16 in 2016

1. พอเหลือเวลาน้อย เลยต้องเลือกใช้เวลามาก ในการรับสื่อ หรือการโต้ตอบกับคน ยิ่งเวลาน้อย ยิ่งต้องปล่อยผ่านในเรื่องที่ไม่จำเป็น

2. ซื้อขนมมา ไม่ต้องกินให้หมดก็ได้

3. ไม่ต้องอ่านหนังสือให้จบก็ได้ ถ้าลงทุนเวลาไปส่วนหนึ่งแล้วมันไม่โอเค scene ของคอนเทนต์อุดมสมบูรณ์มากจนเลือกลงทุนเวลาให้เหมาะสมได้โดยไม่ต้องเสียดาย

4. เมื่อมีข้อมูลให้เลือกมาก ไม่จำเป็นต้องฟังทุกคน ต้องกลั่นกรองข้อมูลด้วย trust (ซึ่งก็ขึ้นๆ ลงๆ ได้)

5. ทุกอย่างมีหลายด้านหมด ยิ่งรู้ก็ยิ่งกลัวจะพูด ยิ่งรู้ก็ยิ่งกล้าจะพูด ถึงรู้ว่าพูดไปแล้วจะผิดบ้างแต่ถ้าไม่พูดก็ไม่รู้เพราะคิดว่าตัวเองรู้

6. ไม่ต้องเกรงใจคนมากก็ได้ ความเกรงใจกับ considerate ไม่เหมือนกันนะ เกรง แปลว่า นึกกลัว ส่วน considerate มีนัยยะแบบ empathy

7. ทุกอย่างคือทางเลือกของการ trade off อะไรบางอย่าง บางทีจะคิดว่าทำได้ทั้งสองอย่าง แต่ที่ไม่รู้ตัวคืออย่างที่สามที่เสียไปที่เรามองไม่เห็น

8. ลงแรงเรื่อยๆ แต่นานๆ กับลงแรงตู้มเดียวแล้วหมด แบบแรกดีกว่า แต่ต้องดูด้วยว่าแรงที่ลงมันเหมาะสมอยู่

9. การประเมินคนอื่นออกสื่ออาจคือการแสดงสัญญะถึงสถานภาพของตัวเองว่าอยู่ในจุดที่ 'ประเมิน' คนอื่นได้

10. มีเพื่อนเยอะได้แต่มีเพื่อนที่คุยได้ทุกเรื่องหนึ่งถึงสองคนพอ

11. บางครั้งมีเวลาแต่ไม่มีพลังงาน บางครั้งมีพลังงานแต่ไม่มีเวลา พยายามหาช่วงที่มีทั้งสองอย่างให้ได้บ่อยๆ

12. ถ้ากลัวเด๋อ กลัวไม่หล่อ ก็ไม่ค่อยได้ทำอะไรหรอก

13. ในยุคที่ข้อมูลมันอุดมสมบูรณ์มาก การอยู่เฉยๆ โดยไม่เสพหรือไม่ผลิตข้อมูลอะไรนี่เป็นความหรูหราได้เลย

14. การ Please ทุกคน อาจทำให้ตัวเองไม่ Please พอสะสมไปเรื่อยๆ จะเครียด แล้วก็ป่วย

15. เป็นคนปล่อยวางไม่เป็น ดังนั้นคำว่าช่างแม่งนี่คือเชื่อได้เลยว่าไม่ช่างแม่งหรอก ก็ยังถืออยู่อย่างนั้นแหละ วิธีดีลก็คือในเมื่อเอ็งปล่อยวางไม่เป็น ก็จงถือเสียจนพอใจ จนเหนื่อย จนวางเอง

16. บางทีการทำงานเพิ่มก็ดันทำให้หายเหนื่อย