1. ตอนเด็กๆ ติดเกม Sim มาก จำได้ว่าตอนนั้นมีแผ่นซีดีเกมรวม 100 ซิม (มันจะเยอะอะไรขนาดนั้น) ที่มีตั้งแต่เบๆ แบบ SimCity ThemeHospital (ซึ่งไม่ใช่ตระกูล Sim แต่เป็นตระกูล Theme) ไปจนถึงแบบที่ไม่ค่อยมีคนเล่นอย่าง SimAnt SimEarth ซึ่งก็ชอบไปหมด ลงมันแทบทุกเกม (เป็นสมัยก่อนที่จะติดเกมแบบ Civilization)

2. แต่เกมที่ติดที่สุดอันดับหนึ่งตอนนั้นไม่ใช่เกมอย่าง Simcity หรือ ThemePark ThemeHospital เพราะถึงแม้ว่าสองสามเกมนี้จะสนุกมาก แต่ว่ามันก็ไม่เพลิน ไม่เหมือนได้ต่อเลโก้ ไม่เหมือนเกม SimTower

3. ผมชอบเกม SimTower มาก เพราะมันเหมือนได้ดูบ้านตุ๊กตาเล็กๆ ที่มีคนที่มีชีวิตวิ่งไปวิ่งมาอยู่ในนั้น มันให้อิสระกับเราเหมือนกับการต่อเลโก้ที่จะต่อยังไงก็ได้ (แต่ดีไม่ดีว่ากันอีกที) จำได้ว่าทำตึกไว้หลายอย่างเลย ตั้งแต่ตึกออฟฟิศ ตึกคอนโดแบบเน้นที่อยู่อาศัย ตึกห้างร้าน

4. ถึงแม้ว่าจะเหมือนว่าวางอะไรไว้ตรงไหนก็ได้ก็จริง แต่ว่าไม่ว่าอย่างไรก็ต้องบาลานซ์หลายอย่างด้วย เช่น ต้องวางให้ที่จอดรถเพียงพอ ต้องวางให้มีลิฟท์มากๆ และอาจต้องใช้ลิฟท์แบบต่อกัน (คือไปต่อลิฟท์อีกทีที่ล็อบบี้ชั้นบน) ไม่อย่างนั้นคนจะหงุดหงิดมากที่ต้องรอลิฟท์แล้วย้ายออก พวกร้านอาหารก็จะไม่มีลูกค้าแล้วปิดไป ก็จะเจ๊งในที่สุด

5. อิสระที่มีข้อจำกัดหรือกลไกเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้แหละที่ทำให้ติด SimTower มาก คือมันเหมือนโลกจริงตรงที่ว่าจะทำอะไรก็ได้ แต่การทำอะไรนั้นก็มี consequence เสมอ

6. นี่เพิ่งรู้ข่าวเกมออกใหม่คล้ายๆ SimTower คือเกมชื่อ Project Highrise ที่ก่อนออกเค้าว่ากันว่าจะเป็นเกมที่มาสานต่อ Simtower แบบอัพเกรดกราฟิกให้สมกับยุคกับสมัย พอมันออกเลยรีบดาวน์โหลดมาเล่น (ผ่าน steam, 300 กว่าบาท, มีใน Mac กับ PC, จริงๆ น่าจะมีใน iOS เนอะ)

7. รีวิวของเกมนี้อยู่ในระดับกลางๆ คือไม่ดีไม่แย่ ได้จาก IGN 7/10 โดยบอกว่ากราฟิกมันแบนเกินไป ซึ่งโดยส่วนตัวกับกราฟิกนี่ก็เฉยๆ นะ ไม่ได้รู้สึกว่าต้องหวือหวามาก แต่ที่น่าสนใจคือรีวิวจาก Motherboard ที่บอกว่า ที่แตกต่างกับ SimTower มากๆ คือ Project Highrise เป็นเกม ส่วน SimTower นั้นเป็น Sim

8. ความแตกต่างระหว่างสองอย่างนี้ไม่ใช่ว่ามีแบรนด์ Sim แล้วจะโอเคนะ แต่เขาหมายถึงว่าเกม Project Highrise นั้นเราจะต้องเล่นไปตามเป้าหมายของมัน ส่วนกับ SimTower นั้นมันเหมือนว่า เรามีอิสระมากพอที่จะทำอะไรต่างๆ ได้โดยไม่ต้องแคร์นัก (แต่ถ้าไม่แคร์เลย ก็จะได้ตึกที่เจ๊ง) ซึ่งการ 'มีเป้าหมาย' กับ 'ไม่มีเป้าหมาย' นี่แหละที่ทำให้มันต่าง

9. จะว่าไปก็คิดถึงข้อเปรียบเทียบแบบนี้ระหว่างเกม The Sims ภาคแรกๆ กับภาคหลังๆ อยู่เหมือนกัน ว่าภาคแรกๆ ดูให้อิสระในการทำอะไรต่อมิอะไรมากกว่า มันดูเป็นสนามทรายให้คนเอาจินตนาการของตัวเองไปคลุกมากกว่า ในขณะที่เกม The Sims ภาคหลังๆ มาพร้อมกับระบบ Aspiration อะไรพวกนี้ ทำให้เหมือนว่าแต่ละคนในเกมมาพร้อมกับเป้าหมายที่เป็นมินิเกม ซึ่งเราก็จะพุ่งเป้าไปที่การทำให้เป้าหมายพวกนี้สำเร็จ มากกว่าที่จะแค่เล่นเพื่อเล่น

10. พอเขียนถึงตรงนี้ก็ทำให้เห็นว่าการ เล่นเพื่อเล่น (เท่านี้ก็สนุกแล้ว) กับการ เล่นเพื่อชนะ (ถึงจะสนุก) นี่ก็ทำให้ได้อะไรๆ ที่แตกต่างกันพอดี ก็คล้ายๆ กับที่บอกว่า ชีวิตที่ไม่มีเป้าหมาย ก็ไม่ใช่ชีวิตที่เลวร้ายเสมอไป

ปล. รีวิวของ Motherboard ใช้คำโหดร้ายเหมือนกัน คือบอกว่า Project Highrise เป็นเกมที่ Pale (ซีด) แต่ก็ Functional (ทำงานได้ ใช้ได้ รันได้) ซึ่งไอ้คำว่า Functional นี่แหละที่บอกเราว่าคนรีวิวรู้สึกว่าอีนี่ไม่สนุกเอาเสียเลย คือ Functional is not fun น่ะ 555

เผื่อใครสนใจ > http://store.steampowered.com/app/423580/