายกำลังปล่อยเม็ดเหงือน้อยใหญ่หลั่งไหลออกมาให้ผิวผ้าซึมซับเล่นๆ
ในนาทีนี้ ผมไม่อยากจะสนใจเรื่องของคนอื่นมากนัก ไม่อยากสนใจว่าใครกันหนอที่ทำให้โลกร้อนขึ้น ไม่อยากสนใจว่า หลังจากนี้อีกกี่ปีแดดตอนห้าโมงเย็นมันจะร้อนแค่ไหน ผมอยากสนใจแค่เรื่องของตัวเอง ผมอยากทำงานให้มันจบๆไปในวันที่ร้อนฉิบหาย...
ผมบ่นในใจได้เพียงเท่านี้ เขาและผู้ช่วยอีกคนก็เดินทางมาถึง รอยยิ้มถูกส่งออกมาก่อนที่เสียงทักทายจะตามมาทีหลัง ยานพาหนะที่เขาเดินทางมา คล้ายรถขายไอสกรีมที่เด็กๆ ชอบ ต่างกันเพียงในรถนั้น ถูกบรรจุด้วยหนังสือนิทาน รูปภาพ และอุปกรณ์สำหรับประกอบการทำกิจกรรมเสริมสร้างทักษะการเรียนรู้เด็ก อาจจะเพราะรู้ตัวว่าเดินทางมาคลาดเคลื่อนจากเวลานัดหมาย เขาและผู้ช่วยจึงเร่งรีบเก็บของออกจากรถ เตรียมเดินทางเข้าไปในตรอกแคบริมถนนที่เราเจอกัน ผมล้วงเอากล้องวิดีโอออกมาจากกระเป๋าเตรียมพร้อมบันทึกภาพ
ทั้งผม เขา และผู้ช่วย กำลังตกอยู่ท่ามกลางความเปียกของผิวผ้าที่สวมใส่ แน่นอนว่านั่นคือภัยจากเม็ดเหงื่อที่รุมเร้า เราสามคนเดินทางเข้าไปในตรอกแคบเล็กๆ ที่บนพื้นเจิ่งนองไปด้วยน้ำขัง
ผมเริ่มได้ยินเสียงจ๊อกแจ็กจอแจชัดเจนขึ้น พร้อมกับภาพผู้คนในชุมชนที่หนาตา บางคนกำลังนอนพักผ่อนที่ใต้ถุน ในขณะที่อีกหลายคนกำลังซักผ้าริมถนนหน้าบ้าน เด็กจำนวนหนึ่งวิ่งไปมาระหว่างบ้านหลังโน้นหลังนี้ ผ่านผู้ใหญ่กลุ่มนั้น ที่จดจ่อกับการเลือกข้างเสียงโชคในเกมพนันสักอย่าง ผู้ช่วยเขาหันมาบอกให้ผมลดกล้องลงจากท่าเตรียมบันทึกภาพ เพราะรู้สึกถึงสายตาหวาดระแวงของผู้คนรอบข้าง
ผมทำตามเขาแต่โดยดี ทว่ายังไม่หยุดปุ่มบันทึกของกล้อง ผมปล่อยให้มันทำงานต่อโดยไม่สนใจที่จะควบคุมขนาดของภาพ ไม่นานเราก็เดินทางเข้ามาถึงที่นัดหมาย มีเด็กหลายคนวิ่งออกมารับหนังสือจากเขาและผู้ช่วย รอยยิ้มและคำทักทายของผู้ปกครองเด็กเหล่านี้ ทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายกว่าการเดินทางที่ผ่านมาเมื่อครู่
สายลมพัดเข้ามาให้ที่เงียบๆ แห่งนี้ให้เริ่มคลายตัวจากความร้อน ผมบันทึกภาพได้ตามสะดวก สายตามองหาสิ่งที่ต้องการไปเรื่อยๆ
"นิทานมาแล้วเด้อ.ออ..อ "เสียงป้าคนหนึ่งตะโกนขึ้น
2.
“เมื่อไหร่พี่จะทำงานเป็นหลักเป็นแหล่ง?” ต้นเสียงตัดพ้อส่งสายตาไม่พอใจมาที่ผม ไม่มีคำตอบเล็ดรอดออกมาจากปากชายวัยสามสิบต้นๆแม้แต่นิด ผมเก็บคำตอบไว้ในคำนึงน่าจะดีกว่า
“ป่านเริ่มจะไม่ไหวแล้วนะ! วันๆพี่ทำอะไรมากกว่าออกไปถ่ายวิดีโอบ้างหรือป่าว?” ผมส่ายหัวและยิ้มเจือนๆ เธอคงไม่สบอารมณ์กับอาการของผมมากกว่านาทีที่แล้ว ถึงกับมองหาสิ่งของรอบตัว หมายจะคว้าและคว้างมัน
“พี่ยืมเงินค่าน้ำมันรถหน่อยซิ!” นี่คือความกล้าหาญที่สุดของผมในรอบสองปีที่ใช้ชีวิตใกล้ๆ เธอ ป่านชะงักเมื่อได้ยินประโยคที่ว่า เธอตัวสั่นด้วยความโกรธและวางนาฬิกาปลุกลงบนขอบเตียง อย่างน้อยความกล้าเมื่อครู่ของผม ก็ทำให้ไอ้เจ้านาฬิกานี้ปลอดภัย แบงค์ร้อยจำนวนสามใบลอยเคว้งในอากาศ...
7 วินาทีต่อมา เสียงกระแทกประตูก็ดังขึ้น
ความเงียบเข้ามาเยือนอีกครั้ง... ผมก้มลงเก็บเงินที่เธอปาให้ พลางหันไม่มองรอบๆห้องพัก หนังสือภาษาอังกฤษที่เธอใช้ประกอบการสอนนักศึกษาอยู่ทุกวัน โดนลูกหลง หล่นไปกองที่ใต้เตียง ผมหยิบมันขึ้นมา เห็นลายมือเธอเขียนไว้ด้วยหมึกสีแดง อักษรที่คุ้นตากำลังยิ้มทักทายผม
อืม.... ผมพยายามอ่านมัน " ดี- โอ- เอ็น- ที - โด๊น แคร์ "
3.
“นิทานมาแล้ว” เด็กชายตัวน้อยวิ่งมาพร้อมๆกับเพื่อนอีกสองสามคน ทั้งหมดทิ้งตัวลงไปที่เสื่อขนาดใหญ่ หนังสือนิทานถูกรื้อค้น หนึ่งคนในนั้นได้ดั่งใจหมาย แล้วส่งให้เขา
“ผมอยากฟังเรื่องนี้ ” เขารับหนังสือจากมือเด็กชายมากางออก โดยหันหน้ากระดาษไปยังเด็กอีกหลายคนที่รอการอ่านของเขา เมื่อทุกคนพร้อม เขาก็เริ่มทำงาน
“ นานมาแล้วในป่าแห่งหนึ่ง เจ้ากระต่ายน้อย ได้ออกเดินทางไปสู่โลกที่ มันไม่เคยเห็น.... สายลมและแสงแดดกำลังท้าทายแววตาอยากรู้เห็นของเจ้ากระต่ายน้อย... ” ผมหันกล้องไปทางต้นเสียง และบันทึกเม็ดเหงื่อที่กำลังไหลลงจากใบหน้าเขาได้ทันพอดี ไม่นานผมสวิงกล้องไปที่กลุ่มเด็กที่กำลังฟังนิทาน จากการอ่านของเขาอย่างมีความสุข สายตาความอยากรู้อยากเห็นส่งพลังความอบอุ่นบางอย่างให้แก่ผม ภาพบนวิวไฟล์เด้อร์ กล้อง ทำให้ผมคิดถึงเรื่องที่เพิ่งผ่านมาชั่วโมงที่แล้ว
4.
เข็มนาฬิกาบนข้อมือขวาผมชี้บอกเวลา 16.00น. ในยามนี้ปรกติป่านจะไม่ทำกิจกรรมอื่น นอกจากรอนักเรียนเดินทางมาเรียนพิเศษกับเธอ นักเรียนที่อยู่ในระดับชนชั้นกลาง พ่อแม่วางแผนให้ได้รับโอกาสทางความรู้และการเรียนเต็มที่จนแทบจะไม่มีเวลาว่างในวันหยุดและหลังเลิกเรียน
ป่านเป็นติวเตอร์สอนภาษาอังกฤษให้กับนักเรียนชั้นประถมต้นหลายคน ผมเคยไปนั่งเล่น รอเธอสอนอยู่เสมอ จึงไม่น่าจะคาดเดาผิดตำแหน่งที่เธออยู่
“เอ เอ็น...ที...แอ้น... แปลว่า มด” ป่านชี้มือไปที่หน้ากระดาษตรงหน้า เด็กหญิงตัวน้อยพยายามอ่านตามเธอ ป่านหันมายิ้มให้กับผม หลังจากที่เด็กหญิงคนนั้นทำตามในแบบฝึกหัดที่เธอสอนได้ดี ในนาทีที่ผมส่งรอยยิ้มตอบกลับไปที่เธอนั้น...เป็นช่วงเวลาที่ชื่นมื่นที่สุด
ในตอนนั้น...ผมทำงานให้กับหน่วยงานราชการแห่งหนึ่ง มันดูมั่นคงพอตัว สำหรับหนุ่มวัยใกล้ 30 ความสนิทสนมที่เริ่มก่อตัวจากการคบหาแบบพี่น้อง จึงกลายเป็นคู่รักที่วางแผนอนาคตอย่างค่อยเป็นค่อยไป ป่านเป็นผู้หญิงสวยที่ชอบวางแผนชีวิต เสน่ห์ของเธออยู่ที่ความมุ่งมั่น ทุกก้าวที่เธอเลือกเดินมีหลักเกณท์ในการตัดสินใจที่รอบคอบเสมอ...
ทว่าในนาทีนี้ คือปัจจุบันที่ไม่ได้มีภาพป่านนั่งอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อนตรงหน้าผม ปัจจุบันที่ผมได้ลาออกจากงานราชการแห่งนั้น ด้วยเหตุผลที่ป่านไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ เพราะผมดันทะลึ่งไปเหยียบเท้าผู้บริหารระดับสูงเข้าอย่างจัง หรือพูดให้ถูกคือ ผมไปขวางทางการจัดสรรงบประมาณในระบบให้กลายเป็นนอกระบบของเขาสะดุด การเสียผลประโยชน์ครั้งนั้น ทำให้ผมต้องออกมาหางานใหม่ แทนที่จะอยู่ให้ผู้บริหารหน้าเงินคนนั้นบีบและดูถูกไปวันๆ
ป่านไม่ชอบการตัดสินใจของผม...
เธอบอกว่าผมไม่อดทน เอาอารมณ์ไปเสี่ยงกับความมั่นคงในหน้าที่การงานของตัวเอง
ป่วยการณ์ที่จะอธิบายเหตุผล ผมจึงปล่อยให้ทุกอย่างเดินไปในแบบที่มันควรจะเป็น หลังจากวันนั้น บรรยากาศในชีวิตคู่ของเราก็เปลี่ยนไป ..
5.
แสงแดดยามบ่ายแก่ๆ ทอดตัวลงมายังโต๊ะม้าหินอ่อน อันว่างเปล่าตรงหน้า ผมสับสนเหลือเกิน... ในอาทิตย์นี้ ป่านทะเลาะกับผมทุกวัน มันพลอยทำให้อารมณ์ของเราทั้งคู่หม่นหมอง แม้ทุกครั้ง... ไม่ว่าใครจะผิดหรือถูก ผมจะเป็นฝ่ายง้อเธอก่อนเสมอ ครั้งนี้ก็เช่นกัน ผมขับรถ(หลังจากที่ได้ค่าน้ำมันจากเธอ) วนหาที่จอด สักพักจึงได้ที่ว่างดั่งใจหมาย โดยไม่รีรอ ทันทีที่ดับเครื่อง ผมก็รีบพาตัวเองมายืนอยู่ที่ตรงนี้ ...ไม่มีภาพป่านอย่างที่ผมคาดการ เธอคงไปเข้าห้องน้ำ ผมลองกดโทรศัพท์หาเธอ
ป่านไม่รับสาย...
6.
เขาหันมาหยิบหนังสือนิทานเล่มใหม่ พร้อมกับหันมามองการทำงานของผู้ช่วยเขา เวลาผ่านไปรวดเร็ว หรืออาจเป็นเพราะการเหม่อลอยถึงอดีตเมื่อครู่ของผม จึงทำให้นิทานเล่มแรกจบลงอย่างรวดเร็ว ผมหันไปถามข้อมูลที่สงสัยจากผู้ช่วยของเขา ได้ความว่า เขาจะอ่านนิทานเล่มแล้วเล่มเล่า จนกระทั่งฟ้าเริ่มมืด ผมอุ่นใจขึ้น เพราะรู้ว่าตัวเองยังมีโอกาสเก็บภาพอีกช่วงเวลาหนึ่ง ผมสัญญากับตัวเองว่าจะไม่กลับไปคิดถึงเรื่องวุ่นๆ เมื่อชั่วโมงที่แล้วอีก
ความร้อนคลายตัวลง แต่เม็ดเหงือน้อยใหญ่ยังคงรุ่มเร้า เขา ผู้ช่วย เด็กๆ และผม แปลกที่เวลานี้ผมกลับไม่รู้สึกฉุนเฉียวเหมือนตอนมาถึงที่นี่ใหม่ๆ ผมยิ้มให้กับเด็กคนหนึ่งที่หันมามองกล้อง ในใจนึกขอบคุณตัวเองที่ตัดสินใจรับงานนี้ หนึ่งอาทิตย์ที่แล้ว มีคนติดต่อให้ผมทำสารคดีเกี่ยวกับคนกลุ่มหนึ่ง ที่พยายามเอาหนังสือเข้าไปหาเด็กในตำแหน่งที่มีเยาวชนกลุ่มเสี่ยง เยาวชนบุตรหลานของคนหาเช้ากินค่ำ ที่เสี่ยงต่อการอ่านหนังสือไม่ออก
“เราคงต้องรับความจริง ว่ามีเด็กจำนวนมากในเมืองนี้ อ่านหนังสือไม่ออก “ เขาบอกผมก่อนมาที่นี่ ผมอยากรู้ว่ามันจะเป็นแบบที่เขาพูดจริงหรือเปล่า เลยตัดสินใจขอติดตามเขามาทำงาน จึงได้เห็นภาพความจริงที่ซ่อนตัวอยู่ในเมืองใหญ่เมืองนี้ "ถ้าพ่อแม่มีเวลาอ่านหนังสือให้ลูกฟังบ้าง และให้โอกาสเด็กเหล่านี้ได้พบกับหนังสือดีๆ มันคือการจุดประกายให้เค้ากระโจนเข้าสู่โลกแห่งหนังสือที่มหัสจรรย์ " เขาย้ำให้ผมเห็นถึงเจตนาที่ตระเวนขับรถ หอบหนังสือไปเล่านิทานให้เด็กๆฟังในสถานที่ต่างๆ
หลังจากวันนี้ ผมคงตามเขาไปทุกที่จนกว่าจะได้เรื่องและภาพตามใจหมาย ผมอยากถ่ายทอดเรื่องราวนี้ให้แก่คนที่ไม่ได้รับรู้ถึงกิจกรรมเล็กๆของคนกลุ่มหนึ่งได้รู้สึกแบบเดียวกันกับผม
เด็กหญิงตัวเล็กคนหนึ่งเดินเตาะแตะมาแอบมองภาพในกล้องของผมจากทางด้านหลัง ผ่ามือขนาดเล็กแตะที่ไหล่ผม มีเสียงสูดขี้มูกขึ้นจมูกดัง ฟื้ด..ดดดด..ฟ้าด...ดดดด..ตลอดเวลา ผมยิ้มและบอกตัวเองว่าในนาทีหลังจากนี้ว่า... ผมคงต้องสนใจเรื่องของคนอื่นมากขึ้น แม้จะยังไม่แน่ใจว่า ใครกันหนอที่ทำให้โลกร้อนขึ้น และหลังจากนี้อีกกี่ปีถัดไป แดดตอนห้าโมงเย็นมันจะร้อนแค่ไหน
ผมเริ่มรู้สึกอยากทำงาน แม้ว่ามันจะเป็นวันที่ร้อนฉิบหายก็ตามที เพราะผมอยากเอาภาพเหล่านี้กลับไปตัดต่อเป็นสารคดีให้ป่านดู เรื่องบางเรื่องที่ติดอยู่ในทัศนะคติของผม อาจตรงกับภาพสารคดีก็เป็นได้ หวังว่าป่านคงจะเข้าใจ
เสียงโปรแกรมไลน์ ดังขึ้นที่มือถือ ผมยิ้มให้กับหน้าจอโทรศัพท์ ป่านเป็นคนส่งมา เธอคงหายโกรษแล้วกระมัง"วันนี้ได้รับค่าสอนพิเศษเด็ก จะไปเลี้ยงข้าวเพื่อน เย็นนี้ตัวใครตัวมันนะ" ความว่างเปล่ามาเยือนจิตใจทันที ผมอ่านข้อความนี้ซ้ำไปซ้ำมา และมองภาพเด็กๆตรงหน้า ด้วยความรู้สึกที่ยากบรรยาย
รู้แต่เพียงว่า ผมไม่อยากอ่านข้อความเมื่อครู่อีกเลย ...
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in