ประมาณ 4-6 เดือนก่อนแต่งงานเป็นช่วงที่เจ้าสาวควรที่จะเริ่มจัดทำการ์ดแล้วนะคะ อย่างน้อยที่สุดก็ 4 เดือนล่ะค่ะ เผื่อเวลาต้องแจกการ์ดด้วย

ซึ่งเดี๋ยวนี้เจ้าสาวมีตัวเลือกหลากหลายวิธีในการจัดทำการ์ด ไม่ว่าจะทำการ์ดเองแบบ DIY (ถ้าแขกไม่เยอะและอินกะงาน craft) หรือจะทำไฟล์กราฟฟิกเองแล้วส่งให้โรงพิมพ์ (วิธีนี้ก็ประหยัดและถูกใจที่สุด เหมาะกับเจ้าสาวสาย art ทำงานกราฟฟิกเองได้หรือมีคนช่วย) หรือวิธีสุดท้ายสั่งร้านทำค่ะ (วิธีนี้ง่ายสุด เหมาะกับสายเปย์... แต่ก็ไม่ง่ายซักทีเดียวนะ)

credit: Pinterest

กิจกรรมการเลือกการ์ดงานแต่งอะเนอะ เริ่มกันเลย

1. กิจกรรมการเลือกการ์ดงานแต่ง ส่วนตัวคิดว่าเป็นกิจกรรมเดี่ยวนะคะ อย่าเอาคนมาช่วยเลือกเยอะ เป็นไปได้ทำคนเดียวค่ะ 
   
2. ถึงจะพกเจ้าบ่าวมาด้วย ก็สงสารสงสารเจ้าบ่าวนะคะ เพราะรายละเอียดการเลือกการ์ดเข้าถึงดีเทลมาก (วีธีดีลกับเจ้าบ่าวเบื้องต้นที่คุณควรทราบ คือเราจะเสนอตัวเลือกให้เค้า ไม่เกิน 3 อย่าง ซึ่งใน 3 อย่างเราชอบทุกอัน) บอกว่ารายละเอียดการเลือกการ์ดเข้าถึงดีเทลมาก....มากขนาดไหน.....คุณต้องเลือก font ขนาด font สี font จินตนาการการวาง layout เลือกกระดาษ เลือกพื้นหลัง สีครีมถ้าพิมพ์เคลือบจะออกสีเหลืองมากขึ้นต้องลดโทนครีมลง เลือกว่าจะมีกรอบมั้ย กรอบแบบไหน สีกรอบล่ะ ทำไปพร้อมๆกับการคำนวณ cost ในใจ คือมันดีเทลมากและทำกิจกรรมเดิมอย่างน้อย 2 ครั้ง ด้านหน้าและด้านหลัง เป็นกิจกรรมที่ใช้ความรุ้สึกเอาล้วนๆ แค่มาตัวคนเดียวก็ลมปราณแตกซ่านละค่ะ อย่าหาเหาใส่หัวด้วยการหาคนมาช่วยเลือกแบบเพิ่มเลย
3. ยกเว้นว่าคุณเป็นคนอะไรก็ได้หมด ตัดสินใจไม่เก่ง (คหสต. คิดว่าเจ้าสาวแบบอะไรก็ได้หมดคงมีน้อย ส่วนใหญ่พูดไปงั้น จริงๆก็มีที่ชอบแหละแต่ไม่พูด/ก็ไม่เข้าใจนะ) หรือกรณีว่าที่สามีชอบมีส่วนร่วม
   
4. มันไม่มีวิธีที่ง่ายกว่านี้เหรอ......มีค่ะ......ถ้าอยากสะดวกขั้นสุด คุณสามารถเลือกแบบที่ร้านเค้ามีเป็น pattern อยู่แล้วค่ะ กรณีนี้จะง่ายมากจริงๆ ส่วนใหญ่เป็นลายกราฟฟิคแล้วแต่ชอบนะคะ พอดีเรามาทางสายลำบากหน่อยแต่อยากถูกใจจริงๆและก็ไม่อยากซ้ำกับคนอื่นเท่าไหร่
   
5. ทำจากจินตนาการล้วนๆเลยเหรอ ถ้าพลาดล่ะจะทำยังไง....อย่าเพิ่ง panic ไปค่ะ ทางร้านเค้าจะวาง layout ละทำมาให้เลือกค่ะ โดยส่วนใหญ่จะให้โอกาสแก้ไข (จำกัดครั้ง) ไม่ต้องกลัวที่จะพลาด คุณมีโอกาสอีกแน่นอน (ส่วนตัวเลยคิดว่าแบบที่ขึ้นแบบที่ 1  ให้ใส่ความต้องการของคุณให้ครบ ยังไม่ต้องคิดว่าจะเยอะไปมั้ยนะ เพราะเราไปแก้ด้วยการตัดออก ดีกว่าอยากลองเพิ่มทีหลัง ทั้งเติมเข้าและเอาออกจะเป็นการแก้ไขซ้ำซ้อนค่ะ)
   
6. เทคนิคประหยัดงบ: ช่วงเตรียมงานแต่ง ควรลองไปงาน wedding fair ซึ่งมักจะมีร้านการ์ดมาออกบูท ถ้าปุ้ปปั้ปรับโชค คุณก็ได้โปรโมชั่นดีดีด้วย อย่างเราได้โปร 1 แถม 1 มา ประหยัดไปหลายพันบาทเลย เพราะการ์ดกระดาษธรรมดาราคาเริ่มต้นที่ 28 บาท++ ถ้าหาโปรมาได้ มันจะช่วยลดcost ได้พอสมควร 
   
7. เป็นเจ้าสาวต้องใจนิ่ง: เมื่อได้ดูตัวอย่างงาน จับ texture กระดาษดูแล้ว กระดาษรุ่นหรูๆจะพิมพ์ออกมาสวยกว่าจริงๆ รู้สึก Luxury  ต้องตั้งสตินิดนึงนะคะ ละลองคิดดูว่าส่วนต่างราคากับกระดาษธรรมดามันเยอะมั้ย คูณด้วยจำนวนพิมพ์ จะได้มองเห็นเงินที่กำลังจะออกจากกระเป๋าค่ะ  (คหสต.จะไม่ invest กับการ์ดเกินกว่าจำเป็นค่ะ)
   
8. ถ้ามีการเชิญแขกแยกชุด เช่น งานเช้าแยกงานเย็น คุณมีทางเลือกที่จะแทรกการ์ดขนาดเล็กใส่ซองเชิญเฉพาะแขกงานเช้า เป็นต้น เจ้าสาวควรตั้งสติมาก่อนเพราะบางทีที่ร้านเค้ามีบริการ การ์ดแทรกราคาจะย่อมเยากว่า ส่วนตัวตอนแรกวางแผนไว้ว่าจะทำเองเพราะจำนวนไม่เยอะ แต่เอาจริงๆ สั่งเหอะค่ะ ง่ายดี ทำเองกว่าจะไปหากระดาษหนังช้าง หนังกวางเรนเดียร์ ไหนจะต้องแอบเข้าออฟฟิศไปปริ๊นฟรี เหนื่อยเปล่าๆ สุดท้ายราคาต่างกันในหลักไม่กี่ร้อย
   
9. การพิมพ์ส่วนใหญ่ใช้เวลา 1 เดือนกว่า รวมแก้แบบ เพราะฉะนั้น 4 เดือนเป็นเวลาน้อยที่สุดที่จะเริ่มทำการ์ดค่ะ แต่คิดอีกแง่ ทำการ์ดเสร็จไวก็มีข้อดีหลายประการนะคะ เพราะเป็นการล็อค related parties ให้ร่วมมือร่วมใจไม่ทำอะไรนอกเหนือไปจากกำหนดการที่พิมพ์ไปแล้ว ลดความลำไยของทั้งตนเองและผุ้อื่นค่ะ /ใช่ค่ะ เราก็ลำไยมาก มากกกกกกก
10. สิ่งที่ควรเตรียมมา 

• จำนวนพิมพ์ (อาจน้อยกว่าจำนวนแขกที่เชิญ เพราะบางกรณีเชิญเป็นครอบครัวแจกการ์ดเพียง 1 ใบเท่านั้น และควรพิมพ์จำนวนเผื่อกรณีแขกตกหล่นการ์ดจะไม่พอ ส่วนตัวเผื่อ 20%ค่ะ)
  
• ข้อความ (ที่คุณพ่อคุณแม่ approveแล้ว เพราะมีชื่อท่านในการ์ดด้วย เป็นการให้เกียรติผู้ใหญ่นะคะ)
  
• รูป ถ้าการ์ดด้านหน้าเป็นรูป (ที่ตกลงกับเจ้าบ่าวมาแล้ว อย่ามาเลือกหน้างานเลยค่ะ เสียเว)
  
• ตีมสี ตีมงาน มันจะช่วยให้ง่ายขึ้นค่ะ (ส่วนตัวมาเลือกการ์ดแบบไม่มีตีมชัดเจน จะเหนื่อยมาก)