เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
แปลเพลงญี่ปุ่นKanzen Memeshe
แปลเพลง EVERBLUE ของ Omoinotake
  • "การทำสิ่งที่ชอบ ไม่ได้หมายความว่าเราจะสนุกกับมันไปได้ตลอด" คำพูดของยาโทระ ตัวละครจากมังงะเรื่อง Blue Period ประโยคนี้สะท้อนสภาพของการไล่ตามความฝันที่เราต้องเผชิญกับหลากหลายความรู้สึก ทั้งความรู้สึกทรมานกับการไล่ตามความฝัน ความรู้สึกที่ทุกคนพัฒนาขึ้นไปไหนต่อไหนแล้วแต่ทำไมเรายังอยู่ที่เดิม รวมถึงความรู้สึกที่ว่า เราจะต้องไล่ตามความฝันไปจนถึงเมื่อไหร่กันนะ... แต่เราก็เชื่ออยู่ลึกๆ ว่าชีวิตที่ดูเหมือนโปร่งใส ไร้สีนั้น สักวันหนึ่งมันจะต้องเปล่งประกายเป็นชีวิตที่มีสีสันสดใสได้แน่นอน 


    เพลงเปิดอนิเมะ Blue Period จากวง Omoinotake เพลงนี้ ตีความเรื่องราวในมังงะ Blue Period ของ อ.Yamaguchi Tsubasa ออกมาได้ดีมากๆ เลยค่ะ ลองไปฟังกันดูค่ะ 



    เพลง: EVERBLUE 
    Music: Leo Fujii 
    Words: Tomoaki Fukushima
    Produced & Arranged: Koichi Tsutaya (agehasprings)





    白む空に吐き出すため息は
    無色透明でまるで空っぽみたい
    shiramu sora ni 
    haki dasu tame iki wa
    mushoku tōmei de 
    marude karappo mitai
     
    ลมหายใจที่พ่นมันออกไปสู่ท้องฟ้ายามรุ่งสางนั้น
    ช่างโปร่งใส ไร้สี ราวกับไม่มีอยู่จริง*


    ページをめくれば
    景色を変えるノベル
    pēji o meku reba
    keshiki o kaeru noberu

    นวนิยายจะมีทิวทัศน์เปลี่ยนไป 
    เมื่อเราพลิกหน้ากระดาษ


    カレンダーめくっても
    変われもしない僕
    karendā mekutte mo
    kaware mo shinai boku 

    ถึงแม้ปฏิทินจะหมุนเวียนเปลี่ยนผัน
    แต่ตัวผมก็ยังคงเหมือนเดิม


    擦る臉 満員の電車の中
    まるで誰かの人生のエキストラみたい
    kosuru mabuta 
    man'in no densha no naka 
    marude dareka no 
    jinsei no ekisu tora mitai 

    ขยี้ตาบนรถไฟฟ้าที่ผู้โดยสารแน่นขนัด
    ดูเหมือนผมเป็นตัวประกอบในชีวิตใครสักคน


    ただ欲しかったのは今を生きる理由
    tada hoshi katta no wa
    ima wo ikiru riyū 

    เพียงแต่สิ่งที่ผมต้องการนั้น
    ก็คือเหตุผลในการมีชีวิตอยู่ในตอนนี้


    イメージしてた未来に
    どれだけ近づけただろう
    imēji shiteta mirai ni 
    dore dake chikad zuketa darou 

    ผมจะเข้าใกล้อนาคตที่วาดฝันไว้
    ได้มากน้อยแค่ไหนกันนะ


    My life いつの日にかカラフル
    My life itsu no hi ni ka karafuru

    ชีวิตของผมนั้น 
    สักวันมันจะมีสีสันสดใส


    色のない雨がいつか虹を描くように
    iro no nai ame ga itsuka
    niji o egaku yō ni 

    เหมือนกับที่สักวันหนึ่ง 
    ผมจะวาดสายรุ้งลงไปบนสายฝนที่ไร้สี


    My life どんな色のエンドロール
    My life don'na iro no endo rōru

    ชีวิตของผมนั้น
    จะมีฉากจบเป็นสีสันแบบไหนกันนะ


    涙さえも塗り重ねて描くキャンバス
    namida sae mo nuri kasanete 
    egaku kyan-basu
     
    ผืนผ้าใบที่แม้แต่หยดหยาดน้ำตา
    ผมก็จะวาดภาพระบายสีซ้อนทับมันลงไป


    青い願い 挫折の赤い痛み
    aoi negai 
    zasetsu no akai itami 

    คำขอร้องวิงวอนที่แสนอ่อนหัด
    ความเจ็บปวดที่แสนงดงามของการล้มเหลว**


    混ざる色味はまるでカサブタみたい
    mazaru iromi wa
    marude kasa-buta mitai 

    เฉดสีที่ผสมกันนั้น 
    ช่างดูเหมือนสะเก็ดแผล


    瞬きも忘れて夢の中にいるんだ
    mabataki mo wasurete 
    yume no naka ni irun da 

    ตกอยู่ในภวังค์แห่งความฝัน
    จนลืมเลือนแม้กระทั่งการกระพริบตา


    何度夜が明けても
    覚めもしないほど深く
    nando yoru ga ake temo
    same mo shinai hodo fukaku 

    ดำดิ่งลึกลงไปถึงขนาดที่ว่า
    แม้จะผ่านไปกี่คืนวันก็ไม่ลืมตาตื่น


    My life 傷跡さえ隠さず
    My life kizu-ato sae kakusazu 

    ชีวิตของผมนั้น
    แม้แต่รอยแผลก็เก็บซ่อนมันเอาไว้ไม่อยู่


    胸を占める不安さえも
    滲ませたっていいさ
    mune o shimeru fu-an sae mo 
    nijima setatte ii sa 

    แม้กระทั่งความกังวลที่เกาะกุมหัวใจไว้
    ก็ปล่อยให้มันไหลซึมออกมาเถอะ


    My life 成れやしないジーニアス
    My life nareya shinai jī-niasu

    ชีวิตของผมนั้น
    ไม่มีทางที่จะกลายเป็นอัจฉริยะได้หรอก


    だから僕のありのままを
    描くキャンバス
    dakara boku no ari no mama wo 
    egaku kyan-basu

    เพราะฉะนั้นมันจะเป็นผืนผ้าใบ
    ที่วาดตัวตนจริงๆ ของผมลงไป


    どんな僕でいたい?
    don'na boku de itai? 

    อยากจะเป็นตัวผมในรูปแบบไหน?


    どんなふうに生きたい?
    don'na fuu ni ikitai? 

    อยากจะใช้ชีวิตแบบไหนกัน?


    問いかけをパレットに落として
    探した僕の色
    Toi kake o paretto ni oto shite 
    saga shita boku no iro 

    โยนคำถามเหล่านั้นให้ตกลงไปบนจานสี
    แล้วตามหาสีสันของตัวผมเอง


    理想や模倣などいらない
    risō ya mohō nado iranai 

    ทั้งอุดมคติและการลอกเลียนแบบน่ะ 
    ไม่จำเป็นหรอก


    答えはそこにはない
    kotae wa soko niwa nai 

    คำตอบมันไม่ได้อยู่ตรงนั้น


    身体中を駆ける  この想いを今描く
    karada jū wo kakeru
    kono omoi wo ima egaku 

    ให้ร่างกายวิ่งทะยานออกไป
    ตอนนี้ผมจะวาดความคิดคำนึงนี้ออกมา


    My life いつの日にかカラフル
    My life itsu no hi ni ka karafuru

    ชีวิตของผมนั้น
    สักวันมันจะมีสีสันสดใส


    色のない雨がいつか虹を描くように
    iro no nai ame ga itsuka
    niji o egaku yō ni 

    เหมือนกับที่สักวันหนึ่ง 
    ผมจะวาดสายรุ้งลงไปบนสายฝนที่ไร้สี


    My life どんな色のエンドロール
    My life don'na iro no endo rōru 

    ชีวิตของผมนั้น
    จะมีฉากจบเป็นสีสันแบบไหนกันนะ


    涙さえも塗り重ねて描くキャンバス
    namida sae mo nuri kasa nete 
    egaku kyan-basu

    ผืนผ้าใบที่แม้แต่หยดหยาดน้ำตา
    ผมก็จะวาดภาพระบายสีซ้อนทับมันลงไป





    ------------------------------------------
    head blog photo by Henrik Dønnestad on Unsplash



    *白む空に吐き出すため息は
    無色透明でまるで空っぽみたい
    shiramu sora ni haki dasu tame iki wa
    mushoku tōmei de marude karappo mitai 
    ลมหายใจที่พ่นมันออกไปสู่ท้องฟ้ายามรุ่งสางนั้น
    ช่างโปร่งใส ไร้สี ราวกับไม่มีอยู่จริง
    • จริงๆ ため息 tame iki หมายถึง การถอนหายใจ
    • ท่อน 吐き出すため息 haki dasu tame iki จะหมายความประมาณว่า การถอนหายใจที่พ่นลมหายใจออกไป แต่เราไม่อยากใช้คำซ้ำจึงแปลไปว่า "ลมหายใจที่พ่นมันออกไป" 
    • 空っぽ karappo หมายถึง ว่างเปล่า กลวง ไม่มีเนื้อหาสาระ แต่เราเลือกแปลว่า "ไม่มีีอยู่จริง" ให้เข้ากับสภาพของลมหายใจที่รู้ว่ามีอยู่แต่มองไม่เห็นค่ะ  
    -----------------------------------


    カレンダーめくっても変われもしない僕
    karendā mekutte mo kaware mo shinai boku 
    ถึงแม้ปฏิทินจะหมุนเวียนเปลี่ยนผัน
    แต่ตัวผมก็ยังคงเหมือนเดิม
    • จริงๆ 変われもしない僕 kaware mo shinai boku หมายถึง ตัวผมที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย ค่ะ แต่เราไม่อยากใช้คำว่า "เปลี่ยน" ซ้ำกับท่อนบน เลยแปลไปว่า "ตัวผมก็ยังคงเหมือนเดิม" ซึ่งไวยากรณ์ もしない mo shinai ก็แอบแฝงความรู้สึกไม่พอใจของผู้พูดเอาไว้ด้วย อาจจะตีความได้ว่า ตัวละคร "ผม" ในเพลง "อยากให้ตัวเองเปลี่ยนไปเป็นคนที่เก่งกว่านี้" หรือเปล่านะ
    -----------------------------------


    My life どんな色のエンドロール
    My life don'na iro no endo rōru
    ชีวิตของผมนั้นจะมีฉากจบเป็นสีสันแบบไหนกันนะ
    • エンドロール endo rōru หมายถึง End Credits ที่ขึ้นมาหลังจากดูภาพยนตร์จบ ที่จะมีชื่อผู้กำกับ ชื่อนักแสดง รวมถึงชื่อของทีมงานฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตภาพยนตร์เรื่องนั้นๆ เราเลยแปลว่า "ฉากจบ" ไปค่ะ ท่อนนี้ถ้าแปลอีกแบบอาจจะได้ว่า "ชีวิตของผมนั้น จะมี End Credits เป็นสีสันแบบไหนนะ" 
    -----------------------------------


    **青い願い 挫折の赤い痛み
    aoi negai zasetsu no akai itami 
    คำขอร้องวิงวอนที่แสนอ่อนหัด
    ความเจ็บปวดที่แสนงดงามของการล้มเหลว
    • 青い aoi นอกจากจะหมายถึง โทนสีน้ำเงิน สีเขียว (หน้า)ซีด แล้วยังหมายถึง ยังไม่ชำนาญ ประสบการณ์น้อย เลยเลือกแปลว่า "อ่อนหัด" ไปค่ะ 
    • 赤い akai นอกจากจะหมายถึง โทนสีแดง แล้วยังหมายถึง งดงาม สวยงาม ได้ด้วยค่ะ  
    • 挫折 zasetsu นอกจากจะหมายถึง (แผนการ)ล้มเหลว แล้วยังหมายถึง การท้อแท้ใจ การหมดกำลังใจ ได้ด้วยค่ะ เพราะฉะนั้นเราคิดว่าท่อนนี้คงหมายความรวมไปถึง "ความเจ็บปวดที่แสนงดงามของการท้อแท้ หมดกำลังใจ" ด้วยค่ะ  
    -----------------------------------


    // เนื้อเพลงท่อน 涙さえも塗り重ねて描くキャンバス
    namida sae mo nuri kasa nete egaku kyan-basu
    ผืนผ้าใบที่แม้แต่หยดหยาดน้ำตา 
    ผมก็จะวาดภาพระบายสีซ้อนทับมันลงไป
    • ท่อนนี้เราอ่านเนื้อเพลงแล้วเห็นภาพเป็นตัวละคนในเพลงกำลังวาดภาพ แล้วร้องไห้ไปด้วย จนน้ำตาหยดลงบนผืนผ้าใบ แต่เขาก็กัดฟันวาดภาพให้เสร็จ ภาพบนผืนผ้าใบภาพนั้นจึงเป็นภาพที่มีน้ำตาของคนวาดผสมอยู่ด้วย ซ้อนทับกับสีสันที่คนวาดละเลงลงไป 



    ---------------------------------

    ฝากอนิเมะ Blue Period ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของทุกท่านที่ผ่านเข้ามาอ่านด้วยนะคะ อนิเมะจะเข้า Netflix ไทยวันที่ 9 ตุลานี้ค่ะ 


    และขอฝากมังงะ Blue Period ฉบับแปลไทย ของสำนักพิมพ์ Luckpim ไว้ด้วยนะคะ มีให้เลือกซื้อทั้งแบบเล่ม และแบบ E-books เลยค่ะ เรื่องนี้งานแปลคุณภาพมากค่ะ ขอยืนยันในความแปลดี อ่านลื่น อ่านสนุก??  >>Click<<



    ขอบคุณเนื้อเพลงจาก Twitter ของวง Omoinotake


    อุดหนุนงานเพลงของศิลปินได้ที่นี่ >>Click<< 


    หากแปลผิดพลาดประการใดต้องขออภัย
    และสามารถทักท้วงได้เสมอเลยนะคะ 
    m(_ _)m


    ----------------------------------------
    ★ เนื้อเพลงที่เกี่ยวข้องกัน 
    >> แปลเพลง Replica ของ mol-74 <<  (ED Anime Blue Period) 


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in