ช่วงเวลามอห้าจนถึงปัจจุบัญ รู้สึกว่ามันยาวนานมากๆ มากกว่าช่วงเวลาไหนๆ ในชีวิต รู้สึกว่าเราโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด
ที่เคยเขียนไว้อาจจะเน้นเรื่องการเรียน ชีวิตในต่างแดน และเพื่อนๆ แต่ก็มีหลายๆ คนก็มาแสดงความคิดเห็นถามถึงเรื่องความรัก มีใครมาจีบบ้าง อย่างงู้นอย่างงี้ ซึ่งตอนนั้นมันก็ไม่มีจริงๆ ละก็ไม่คิดว่าจะมีด้วย แต่มันก็คงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในช่วงชีวิตมอปลายแบบนี้
อาจเป็นด้วยความที่ว่า เพื่อนสนิทอย่างสเตลล่าย้ายโรงเรียนตอนจะขึ้นมอห้าพอดี นับว่าเพื่อนผู้หญิงคนเดียวที่เราสนิทด้วยในโรงเรียนนี้เลย โรงเรียนที่ผู้หญิงมีไม่เกินสามสิบคน (จะน้อยไปไหนฟร่ะ) ต่อผู้ชายหกร้อยกว่าคน
ห้องเรียนมอห้าก็คล้ายๆ กับตอนมอสี่ เกินครึ่งคือเพื่อนร่วมห้องเราจากปีที่แล้ว ในห้องมีสามสิบกว่าคนและผู้หญิงสี่คน (รวมฟรานแล้ว) ที่จริงก็ถือว่าเยอะ เพราะมีหลายห้องในโรงเรียนที่ไม่มีผู้หญิงเลย คนหนึ่งชื่อหลุยส์ สาวผมบลอนด์ ดวงตาสีฟ้า ผิวขาวมากกก เธอเข้ามากอดเราในวันแรกของการเปิดเรียน บอกว่าดีใจมากที่ได้อยู่ห้องเดียวกับเรา ในคาบแรกเธอก็มานั่งข้างเรา จริงๆ ก็ตะหงิดๆ ในใจเพราะว่า เคยได้ยินมาว่าที่เธอเข้ามารร.นี้เพราะผู้ชายเยอะดี ในที่นี่หมายถึงเธอมีนิสัยห้าวๆเข้ากับเพื่อนผู้ชายได้ดี ก็เหมือนกับที่คิดไว้ เพราะบ่ายวันนั้นเธอก็กลับเข้าไปนั่งกับแก๊งหนุ่มๆของเธอ เราก็ได้แต่กวาดสายตามองรอบๆห้อง ยังมีผู้หญิงอีกสองคน คนแรกคือ คลาร่า สาวผมยาวสีดำ ตาสีเขียวเข้ม ผิวแทนนิดๆ เธอนั่งอยู่หน้าห้องสุด ซึ่งไม่ใช่ที่ๆ เรารู้สึกสะดวกใจจะนั่งเท่าไหร่เลย (เป็นเด็กกลางห้องมาตลอด) แถมยังจำได้เมื่อวันที่มาเรียนที่นี่วันแรก เราเคยเข้าไปทักทายทำความรู้จัก แต่ได้คำตอบรับไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ประมาณว่า “เออ เธออยู่ห้องไหนอะ เราอาจจะได้อยู่ห้องเดียวกันก็ได้นะ” คลาร่าก็ตอบกลับมาว่า “ไม่รู้เหมือนกัน เธอก็ไปดูที่ป้ายรายชื่อสิ” ด้วยสีหน้าที่ไม่เป็นมิตรเลยซักนิด นั่นแหละเหตุการณ์ มันก็ไม่ได้มีอะไรมากหรอก แต่ด้วยความที่เป็นคนคิดเล็กคิดน้อย มันเลยจำได้ก็เท่านั้นเอง
อีกที่นึงที่เหลือ คือข้างๆ ลิซ่า เธอเป็นคนฝรั่งเศสแต่มีเชื้อสายตะวันออกกลาง (อันนี้ฟรานไม่แน่ใจร้อยเปอร์เซ็น เพราะเคยไปบ้านนาง ก็ดูฝรั่งเศสจ๋าเลย น่าจะเป็นทางพ่อ รายละเอียดจะเล่าในตอนต่อๆ ไป) จากที่ผ่านๆ มาทั้งๆ ที่ไม่เคยอยู่ห้องเดียวกันมาก่อนแต่ก็พอรู้จักมาอยู่บ้าง เราจะเห็นลิซ่าอยู่คนเดียวตลอดๆ ส่วนใหญ่จะนั่งอ่านหนังสือคนเดียวใต้ต้นไม้ในสวนของโรงเรียน ซึ่งสเตลล่าก็เคยลองเข้าไปชวนคุยอยู่บ้าง ทุกคนที่เรารู้จักก็บอกกันเป็นเสียงเดียวว่า ลิซ่าเนี้ย “แปลก”
เอาเหอะ ไอ้เราที่เป็นนักเรียนต่างชาติเนี้ย ก็คงไม่ได้ธรรมดาเท่าไหร่หรอก เราเลยเข้าไปนั่งข้างๆ ลิซ่า ตั้งแต่วันนั้นมา ก็นั่งข้างกันมาเรื่อยๆ จนเรียนจบเนี้ยแหละ
สเตลล่าคือเพื่อนสนิทของฟรานที่รู้จักกันตั้งแต่มอสี่ หรือตั้งแต่วันแรกที่ฟรานก้าวย่างเข้ามาในรร.นี้ เธอตั้งใจจะต่อมอห้าที่นี่ในสายชีวะ คะแนนเธอก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์พอใช้แต่ก็โดนกดดันด้วยครูประจำสายชั้นอยู่ดี เลยย้ายไปอยู่รร.อื่นแทน ตั้งแต่วันนั้นชีวิตนี้บับ *มองบน+ถอนหายใจ*
ด้วยความที่ชีวิตฟรานก็มีแต่ สเตลล่า สเตลล่า แล้วก็สเตลล่า ทำให้ปีมอห้ากลายเป็นความหว่าเว้สุดๆ เพลงมา Hello darkness my old friend มองไปรอบๆห้องละแบบ เชี่ยยย ปีที่แล้วกุไม่ได้ทำความสนิทสนมกับคนอื่นเลยนี่หวา
คือด้วยความที่ระดับภาษาเรายังห่างไกลเพื่อนๆ เราก็จะมาสายเดี่ยว ยืนด้วยลำแข้งตัวเองคงไม่ได้อะ มันต้องหาที่พึ่ง เอ้ยย พึ่งพาอาศัยกัน
แล้วฟรานเนี้ยเป็นคนที่มีความเป็นกลางมากๆ นะ แบบอยู่กลุ่มไหนก็ได้ นั่งข้างใครก็ได้ เราเลยเลือกไปนั่งข้างลิซ่า เพราะนางนั่งอยู่คนเดียว แบบริมหน้าต่างด้วย อโลนสุด
ก็เลยตีซี้ด้วยการให้ลิซ่าสอนเลขให้ แล้วคือออ สอนเข้าใจมากกก มันดีมาก ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา นั่งข้างลิซ่าตลอดเลย
จนค้นพบว่า เห้ยยย คนนี้มันอัจฉริยะ เก่งไปซะทุกวิชา ยกเว้นอะไรที่ต้องแสดงออก ต้องพูดต่อหน้าทุกคน และอะไรที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งสิ่งที่นางไม่ถนัดเนี้ย แม่งคือของที่ฟรานถนัดทุกอย่างอะ อย่างเช่นทำงานคู่กันแล้วต้องมีหนึ่งคนออกมาพรีเซ็นหน้าห้อง ก็จะเป็นฟรานที่ออกมาพรีเซ็น แต่ด้วยความที่ภาษาฟรานมันไม่ได้ไง ลิซ่าก็จะจดบางประโยคที่ยากๆ ให้ท่องจำก่อนออกมาพูดหน้าห้อง เวลาเข้าแลปแล้วต้องใช้คอมพิวเตอร์บันทึกข้อมูล หรือทำกราฟต่างๆ ฟรานจะทำให้ คือนางทำโจทย์ได้เกือบทุกข้อนะ แต่พอต้องลงคอม คือจบ ฟรานจะเป็นคนทำแทน ซึ่งเป็นอะไรที่วิน-วินทั้งสองฝ่ายดี แล้วคณิตศาสตร์มีเป็นสิบๆ บท นางเข้าใจทุกบท ยกเว้นสองสามบทที่ฟรานเข้าใจ ฟรานก็จะได้เป็นฝ่ายที่ได้อธิบายบ้าง เป็นอะไรที่รู้สึกพราวสุดๆ
ลิซ่าเป็นคนที่เก่งด้านวิชาการแต่สกิลทางสังคมคือแทบจะติดลบ ฟรานเหมือนเป็นล่ามระหว่างคนอื่นๆ ในห้องกับลิซ่า เช่นถ้าใครสงสัยอะไรเกี่ยวกับนางก็จะผ่านฟราน แบบเห้ยฝากถามลิซ่าหน่อยว่าจับฉลากได้ชื่อใคร ฝากถามลิซ่าหน่อยว่างานกลุ่มถึงไหนแล้ว
คือ นางเป็นคนพูดจาห้วนๆ ไม่เก็ตมุกตลกๆ ใดๆ ทั้งสิ้น การแต่งตัวที่มิกซ์แต่ไม่แมชกันซักอย่าง โทรศัพท์มือถือก็ไม่มี (มีแต่แท็ปเล็ต) ขนาดแม่นางจะติดต่อนางยังส่งข้อความถามฟรานแทนอะ 555 แล้วเวลาไปถามความช่วยเหลือด้านการเรียนกับนางนะ จะรู้สึกว่าตัวเองโง่มากๆ 555
เพราะทุกอย่างมันง่ายสำหรับลิซ่าไปหมด รสนิยมด้านสื่อบันเทิงจะแตกต่างจากทุกคนในห้อง
และนี่คือสาเหตุที่ทำให้เพื่อนในห้องเข้ากับนางไม่ได้...จากการวิเคราะห์ของฟรานเอง
จะพูดว่าลิซ่าเป็นเพื่อนสนิทฟรานก็ไม่ได้ เพราะแทบไม่มีความชอบร่วมกันซักอย่าง แต่ด้วยความที่ฟรานเป็นคนเดียวที่นางใช้เวลาในโรงเรียนด้วย ทุกคนก็จะมองว่าเป็นเพื่อนสนิทกัน
ทุกวันนี้เรามองกลับไปก็รู้สึกแย่ทุกครั้งที่ตอบเพื่อนที่มาถามว่าสนิทกับลิซ่าหรอ แล้วเราตอบว่าไม่ได้สนิท แล้วเพื่อนก็ขำๆ ให้อารมณ์แบบ แหง่ละ ใครจะไปสนิทกับคนแปลกๆ แบบนั้นได้ แต่ตอนนั้นมันเด็กด้วยไง แต่พอมอหกลิซ่าก็ซึมซับสกิลโซเชี่ยวของเราไปเยอะมากหลังจากที่ได้นั่งข้างเราเป็นปีๆ ก็เข้ากะเพื่อนในห้องได้ดีขึ้นเยอะ เริ่มมีปากมีเสียงกับคนอื่นๆ 555 คุณครูและเพื่อนๆก็เข้ามาบอกเราว่าลิซ่าเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นจริงๆ
ทุกวันนี้ก็ยังไม่ใช่เพื่อนสนิทกัน แต่ก็เป็นเพื่อนที่ดีและเป็นห่วงกันและกันอยู่ห่างๆ มีนัดกินข้าวกันบ้างนานๆครั้ง :)
จำได้ว่าครั้งนึงลิซ่าถามว่าตัวเอกแปลกประหลาดรึเปล่า เราเลยบอกไปว่า ทุกคนแม่งแปลกประหลาดหมดนั่นแหละ แล้วถ้าทุกคนคนแปลกหมด มันก็จะเท่ากับว่าไม่มีใครแปลกเลย หรือแปลกทั้งหมดอีกนั่นแหละ เป็นคำอธิบายที่ฟรานไม่ได้คิดก่อนพูดออกมาเลยซักนิด แต่ลิซ่ากลับชอบมาก จนกลายเป็นประโยคที่เราสองคนพูดกันบ่อยๆอยู่ช่วงหนึ่งว่า Tout le monde est bizarre (ทุกคนแปลกประหลาด)
ยกตัวอย่างเวลาเราพูดกับลิซ่าว่า เธอเนี้ยแปลกจริงๆ นางก็จะตอบว่า ก็เหมือนทุกคนแหละ จำที่เธอพูดไม่ได้หรือไง
เออ โอเค ยอม
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in