Slow, slow hands
Like sweat dripping down our dirty laundry
อาการปวดเมื่อยไปทั้งตัว เหมือนว่าทั้งร่างจะแหลกไปให้ได้เป็นอาการแรกที่คิมดงฮยอนตื่นมาแล้วพบเจอ ก่อนจะลืมตามาเพื่อพบกับเพดานห้องที่ไม่ใช่ห้องของตนเอง ทว่าเขารู้ดีว่าตัวเองกำลังอยู่ในห้องของใคร
เมื่อค่อยๆยันตัวเองให้นั่งบนเตียงได้อย่างยากลำบาก เขาก็พบว่าสภาพรอบๆนั้นเละเทะยับเยินราวกับว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาเพิ่งมีคนก่อสงครามขึ้น
ถึงจะรู้สึกมึนๆหัวจากแอลกอฮอล์ที่ดื่มไปหนักๆเมื่อคืน แต่หัวของดงฮยอนก็ยังประมวลผลได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
และข้อเท็จจริงนั้นทำให้เขารู้สึกกระอักกระอ่วนใจไม่น้อย
ไม่รู้ว่าเจ้าของห้องหายหัวไปไหน บนพื้นข้างเตียงก็ยังมีเสื้อผ้าของคนคนนั้นอยู่ แต่ดงฮยอนก็กัดฟันเพื่อยันตัวเองให้ลุกขึ้นยืนเพื่อใส่เสื้อผ้าของตนเองที่ตกอยู่แถวๆนั้น
เขาต่อสู้กับอาการมึนหัวเพื่อสำรวจว่าตนเองไม่ได้ลืมของสำคัญอะไรไว้ ก่อนจะค่อยๆเปิดประตูห้องนอนอย่างระมัดระวัง
ทว่าไม่เงียบเชียบพอ
เจ้าของแผ่นหลังเปลือยเปล่าที่ยืนอยู่หน้าห้องครัวนั่นหันมาเอ่ยทักขึ้นก่อนจนได้
“นายจะไปไหนน่ะ”
เป็นคิมดงฮัน เพื่อนที่เขาสนิทพอที่จะเคยมานอนค้างบ่อยๆพ่วงตำแหน่งเจ้าของห้องที่เขายืนอยู่
“กลับหอ”
“นายจะกลับไปทั้งสภาพนี้ได้ยังไง”
หมอนั่นโวยวายขึ้นมาโดยไม่ได้คำนึงถึงสภาพของตนเองด้วยซ้ำ
ให้ตายสิ สภาพของดงฮันตอนนี้ทำให้ดงฮยอนนึกอยากจะกัดลิ้นตัวเองให้รู้แล้วรู้รอด
ใครใช้ให้คิมดงฮันสวมแค่กางเกงยีนส์ปิดบังท่อนล่าง เปลือยท่อนบนโชว์กล้ามเนื้อซึ่งปรากฏร่องรอยที่ไม่ต้องถามก็รู้ว่าฝีมือของใครอย่างนั้น
โอเค เขารู้ดีว่าหมอนี่หน้าตาดี เดินไปตามถนนก็มีผู้หญิงมองตามเป็นเรื่องปกติ
แต่เรื่องที่คิมดงฮันฮอตขนาดนี้มันทำให้เขาเริ่มรู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาซะอย่างนั้น
“ดงฮยอนนี่ นายกำลังลวนลามฉันทางสายตานะ”
ดงฮยอนสะดุ้งออกจากภวังค์เล็กน้อย เกือบลืมไปด้วยซ้ำว่าก่อนหน้านี้เขากำลังคุยอะไรอยู่
“ฉัน...จะกลับหอ”
“ไปอาบน้ำก่อนค่อยกลับ ฉันทำข้าวต้มไว้ให้”
“แต่...”
“จะไปอาบดีๆหรือให้อุ้มไป” ว่าแล้วดงฮันก็ทำท่าจะพุ่งเข้ามาอุ้มจริงๆจนดงฮยอนต้องถดตัวหนีไปพร้อมชี้ขู่ไว้ไม่ให้อีกฝ่ายเข้ามาหาก่อน
แล้วดงฮยอนก็มายืนอยู่ใต้ฝักบัวแต่โดยดี
เพราะโดนยัดเยียดเสื้อผ้าของอีกฝ่ายมาให้ บวกกับรู้สึกเหนียวเนื้อตัวไม่น้อย ดงฮยอนเลยตัดสินใจอาบน้ำให้มันจบๆก่อนจะกลับหอไป
พอปล่อยให้สายน้ำจากฝักบัวไหลชำระร่างกายไป ดงฮยอนก็เหมือนจะค่อยๆได้สติกลับคืนมา
เมื่อคืนเขาเมาเละเทะเลยล่ะ
มันไม่มีอะไรมากไปกว่าดื่มฉลองสอบเสร็จกับกลุ่มเพื่อนที่หนึ่งในนั้นก็มีคิมดงฮันได้ แต่ก็จำอะไรได้ไม่ชัดเจนนัก
เห็นภาพลางๆอีกทีก็ตอนที่เขามาอยู่ในห้องนอนนั้นแล้ว ภาพเขาค่อยๆเคลื่อนเข้าหาดงฮัน ฝ่ามือของตนเองที่ลูบไล้ไปตามหน้าท้องของอีกฝ่าย และฝ่ามือหนาที่เฟ้นไปตามแผ่นหลังและลำตัวของเขา ซึ่งอะไรเหล่านั้นมันคงนำพาให้ทั้งคู่มาจบลงแบบนี้
และภาพลางๆที่ว่านั่นทำให้ดงฮยอนยกมือขึ้นกุมหน้าตัวเองเอาไว้
คิดอะไรไม่ออก...เมื่อได้สติมากกว่านี้หลังอาบน้ำเสร็จ เมื่อออกไปจากห้องน้ำ เขาไม่รู้ว่าควรเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายยังไง ต้องมีปฏิกิริยาอย่างไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ที่แน่ๆก็ไม่ได้มีอะไรให้ต้องร้องห่มร้องไห้หรือเรียกร้องให้ดงฮันรับผิดชอบอะไร
มันก็แค่รู้สึกกระอักกระอ่วนใจอยู่หน่อยๆกับข้อเท็จจริงที่ว่าพวกเขาลึกซึ้งกันไปแล้ว
“ยาแก้ปวด ไว้กินหลังกินข้าวเสร็จละกัน”
คิมดงฮันวางกระปุกยาลงบนโต๊ะอาหาร ข้างๆกับถ้วยข้าวต้มที่หน้าตาดูดีกว่าที่เขาคิด
ไม่ยักจะเคยรู้ว่าหมอนี่ทำอาหารเป็น
รสชาติดีด้วย
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ ไม่อร่อยเหรอ”
“นายน่ะไปใส่เสื้อผ้าดีๆได้แล้ว”
เพราะคิมดงฮันยังสวมแค่กางเกงเหมือนเดิม และร่องรอยตามเนื้อตัวนั่นมันรบกวนจิตใจของเขา ตอนที่อาบน้ำเมื่อครู่ ดงฮยอนก็มีโอกาสได้สำรวจร่างกายว่ามีร่องรอยพวกนั้นไม่ต่างกัน
“เมื่อคืนนายถอดเสื้อฉันเองกับมือเลยนะ โอ๊ย! ขอโทษๆ”
ดงฮยอนขว้างผ้าเช็ดตัวที่พาดแถวนั้นไปที่หัวของดงฮันทันทีที่อีกฝ่ายเอ่ยเรื่องหน้าไม่อายนั่นขึ้นมา ซึ่งแม้จะโดนผ้าขนหนูขว้างใส่หน้า ดงฮันก็ทำเพียงแค่ระเบิดหัวเราะอย่างอารมณ์ดีเท่านั้น ก่อนจะเลื่อนเก้าอี้ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเพื่อนั่งลงประจันหน้ากับเขา
“มีอะไรอยากคุยกันมั้ย”
“คุยอะไร”
“คบกันมั้ย”
“แค่ก!”
จู่ๆดงฮยอนก็สำลักข้าวต้มคำที่เพิ่งกินเข้าไปจนดงฮันต้องรีบไปเทน้ำใส่แก้วมาให้ดื่ม
“เฮ้ย! ถึงกับสำลักเลยเหรอ ใจเย็นๆ ค่อยๆหายใจ”
เขาหายใจเข้าออกเล็กน้อยให้แน่ใจว่าตัวเองหายสำลักแล้วค่อยตอบออกมา
“ย่าห์! คิมดงฮัน ล้อเล่นอะไรเนี่ย”
“ฉันจริงจัง”
แววตาของคนตรงหน้าเปลี่ยนไป และนั่นทำให้ดงฮยอนรู้สึกประหม่าขึ้นมา
ถึงจะรู้จักกันมานาน แต่ก็ไม่เคยได้มองหน้ากันตรงๆแบบนี้ คิมดงฮันที่ปกติชอบแหย่เพื่อนให้อารมณ์เสียเพื่อความสนุกส่วนตัวของตัวเองกำลังทำหน้าจริงจังใส่เขา
“ฉันไม่ได้พูดเพราะว่าจะรับผิดชอบอะไร แต่ถ้านายไม่ได้อยากให้มันเกิดขึ้น ฉันก็ขอโทษ...แล้วถ้านายอยากให้มันเหมือนว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฉันก็จะไม่พูดถึงมันอีก”
“ฉันไม่รู้”
“...”
“ฉันไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เอาไว้”
ความเงียบก่อตัวขึ้นทันทีที่ดงฮยอนพูดจบ เขารู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ทั่วท้องหน่อยๆ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะมีปฏิกิริยาตอบรับยังไง ดงฮันลุกขึ้นจากเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเปลี่ยนมายืนข้างๆเขาแทน ก่อนจะโน้มตัวลงมาทำในสิ่งที่ดงฮยอนไม่ได้คาดเอาไว้
ดงฮยอนไม่ได้เตรียมใจจะรับมือกับจูบที่อีกฝ่ายเริ่มขึ้นมา
ดงฮันยังคงยืนอยู่ ทว่าโน้มตัวลงมาประทับริมฝีปากลงที่ปากของดงฮยอนที่ยังคงนั่งบนเก้าอี้ ฝ่ามือหนานั่นเลื่อนมาประคองต้นคอของเขาเอาไว้ก่อนที่การกระทำเหล่านั้นจะลึกซึ้งมากขึ้น
ไม่รู้ว่าเผลอจูบตอบไปตอนไหน ทว่าจูบที่เกิดขึ้นตอนที่สติสัมปชัญญะครบถ้วนทุกประการทำให้หัวใจของดงฮยอนทำงานอย่างหนัก รู้ตัวอีกทีเขาก็ถูกยกให้นั่งบนโต๊ะ แขนทั้งสองข้างเลื่อนขึ้นไปคล้องคอคนตรงหน้าเสียแล้ว
ทั้งสองจูบกันอยู่สักพักก่อนที่ดงฮันจะถอนจูบออกมาให้ดงฮยอนได้โกยเอาอากาศเฮือกใหญ่เข้าปอด ฝ่ามือที่เคยประคองที่ต้นคอกับโอบรัดที่เอวเลื่อนมาประคองใบหน้าแทนก่อนที่นิ้วมือจะค่อยๆเกลี่ยไปตามใบหน้าอย่างอ่อนโยน
“ตอนนี้นายคิดถึงเรื่องนั้นบ้างรึยัง”
“ยัง”
“จะลองจูบอีกรอบดูมั้ย”
“ย่าห์! คิมดงฮัน”
ดงฮันหัวเราะชอบใจเมื่อโดนผลักออก แต่ไม่นานก็เหมือนมีแรงดึงดูดให้ทั้งคู่เคลื่อนเข้าหากันอีกที ซ้ำไปมาอยู่อย่างนั้น
แล้วคิมดงฮยอนก็เริ่มที่จะคิดถึงเรื่องนั้นดูบ้างแล้ว
#มนต101
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in