"การทำสิ่งที่ชอบ ไม่ได้หมายความว่าเราจะสนุกกับมันไปได้ตลอด" คำพูดของยาโทระ ตัวละครจากมังงะเรื่อง Blue Period ประโยคนี้สะท้อนสภาพของการไล่ตามความฝันที่เราต้องเผชิญกับหลากหลายความรู้สึก ทั้งความรู้สึกทรมานกับการไล่ตามความฝัน ความรู้สึกที่ทุกคนพัฒนาขึ้นไปไหนต่อไหนแล้วแต่ทำไมเรายังอยู่ที่เดิม รวมถึงความรู้สึกที่ว่า เราจะต้องไล่ตามความฝันไปจนถึงเมื่อไหร่กันนะ... แต่เราก็เชื่ออยู่ลึกๆ ว่าชีวิตที่ดูเหมือนโปร่งใส ไร้สีนั้น สักวันหนึ่งมันจะต้องเปล่งประกายเป็นชีวิตที่มีสีสันสดใสได้แน่นอน
Music: Leo Fujii
Words: Tomoaki Fukushima
Produced & Arranged: Koichi Tsutaya (agehasprings)
白む空に吐き出すため息は
無色透明でまるで空っぽみたい
shiramu sora ni
haki dasu tame iki wa
mushoku tōmei de
marude karappo mitai
ลมหายใจที่พ่นมันออกไปสู่ท้องฟ้ายามรุ่งสางนั้น
ช่างโปร่งใส ไร้สี ราวกับไม่มีอยู่จริง*
pēji o meku reba
keshiki o kaeru noberu
นวนิยายจะมีทิวทัศน์เปลี่ยนไป
เมื่อเราพลิกหน้ากระดาษ
カレンダーめくっても
変われもしない僕
karendā mekutte mo
kaware mo shinai boku
ถึงแม้ปฏิทินจะหมุนเวียนเปลี่ยนผัน
แต่ตัวผมก็ยังคงเหมือนเดิม●
擦る臉 満員の電車の中
まるで誰かの人生のエキストラみたい
kosuru mabuta
man'in no densha no naka
marude dareka no
jinsei no ekisu tora mitai
ขยี้ตาบนรถไฟฟ้าที่ผู้โดยสารแน่นขนัด
ดูเหมือนผมเป็นตัวประกอบในชีวิตใครสักคน
tada hoshi katta no wa
ima wo ikiru riyū
เพียงแต่สิ่งที่ผมต้องการนั้น
ก็คือเหตุผลในการมีชีวิตอยู่ในตอนนี้
イメージしてた未来に
どれだけ近づけただろう
imēji shiteta mirai ni
dore dake chikad zuketa darou
ผมจะเข้าใกล้อนาคตที่วาดฝันไว้
ได้มากน้อยแค่ไหนกันนะ
My life itsu no hi ni ka karafuru
ชีวิตของผมนั้น
สักวันมันจะมีสีสันสดใส
iro no nai ame ga itsuka
niji o egaku yō ni
เหมือนกับที่สักวันหนึ่ง
ผมจะวาดสายรุ้งลงไปบนสายฝนที่ไร้สี
My life don'na iro no endo rōru
ชีวิตของผมนั้น
จะมีฉากจบเป็นสีสันแบบไหนกันนะ★
涙さえも塗り重ねて描くキャンバス
namida sae mo nuri kasanete
egaku kyan-basu
ผืนผ้าใบที่แม้แต่หยดหยาดน้ำตา
ผมก็จะวาดภาพระบายสีซ้อนทับมันลงไป
青い願い 挫折の赤い痛み
aoi negai
zasetsu no akai itami
คำขอร้องวิงวอนที่แสนอ่อนหัด
ความเจ็บปวดที่แสนงดงามของการล้มเหลว**
混ざる色味はまるでカサブタみたい
mazaru iromi wa
marude kasa-buta mitai
เฉดสีที่ผสมกันนั้น
ช่างดูเหมือนสะเก็ดแผล
mabataki mo wasurete
yume no naka ni irun da
ตกอยู่ในภวังค์แห่งความฝัน
จนลืมเลือนแม้กระทั่งการกระพริบตา
nando yoru ga ake temo
same mo shinai hodo fukaku
ดำดิ่งลึกลงไปถึงขนาดที่ว่า
แม้จะผ่านไปกี่คืนวันก็ไม่ลืมตาตื่น
My life kizu-ato sae kakusazu
ชีวิตของผมนั้น
แม้แต่รอยแผลก็เก็บซ่อนมันเอาไว้ไม่อยู่
mune o shimeru fu-an sae mo
nijima setatte ii sa
แม้กระทั่งความกังวลที่เกาะกุมหัวใจไว้
ก็ปล่อยให้มันไหลซึมออกมาเถอะ
My life nareya shinai jī-niasu
ชีวิตของผมนั้น
ไม่มีทางที่จะกลายเป็นอัจฉริยะได้หรอก
だから僕のありのままを
描くキャンバス
dakara boku no ari no mama wo
egaku kyan-basu
เพราะฉะนั้นมันจะเป็นผืนผ้าใบ
ที่วาดตัวตนจริงๆ ของผมลงไป
どんな僕でいたい?
don'na boku de itai?
อยากจะเป็นตัวผมในรูปแบบไหน?
don'na fuu ni ikitai?
อยากจะใช้ชีวิตแบบไหนกัน?
Toi kake o paretto ni oto shite
saga shita boku no iro
โยนคำถามเหล่านั้นให้ตกลงไปบนจานสี
แล้วตามหาสีสันของตัวผมเอง
risō ya mohō nado iranai
ทั้งอุดมคติและการลอกเลียนแบบน่ะ
ไม่จำเป็นหรอก
答えはそこにはない
kotae wa soko niwa nai
คำตอบมันไม่ได้อยู่ตรงนั้น
karada jū wo kakeru
kono omoi wo ima egaku
ให้ร่างกายวิ่งทะยานออกไป
ตอนนี้ผมจะวาดความคิดคำนึงนี้ออกมา
My life いつの日にかカラフル
My life itsu no hi ni ka karafuru
ชีวิตของผมนั้น
สักวันมันจะมีสีสันสดใส
iro no nai ame ga itsuka
niji o egaku yō ni
เหมือนกับที่สักวันหนึ่ง
ผมจะวาดสายรุ้งลงไปบนสายฝนที่ไร้สี
My life don'na iro no endo rōru
ชีวิตของผมนั้น
จะมีฉากจบเป็นสีสันแบบไหนกันนะ
namida sae mo nuri kasa nete
egaku kyan-basu
ผืนผ้าใบที่แม้แต่หยดหยาดน้ำตา
ผมก็จะวาดภาพระบายสีซ้อนทับมันลงไป
*白む空に吐き出すため息は
無色透明でまるで空っぽみたい
shiramu sora ni haki dasu tame iki wa
mushoku tōmei de marude karappo mitai
ลมหายใจที่พ่นมันออกไปสู่ท้องฟ้ายามรุ่งสางนั้น
ช่างโปร่งใส ไร้สี ราวกับไม่มีอยู่จริง
- จริงๆ ため息 tame iki หมายถึง การถอนหายใจ
- ท่อน 吐き出すため息 haki dasu tame iki จะหมายความประมาณว่า การถอนหายใจที่พ่นลมหายใจออกไป แต่เราไม่อยากใช้คำซ้ำจึงแปลไปว่า "ลมหายใจที่พ่นมันออกไป"
- 空っぽ karappo หมายถึง ว่างเปล่า กลวง ไม่มีเนื้อหาสาระ แต่เราเลือกแปลว่า "ไม่มีีอยู่จริง" ให้เข้ากับสภาพของลมหายใจที่รู้ว่ามีอยู่แต่มองไม่เห็นค่ะ
-----------------------------------
●カレンダーめくっても変われもしない僕
karendā mekutte mo kaware mo shinai boku
ถึงแม้ปฏิทินจะหมุนเวียนเปลี่ยนผัน
แต่ตัวผมก็ยังคงเหมือนเดิม
- จริงๆ 変われもしない僕 kaware mo shinai boku หมายถึง ตัวผมที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย ค่ะ แต่เราไม่อยากใช้คำว่า "เปลี่ยน" ซ้ำกับท่อนบน เลยแปลไปว่า "ตัวผมก็ยังคงเหมือนเดิม" ซึ่งไวยากรณ์ もしない mo shinai ก็แอบแฝงความรู้สึกไม่พอใจของผู้พูดเอาไว้ด้วย อาจจะตีความได้ว่า ตัวละคร "ผม" ในเพลง "อยากให้ตัวเองเปลี่ยนไปเป็นคนที่เก่งกว่านี้" หรือเปล่านะ
-----------------------------------
★My life どんな色のエンドロール
My life don'na iro no endo rōru
ชีวิตของผมนั้นจะมีฉากจบเป็นสีสันแบบไหนกันนะ
- エンドロール endo rōru หมายถึง End Credits ที่ขึ้นมาหลังจากดูภาพยนตร์จบ ที่จะมีชื่อผู้กำกับ ชื่อนักแสดง รวมถึงชื่อของทีมงานฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตภาพยนตร์เรื่องนั้นๆ เราเลยแปลว่า "ฉากจบ" ไปค่ะ ท่อนนี้ถ้าแปลอีกแบบอาจจะได้ว่า "ชีวิตของผมนั้น จะมี End Credits เป็นสีสันแบบไหนนะ"
-----------------------------------
**青い願い 挫折の赤い痛み
aoi negai zasetsu no akai itami
คำขอร้องวิงวอนที่แสนอ่อนหัด
ความเจ็บปวดที่แสนงดงามของการล้มเหลว
- 青い aoi นอกจากจะหมายถึง โทนสีน้ำเงิน สีเขียว (หน้า)ซีด แล้วยังหมายถึง ยังไม่ชำนาญ ประสบการณ์น้อย เลยเลือกแปลว่า "อ่อนหัด" ไปค่ะ
- 赤い akai นอกจากจะหมายถึง โทนสีแดง แล้วยังหมายถึง งดงาม สวยงาม ได้ด้วยค่ะ
- 挫折 zasetsu นอกจากจะหมายถึง (แผนการ)ล้มเหลว แล้วยังหมายถึง การท้อแท้ใจ การหมดกำลังใจ ได้ด้วยค่ะ เพราะฉะนั้นเราคิดว่าท่อนนี้คงหมายความรวมไปถึง "ความเจ็บปวดที่แสนงดงามของการท้อแท้ หมดกำลังใจ" ด้วยค่ะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in