เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Matsuri daybbb_yyy
《แปล》 ช่วงพูดคุยนอกรอบ WITHonline 『5_FOR_20Y ปาฏิหาริย์ที่เรียกว่าอาราชิ』
  • อ้างอิงจาก 
    https://withonline.jp/entertainment/ent-encounter/dHxF6
    https://withonline.jp/entertainment/ent-encounter/jlt1E
    แปล  bbb_yyy   
    **แปลอย่างคนเรียนภาษาเพื่อติ่ง มีความไม่สมบูรณ์พร้อมและด้อยประสบการณ์ แค่อยากสื่อความรู้สึกของอาราชิถึงทุกคนซักนิดก็ยังดี หากมีข้อผิดพลาดยินดีรับไว้ทุกประการและขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ



    เพื่อแสดงความขอบคุณที่withฉบับเดือน12จำหน่ายเกลี้ยงแผง จึงมีบทนอกรอบพิเศษนี้ขึ้น แค่การพูดคุยของอาราชิก็รู้สึกได้ถึงความอ่อนโยนที่เปี่ยมล้น ด้วยคำพูดที่ราวกับถูกร่ายมนต์ไปสู่ยูโทเปียของพวกเขา การมีชีวิตในช่วงเวลาเดียวกันทำให้เราได้กลายเป็นสักขีพยานใน"ปาฏิหาริย์ของอาราชิ"

    เป็นเพราะว่าพวกเขา ถึงได้ทำด้วยกันมาจนถึงตรงนี้ได้ (ซากุไร)

    "ตอนนี้ความรู้สึกที่ปะทุขึ้นมาในใจ คือ ความประหลาดใจ ความยินดี และความซาบซึ้งที่มีต่อแฟนๆ สต๊าฟ และเมมเบอร์"

    ตั้งแต่เดบิวต์ในวันที่3 พฤศจิกายน 1999 จนจะก้าวเข้าสู้ปีที่20ในไม่ช้า เมื่อถามถึงความรู้สึกในเรื่องนี้ ซากุไรซังก็เป็นผู้เริ่มกล่าว 

    "ผมไม่ได้เอา20ปีมาเป็นเป้าหมายหรืออะไรนะ วันนี้ก็เป็นแค่สิ่งที่ทับซ้อนของวันพรุ่งนี้เท่านั้น ก่อนอื่นก็แค่ประหลาดใจว่า อา เราทำกันมานานขนาดนี้เลยเหรอ จริงๆตัวเวลา20ปี ไม่ใช่สิ่งที่ผมเคยนึกถึงมันมาก่อนเลย(หัวเราะ) สำหรับพวกผมในตอนเด็กๆ คำว่า ไอดอลกรุ๊ป มันเป็นสิ่งที่เฉิดฉายในระยะเวลาสั้นๆ คิดว่าต่อให้เดบิวต์ตอนอายุ10กว่าๆ พอสักกลางๆ20ที่ยุบวงไปก็มีถมเถ ดังนั้นจึงไม่เคยมีภาพตัวเองที่ยังทำอยู่ตอนที่อายุเข้าใกล้40แล้วเลย เพราะไม่เคยวาดภาพไว้ก็เลยรู้สึกดีใจ แต่เมื่อมองอีกด้าน หากมีแค่พวกเรา5คนก็คงทำไม่ได้ ดังนั้นถึงได้บอกว่าประหลาดใจ ดีใจ และซาบซึ้งใจครับ หากถามถึงเหตุผลที่ยังคงทำมาจนถึงตรงนี้ ก็เพราะมีพวกคนเหล่านี้ไงล่ะ คนที่อยู่เคียงข้าง คนที่คอยอยู่ใกล้ๆ เพราะการมีอยู่ของคนเหล่านี้คือเหตุผลใหญ่เลยล่ะ จะว่าเป็นการรวมตัวของ5คนที่สนิทกันสมัยเป็นJr.ก็ไม่ใช่ แต่อยู่ๆต้องมากลายเป็นอาราชิ เป็น5คนนี้อย่างกะทันหันโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ที่ทำต่อมาได้ก็เพราะตัวตนของแต่ละคน นี่มันปาฏิหาริย์ชัดๆเลยว่ามั้ย ต่อให้เรียนในห้องเดียวกัน ก็ไม่น่าจะมาอยู่กลุ่มเดียวกันได้เลยล่ะ พวกเราที่เป็นแบบนั้น ต่างก็ยอมรับนับถือกันและอยู่ร่วมกันมาได้เป็นอย่างดี" (ซากุไรซัง)

    ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเองและอยู่นอกเหนือพลังควบคุมของมนุษย์ ผู้คนต่างเรียกมันว่าปาฏิหาริย์ ในโลกบันเทิงที่มีขึ้นมีลงนี้ ด้วยเมมเบอร์ที่ยังคงเดิมตั้งแต่เดบิวต์ ความมีอยู่อย่างเจิดจ้าของพวกเขาที่มุ่งไปทั้งการร้อง เต้น งานวาไรตี้ การแสดง หรือการเป็นนักข่าว นี่ย่อมเรียกได้ว่าปาฏิหาริย์ ทว่าปาฏิหาริย์นั้น ย่อมไม่ใช่เพียงเพราะว่าพวกเค้ามีพรสวรรค์ แต่ละคนมีบุคลิกที่น่าสนใจ หรือเพราะดูเป็นมิตร สำหรับนิโนะมิยะซังแล้ว หากถามถึงเหตุผลที่อยู่กันมาได้นาน หลังจากคิดทบทวนอยู่เป็นพัก เค้ากลับตอบมาว่า...

    ชีวิตของพวกผม ก็มีแต่งานนั่นแหละ (นิโนะมิยะ)

    "..ไม่รู้แฮะ (หัวเราะ) ตอนครบ10ปีก็ต้องเคยถูกถามแบบนี้แน่ๆ แต่ก็จำไม่ได้แล้วล่ะ ..มันก็ไม่สามารถระบุได้จริงๆหรอกว่าตรงช่วงเวลาไหนที่รู้สึกว่าด้วยเมมเบอร์เหล่านี้เราถึงทำกันมาได้..ก็โลกใบนี้น่ะ อะไรจะเกิดขึ้นตอนไหนก็ไม่รู้ใช่มั้ยล่ะ ที่โชคดีจริงๆก็คือ ไม่มีใครบาดเจ็บหรือล้มป่วย ที่ทำมา5คนได้จนถึงตอนนี้ ผมคิดว่าก็เพราะเมมเบอร์นี่แหละนะ(หัวเราะ) แน่นอนว่าพลังขับเคลื่อนย่อมมาจากแฟนๆที่สนับสนุนพวกเราและสต๊าฟทุกคนด้วย แต่สิ่งที่ทำให้รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงขึ้นมานิดๆก็คือตอนที่เราตัดสินใจเพิ่มรอบทัวร์ออกไป หรือตอนที่ยอดขายCDเพิ่มขึ้นล่ะมั้ง มันเห็นได้ชัดว่าการตอบรับรอบตัวเริ่มเปลี่ยน จะทำอะไรก็เป็นจุดสนใจขึ้นมา ตรงนั้นแหละที่ทำให้ความนึกคิดของเราเปลี่ยนไปด้วย ถึงแม้ผมจะยังคิดว่าตัวเราเองเหมือนเดิมก็ตาม ด้วยความคิดนั้นโดยที่ไม่พูดอะไรแต่พวกเราก็ยังรู้สึกร่วมกันได้ นั่นอาจเป็นตัวเชื่อมให้เราสามารถอยู่ตรงนี้ได้นานก็ได้ พูดไปพูดมาก็ต้องคิดว่ามันก็มีแต่เรื่องงานไม่ใช่เหรอ! ใช่ครับ ชีวิตพวกผมมันก็มีแต่เรื่องงานทั้งนั้นแหละ(หัวเราะ) ในขณะที่ตอบแทนความคาดหวังของทุกๆคนไปด้วย พวกผมต่างก็ยินดีกับการต้อนรับปีที่20 ทั้งหมดนี้ไม่ว่าจะด้วยหน้าที่ หรือเป็นการเฝ้ารอคอยของพวกผมเองก็ตาม "(นิโนะมิยะซัง)

    ก็เหมือนกับวงอื่นๆ กรณีของกรุ๊ปที่รวมเอาความตั้งใจของแต่ละคนเอาไว้ หากความตั้งใจนั้นเกิดการสะดุดกันขึ้นมาย่อมยากที่จะคงความต่อเนื่องของวงเอาไว้ได้ แต่สำหรับอาราชิที่ผ่านการเฝ้าเพียรถามตัวเองซ้ำๆว่า"อาราชิคืออะไร?" ผ่านการพุ่งชนกำแพงที่ขวางหน้ามาได้จนถึงตอนนี้ พอลองถามนิโนะมิยะซังว่า"ตอนช่วงอายุ10ปี 20ปี 30ปี แนวเพลงที่ฟังเปลี่ยนไปบ้างมั้ย" เขากลับตอบอย่างง่ายดายว่า"ไม่ว่าช่วงอายุเท่าไหร่แนวเพลงที่ผมชอบฟังก็มีแต่อาราชินี่แหละ อย่างที่บอก ก็เพราะคิดถึงแต่มันไงล่่ะ(หัวเราะ)"

    "เวลามีงานแสดงที่อาราชิไม่ได้ร้องเพลงประกอบ ผมอาจจะฟังเพลงซาวด์แทร็คเหล่านั้นบ้าง แต่โดยปกติหากไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องงานผมก็จะไม่ค่อยฟังหรอก เพลงของวงอื่นๆในจอห์นนี่ส์เองก็ไม่ค่อยฟังเหมือนกัน ดังนั้น มันต้องอาราชินั่นแหละ! อาราชิเองใน20ปีมานี้ก็ร้องเพลงประกอบไว้ไม่น้อยเลยใช่มั้ยล่ะ เพลงพวกนี้นะล้วนแต่เป็นชั้นยอดจากนักแต่งเพลง มีเนื้อหาที่เป็นที่นิยมในตอนนั้น การได้ร้องได้ฟังเพลงพวกนี้นับเป็นโชคของผมเลยล่ะ ตอนทำเพลงโซโล่ก็เหมือนกัน ผมเองไม่ใช่คนทำเพลง การจะเริ่มจาก0ไป1ก็ทำไม่ได้ คนที่ทำจาก1ขยายไปเป็น100เป็น1000ได้นั่นคือคนที่เชี่ยวชาญมากจริงๆ ทุกครั้งที่ได้แต่งเนื้อร้องบ้าง เรียบเรียงเองบ้าง สร้างงานออกมาแบบง่ายๆสบายใจฉันนี่มันสนุกจริงๆนะ(หัวเราะ)"

    สมดุลในการแบ่งบทบาทหน้าที่ของ5คน เป็นสิ่งที่ใช้เวลาหลายปีถึงเป็นรูปเป็นร่าง (มัตสึโมโตะ)

    เวลามัตสึโมโตะซังตอบคำถามที่ว่า "ช่วยชมเชยเมมเบอร์แต่ละคนหน่อย" ผลที่ได้คือเขาสามารถเน้นย้ำให้เห็นถึงบทบาทของเมมเบอร์แต่ละคนได้อย่างชัดแจ้ง สมดุลที่ถูกบ่มเพาะขึ้นท่ามกลางการคบหาที่ยาวนาน คือสิ่งที่เกื้อหนุนอาราชิในตอนนี้..

    "ส่วนที่ดีของรีด้าน่าจะเป็น'การไม่พูดอะไรเลย'รึเปล่านะ(หัวเราะ) อาจจะมีสิ่งที่คิดอยู่มากมาย แต่ก็ยังคงไม่พูดอะไรแบบนั้นไปเรื่อยๆ ในเรื่องPerformance เพราะเป็นเมนหลักจึงมีส่วนที่ต้องร้องเยอะ ถึงอย่างนั้นก็ไม่เคยปริปากบ่น แค่ค่อยๆทำไปเรื่อยๆ ส่วนโชคุงมีข้อดีในเรื่องของการใช้คำพูด เค้ามักจะคิดถึงการลดความเสี่ยงตลอด อย่างเช่น"งั้นเวลานี้เราถ้ามองแบบนี้จะได้มั้ย.." เป็นคนที่คิดถึงความรู้สึกของอีกฝ่ายเสมอ..ละมั้ง อืม ใช้คำว่า'รู้สึกถึง'น่าจะใกล้เคียงกว่า เพราะเป็นนักข่าว ได้รับรู้ข่าวสารข้อมูลต่างๆ ถึงเลือกใช้คำพูดได้อย่างมีวิจารณญาณและรัดกุม หากกรุ๊ปที่ชื่ออาราชิจะถูกมองอย่างมีคุณค่าขึ้นมา นั่นย่อมเป็นเพราะโชคุงอย่างไม่ต้องสงสัย ไอบะจัง..คนมักจะพูดว่าอาราชิดูน่าสนุก สนิทกันจัง แต่จริงๆเวลาทำงานหรือเวลาที่เหนื่อยๆ เราก็มีช่วงที่อึมครึมเหมือนกัน แต่ที่ๆมีไอบะคุงอยู่ บรรยากาศก็จะดูสดใส สงบสุขขึ้นมา นั่นมันช่วยได้มากเลยนะ สำหรับนิโนะ...จะว่าไงดีล่ะ เป็นคนที่เก่งในการสร้างความสดใหม่ขึ้นมาล่ะมั้ง เป็นคนที่มีความเห็นแปลกแยกไปจากพวกเรามากที่สุด ในเรื่องหนึ่งที่เราจะทำ เค้ามักมีมุมมองในด้านที่แปลกออกไปเสมอ เวลาที่ต้องทำอะไรสักอย่าง ถ้าอาราชิจะถูกมองว่ามีความหลากหลาย ก็เป็นเพราะวิธีการเฉือนของเขานั่นแหละ ในทั้งหมดนี้ หน้าที่ของผมก็คือคอยยกธงสัญญาณละมั้ง อย่างพอถึงเวลาที่ว่า'ตอนนี้เราจะทำอะไร?' ผมก็จะเป็นคนตัดสินใจว่า เราจะเริ่มจากตรงนี้จนถึงตรงนี้ดีมั้ย การตัดสินใจอย่างการสร้างอิมเมจหรือให้ความเห็นอะไรแบบนี้ ปกติคนที่เอ่ยปากขึ้นมาก่อนตลอดเลยว่า"จะเอายังไงดี"ก็คือผมเอง(หัวเราะ) สิ่งเหล่านั้น เป็นสมดุลที่ใช้เวลาหลายปีในการสร้างขึ้นมารึเปล่านะ ที่สุดแล้วมันก็เป็นแค่การตีความเท่าที่เห็นล่ะนะ" (มัตสึโมโตะซัง)

    มัตสึโมโตะซังที่พูดออกมาแบบนั้นถึงกับได้รับคำชมว่า "วิเคราะห์ได้ตีแตกสุดๆไปเลย"จากโอโนะซัง

    "มัตสึจุน เป็นคนที่จะคอยไล่กวดในเรื่องคุณภาพของคอนเสิร์ตสุดๆไปเลย เพื่อยกระดับคุณภาพนั้น เค้าไม่เคยรามือแม้แต่นิดเดียว ตั้งแต่ทัวร์เริ่ม ถ้ายังไม่ถึงตอนจบ ระหว่างนั้นก็มุ่งแต่จะคอยยกระดับขึ้นมาตลอด จนกว่าจะถึงท้ายที่สุดก็จะทำไปด้วยพูดไปด้วยว่า "ถ้าเราทำให้มากขึ้นมันก็จะได้แบบนี้" ผมว่าความไม่ย่อท้อนี้มันสุดยอดไปเลยล่ะ ส่วนนิโนะ เค้ามีงานแสดงอยู่เรื่อยๆ งานแสดงเป็นงานเดี่ยวที่ต้องใช้เวลายาวนาน ค่อนข้างลำบากเลยล่ะ แต่พอเวลาที่อยู่ด้วยกัน5คน เค้าจะไม่ปล่อยโหมดว่า'กำลังถ่ายทำอยู่'ออกมาให้เห็นเลยนะ(หัวเราะ) พอรู้ตัวอีกทีเค้าก็มีงานออกมาเยอะมาก ผมคิดว่านี่มันสุดยอดไปเลย ไม่เคยพูดว่า'แย่จัง'หรือ'เหนื่อยจังเลย'ออกมาแม้แต่คำเดียว ไม่เคยบ่นหรือไม่พอใจอะไรทั้งนั้น ถึงส่วนใหญ่ไม่เคยคุยว่าไปทำงานที่อื่น แต่เผลอๆเข้าหน่อยก็ทำงานเต็มไม้เต็มมือไปหมดเลยล่ะ (หัวเราะ) โชจังเป็นคนที่มองรอบข้างตลอด มองในภาพรวม เวลาจะพูดอะไรออกมาก็เลือกใช้คำเป็นอย่างดี คิดเสมอว่าหากพูดแบบนี้คนๆนี้จะรู้สึกอย่างไร ให้ความสำคัญกับคำพูดและถ่ายทอดสิ่งที่สำคัญผ่านการสื่อสาร เป็นคนใช้ถ้อยคำเพื่อบอกสิ่งที่อยากสื่อได้เป็นอย่างดี นั่นเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมจริงๆใช่มั้ยล่ะ? ส่วนไอบะจัง เวลาที่อีก4คนเหนื่อยๆ มีหลายครั้งที่แค่คำพูดเดียวของเค้าก็เปลี่ยนบรรยากาศไปได้เลยล่ะ เช่นตอนที่ถ่ายทำไม่เสร็จจนยาวไปถึงกลางดึก แค่เค้าเผลอพูดอะไรออกมาคำนึงที่มันตลกๆ บรรยากาศก็จะเปลี่ยนไปเลย ถึงจะดูเด๋อๆ แล้วก็มีแง่มุมบ๊องๆหลายอย่างก็เถอะ (หัวเราะ) เป็นคนที่มองอยู่และคอยใส่ใจ เวลาผมมีอะไรไม่สบายใจก็จะคอยเข้ามาคุยด้วย นั่นเป็นเพราะเค้ามีพลังบวก ซึ่งถ้าเป็นผมคงทำไม่ได้แน่เลยล่ะ ..เป็นมวลสารของความอ่อนโยนยังไงล่ะ"

    สิ่งที่อาราชิเมมเบอร์มีร่วมกันคือความอ่อนโยน (ไอบะ)

    ไอบะซัง มวลสารของความอ่อนโยนที่โอโนะซังพูดถึงอย่างผ่อนคลาย ในเพลงSeishunbugi ความฮิคิโคโมริของนิโนะมิยะ หรือความโดะMของมัตสึโมโตะซัง เขาคือคนที่โปรดิวซ์คาแรกเตอร์นักเรียนเหล่านี้

    Seishunbugi คิดออกมาจากคาแรกเตอร์ที่เด่นๆของเมมเบอร์  สนุกมากเลยล่ะ ตอนที่จะทำก็ลองเอาPublic imageของแต่ละคนมาบอกเล่าให้เข้าใจง่าย มัตสึจุนเป็นคนเข้มงวดกับตัวเอง ดังนั้นมันน่าจะมีความโดะMอยู่ใช่มั้ยล่ะ Public imageของมัตสึจุนคือ แข็งแกร่ง เถรตรง แต่จริงๆแล้วผมคิดว่ามันตรงกันข้ามเลยล่ะ พอได้อยู่ด้วยแล้วเค้าเป็นคนใจดีมาก แล้วก็ใส่ใจในเรื่องเล็กๆน้อยๆ สำหรับนิโนะที่มีลักษณะฮิคิโคโมริน่ะเหรอ ฮ่าๆ ผมคบกับเค้ามานานมาก ตั้งแต่สมัยJr.ที่ขึ้นรถไฟสายโซบุกลับบ้านด้วยกัน คุยกันหลายๆเรื่อง ไปเที่ยวที่บ้านก็เคย แค่ไม่กี่คนที่ผมอยู่ด้วยแล้วไม่จำเป็นต้องคิดอะไรมาก นอกจากนิโนะคงไม่มีแล้วล่ะมั้ง คนที่สามารถเป็นแบบนี้ได้ ..สำหรับผม ..ผมรู้สึกอย่างงั้นนะ ถึงตอนนี้ก็ยังไปกินข้าวด้วยกัน คอยเป็นห่วงเราบ้าง ผมก็เป็นห่วงเค้าบ้าง สามารถติดต่อกันได้แบบปกติธรรมดา ช่วงปีใหม่ก็ยังชวนไปกินข้าว ทำทาโกะยากิกินกันด้วยล่ะ (หัวเราะ) ส่วนรีด้า รีด้ามีสิ่งที่แค่เค้าเท่านั้นถึงทำได้อยู่เต็มไปหมดเลยล่ะ ทั้งเรื่องร้อง เต้น งานวาไรตี้ เรื่องวาดรูปและงานศิลปะ ในแง่มุมของอาร์ทติสท์แล้วก็เรื่องตกปลา..ถ้าเรื่องตกปลาต่อให้ใช้เวลาเท่าไหร่เค้าก็ไม่เคยเบื่อ ทั้งที่มีพรสวรรค์มากมาย แต่พอเป็นรายการวาไรตี้ก็จะหมดเรี่ยวหมดแรงได้แบบดื้อๆ ..เป็นคนที่สุดโต่งในหลายๆทางน่ะ สำหรับโชคุง เค้าเป็นคนชอบเทคแคร์ อะไรที่เค้ารู้ก็จะบอกมาอย่างละเอียดและเข้าใจง่าย เป็นคนที่เรียนรู้ด้วยได้ แล้วก็เล่นหัวได้(หัวเราะ) แล้วก็เก่งรอบด้าน อย่างที่ทุกคนน่าจะรู้ดีแล้วนั่นแหละ ไม่ใช่แค่เรื่องความฉลาดแต่เป็นความใจดีด้วย อย่างเวลาไปกินข้าวด้วยกัน หลังจากนั้นก็จะมีของอะไรมาให้เราละ เป็นคนช่างเอาใจใส่ และมีความเป็นผู้ใหญ่ โดยพื้นฐานเมมเบอร์ทุกคนเป็นคนใจดีนะ ในโลกใบนี้น่ะ มันก็จะมีคนที่ร้ายๆอยู่บ้าง โดยเฉพาะในวงการบันเทิง ก็มีบางส่วนที่ต้องแข่งขันกัน... แต่ว่ามันก็เป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่ในอาราชิเมมเบอร์ ไม่มีคนแบบนั้นอยู่สักคนเลยล่ะ" (ไอบะซัง)

    ไอบะซังที่บอกว่า อัตลักษณ์และพรสวรรค์ที่แตกต่างของทั้ง5คนยังมีส่วนที่เหมือนกันคือความอ่อนโยน แน่นอนว่า ภาพในตอนที่5คนอยู่ด้วยกัน แม้ไม่อาจเห็นด้วยตาแต่เราสามารถรู้สึกถึงความอ่อนโยนและเอื้อเฟิ้อล่องลอยอยู่ในบรรยากาศ ยิ่งกว่านั้นแรงขับดันที่พวกเขาถ่ายทอดลงไปในคอนเสิร์ต ความอ่อนโยน ความรัก และมิตรภาพ ได้กลายเป็นเสียงเพลง เป็นการเคลื่อนไหว ส่องสว่างเป็นลำแสง เสียงอันไพเราะและแสงสีที่ได้ห้อมล้อมผู้ชมนับหมื่นเอาไว้ ด้วยเหตุนี้ ไม่ว่าใครที่ได้ย่างกลายเข้าไปยังที่แห่งนั้น ย่อมรู้สึกได้ถึงความสุข

    แม้ความเข้มงวดของมัตสึโมโตะซังเป็นเรื่องที่ใครๆต่างก็ยอมรับ แต่มัตสึโมโตะซังที่รับหน้าที่หลักในคอนเสิร์ตกลับรู้สึกขอบคุณเมมเบอร์ที่ยอมทำตามอย่างไม่เคยปริปากบ่น

    "ทัวร์ในช่วงหลังๆนี้ บางทีผ่านไปครึ่งทางแล้ว ถึงไม่เกี่ยวกับตัวคนแต่เราจะแก้ในส่วนของแสงไฟ หรือจังหวะในการเคลื่อนที่ การแก้ไขเรื่องบนเวทีแบบนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยๆครับ ตอนซ้อมเราจะตรวจสอบเรื่องบนเวที ถึงตัวคนจะไม่อยู่ก็สามารถทำได้ แต่ถ้าอยู่มันก็ช่วยให้ทำได้ละเอียดมากขึ้น พอวันที่1จบไป ก่อนวันที่2เราจะลองซ้อมทั้งหมดบนเวทีกัน แม้จะมีงานอื่นต้องทำ แล้วเรื่องนี้ก็จัดเป็นงานที่ยากลำบากสำหรับเมมเบอร์ แต่พวกเค้าก็จะอยู่ทำด้วยกันตลอด นี่เป็นเรื่องที่ผมรู้สึกขอบคุณจริงๆ รู้สึกซาบซึ้งที่สุดเสมอมา" (มัตสึโมโตะซัง)

    เกี่ยวกับจิตสำนึกในความเป็นมืออาชีพของอาราชิทั้ง5คน นิโนะมิยะซังก็พูดถึงเรื่องนี้ออกมา

    "เราทำงานตรงนี้่มาตลอดตั้งแต่ช่วงอายุ10ปี เรื่องที่ดีคือเมมเบอร์รวมถึงผมไม่เคยเจ็บป่วยหรือมีการบาดเจ็บครั้งใหญ่ๆเกิดขึ้น ยิ่งงานแบบนี้ ช่วงระหว่างในรายการหรือในคอนเสิร์ต การจะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นจนได้รับบาดเจ็บ มันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ก็จริง แต่ที่ไม่มีเรื่องใหญ่ๆอะไรเกิดขึ้นก็นับว่าเป็นปาฏิหาริย์มากๆเลยล่ะ เราทำเรื่องที่อันตรายพอสมควร ยิ่งกว่านั้น อย่างเรื่องสุขภาพร่างกายก็เป็นสิ่งที่เราต้องรับผิดชอบตัวเองไม่ใช่เหรอ ร่างกายเรา เราก็ต้องดูแลเอง จุดๆนี้ผมว่าเมมเบอร์ทุกคนเข้มงวดกับมันมากเลยนะ ในส่วนของตัวเองบางทีก็ละเลยในเรื่องควบคุมอาหารไปบ้าง ถึงไม่ได้ไปยิม แต่ถ้ามีเกมร่างกายผมก็แข็งแรงแล้วล่ะ(หัวเราะ) ผมน่ะ ถ้าทำงานอยู่จะไม่ยอมให้กองถ่ายต้องหยุดชะงักเด็ดขาดเลย ตอนถ่ายทำหนังหรือละคร ผมเคยมีประสบการณ์ที่กองถ่ายต้องหยุดเพราะการมาสายเป็นต้นเหตุ แน่นอนในใจก็คิดว่า "..ทำอะไรเนี่ยยย" ดังนั้นผมจะไม่ทำแบบนั้นเด็ดขาด ยิ่งงานในฐานะอาราชิ มันจะสร้างความเดือดร้อนให้เมมเบอร์ไปด้วย อีก4คนก็ต้องคิดเหมือนกันแน่ๆ เค้าคงดูแลสุขภาพกันอย่างดีเลยล่ะ" (นิโนะมิยะซัง) 

    ไม่ว่าอะไรก็ตาม จนถึงตอนนี้ยังรู้สึกว่ามันล่องลอยเหมือนไม่ใช่เรื่องจริงอยู่เลย (โอโนะ)

    ปีที่20ใกล้เข้ามา เราได้ขอให้"ช่วยพูดถึงความรู้สึกซาบซึ้งใจที่มีต่อเมมเบอร์หน่อยจะได้มั้ย" พอเป็นแบบนั้นทั้ง5คนก็บอกว่า "รู้สึกขอบคุณทุกคนมากจริงๆ" "พูดได้แค่ขอบคุณเท่านั้น"...ในตอนนั้น โอโนะคุงก็ได้ช่วยแจกแจงความซาบซึ้งใจต่อทั้ง4คนอย่างเป็นเรื่องเป็นราว

    "กับมัตสึจุน สำหรับผมเรา2คนได้เจอแล้วก็คุยกันมากที่สุด บางครั้งก็ได้คุยเรื่องงานหลายๆอย่าง แล้วก็ถูกช่วยเอาไว้ ส่วนโชคุง ตั้งแต่สมัยเดบิวต์ผมก็รู้สึกขอบคุณมาโดยตลอด ถึงผมจะอายุมากสุดแต่ก็ไม่สามารถจัดการอะไรได้ ถึงอย่างนั้นแม้ไม่พูดอะไรแต่เค้าก็คอยเข้าใจคอยสรุปให้ตลอด จนถึงตอนนี้ก็ยังเป็นแบบนั้นอยู่... (หัวเราะ) นิโนะ เป็นคนที่ไม่เปลี่ยนไปเลยจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นภายนอกหรือทั้งหมด การที่มีคนแบบนี้อยู่สักคน มันให้ความรู้สึกอุ่นใจมากเลยล่ะ คือว่านะ.. ช่วงปีที่9หรือไงนี้แหละ ผมรู้สึกเหมือนตกอยู่ในความฝันตลอดเลย ได้เล่นคอนต่อหน้าผู้ชมจำนวนมาก ทั้งรายการวาไรตี้ ละคร หนัง ถูกจับตามองในหลายๆเรื่อง ไม่ว่าอะไร จนถึงตอนนี้ก็ยังรู้สึกเหมือนมันไม่จริง เหมือนยังลอยๆอยู่ที่ไหนสักแห่งอยู่เลยล่ะ (หัวเราะ) แน่นอนว่าผมรู้สึกถึงความรับผิดชอบต่อหน้าที่ในแต่ละงาน และอยากตอบรับความคาดหวังของทุกคน แต่ก็คิดว่าความกระเหี้ยนกระหือรือหรือการอยากจะพัฒนาไปให้ไกลก็ไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นขนาดนั้นนี่นา เทียบกับเมื่อก่อนนับว่าดีที่เราไม่ต้องเร่งร้อน แต่บางทีก็คิดว่าถ้าไม่เตรียมพร้อมรับเอาไว้ก็คงไม่ได้เหมือนกัน ในตอนที่ความรู้สึกมันกดดันหมุนวนในตัวเองอยู่นั้น พอเห็นนิโนะที่เป็นแบบนี้ ก็ทำให้รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาเองเลยล่ะ (หัวเราะ) ส่วนไอบะจัง ต้องขอบคุณในความใส่ใจของเค้า คนที่อ่อนโยนกว่านี้ผมว่าคงไม่มีอีกแล้วล่ะ" (โอโนะซัง)

    "การใช้เวลาผ่านช่วงวัยรุ่นโดยมีประสบการณ์ร่วมกัน มันเป็นการมีอยู่ที่พิเศษจริงๆ มีแต่ความขอบคุณเท่านั้นแหละ.. ในทุกวันๆเลย แต่ว่าการจะทำต่อไปเรื่อยๆมันเป็นเรื่องยากจริงๆนะ ยากยิ่งกว่าการท้าทายอะไรใหม่ๆอีก ที่สามารถทำแบบนี้ได้ต่อไป ผมเองรู้สึกเหมือนได้รับพรจากสวรรค์ ทั้งจากเมมเบอร์แล้วก็สต๊าฟทุกคน รวมทั้งแฟนๆ แฟนๆนี่สำคัญที่สุดเลย ต้องขอบคุณทั้งหมดจริงๆ" (ไอบะซัง)

    "ผมจะพูดแค่ว่าขอบคุณเมมเบอร์ทุกคนนี่แหละ ไม่ใช่ว่าอายหรืออะไรนะ แต่เพราะนึกออกแค่คำนี้จริงๆ ลองยกตัวอย่างหากเราทำงานในบริษัทนึงมา20ปี ก็เป็นระดับผู้เชี่ยวชาญแล้วนะ คนที่ทำงานแผนกเดียวกันในช่วงเวลาเดียวกันมาตลอดแบบนี้น่ะมันไม่มีหรอก อาราชิที่เป็นแบบนั้น ทำมาโดยเมมเบอร์ที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย โดยตัวมันเองก็นับเป็นปาฏิหาริย์แล้วล่ะ" (นิโนะมิยะซัง)

    อีกไม่นานทัวร์คอนเสิร์ฺตสเกลใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของอาราชิกำลังจะเริ่มขึ้น ที่ๆเสน่ห์ของอาราชิจะระเบิดออกมาแน่นอนว่าต้องเป็นที่คอนเสิร์ต ช่วงเวลาที่อาราชิรวมหัวใจของทุกคนให้เห็นหนึ่งด้วยเสียงเพลงและการเต้น ไม่ว่าใครย่อมรู้สึกถึงความสุขและซาบซึ้งใจ ปาฏิหาริย์ที่ได้เกิดมาในช่วงเวลาเดียวกับอาราชิ ได้ร่วมรู้สึกถึงคลื่นเสียง คลื่นความสั่นสะเทือนจากเสียงเพลงที่พวกเขาสร้างขึ้น และการได้พบกับอาราชิ..ซึ่งนับเป็นปาฏิหาริย์อันแสนงดงามเหลือเกิน













Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
kakaaloha (@kakaaloha)
?❤️???