Miss steves เป็นหนังในปี 2016 นำแสดงโดย
Lily Rabe , Timothée Hal Chalamet , Lili Reinhart จัดเป็นหนังประเภทดราม่าคอเมดี้ บทคือครูและนักเรียน 3 คนที่ต้องเดินทางไปเข้าแคมป์แข่งขันการแสดงระดับไฮสกูลเป็นเวลา 3 วัน ในระยะเวลา 3 วันถ่ายทอดออกมาเป็นหนังเวลาชั่วโมงครึ่งได้อย่างเรียบง่าย ไม่มีฉากตื่นเต้น ไม่มีฉากหักมุม แต่ด้วยบทสนทนาของตัวละคร งานภาพที่ดึงดูดสายตา ทำให้เราดูได้จนจบและสุดท้ายไปโดนหมัดฮุกจากบทสนทนาของบิลลี่กับครูสตีเวนส์ ยอมรับว่า นิ่งคิดไปสักพักอยู่เหมือนกัน
(อาจมีการสปอยด์เนื้อหาของหนัง)
สิ่งที่น่าประทับใจของหนังอาจจะไม่ใช่ฉากอันทรงพลังจนน่าจดจำ แต่มันคือTimingที่หนังตัดได้พอเหมาะพอเจาะ อีกสิ่งที่เรียกว่าส่งเสริมให้จำฉากนั้นๆได้ดีคือ "เพลงประกอบ" โดยเฉพาะเพลงที่เปิดบนรถ แม้มาร์ก็อทจะว่าเพลงนี้คือ Daddy song แต่สุดท้ายทุกคนปล่อยใจไปกับเพลงได้ ไม่ติดไม่ขัด เป็นหนึ่งในฉากที่เรานึกถึงแล้วยิ้มเสมอ ทุกวันนี้ยังฟังเพลงนี้อยู่ (ไม่อยากบอกชื่อเพลงเลย ไปรอฟังในหนังนะคะ)
แม้จะเป็นหนังเกี่ยวกับครูและนักเรียน แต่ฉากหลังไม่ได้อยู่ในโรงเรียนเลย เนื้อเรื่อง 90% คือดำเนินไปในโรงแรมที่เป็นแคมป์ประกวดการแสดง กับสถานที่รอบๆโรงแรมนิดหน่อย หนังดำเนินเรื่องตามระยะเวลา 3 วันที่ ครูและนักเรียน 3 คนต้องทำกิจกรรมคือ ซ้อมและเรียนการแสดงเพื่อประกวดในวันสุดท้ายของงาน ไม่ได้มีการตัดภาพไปถึงภูมิหลังของตัวละคร มีเพียงบทสนทนาที่ตัวละครอย่างครูสตีเวนส์เล่าเรื่องบนโต๊ะอาหารให้นักเรียนทั้ง 3 ฟังและการพรั่งพรูปมในใจตนเองให้บิลลี่ฟังตรงระเบียงห้องเท่านั้น
แต่เท่านี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับทำให้เราเข้าใจในตัวละครนั้นๆ อย่างบิลลี่ แม้เราไม่รู้ว่าทำไม หรือเหตุการณ์อะไรทำให้เค้าต้องกินยาเพื่อประคองสุขภาพจิต แต่นักแสดงอย่างทิมมี่ก็แสดงออกมาได้ดี จนมองออกว่าเด็กคนนี้ประสบปัญหาอะไรอยู่แน่ๆ และเมื่อตัวละครอย่างครูสตีเวนส์กัยบิลลี่ได้มีโอกาส ใช้เวลาร่วมกัน เหมือนต่างฝ่ายต่างมองเห็นความเศร้าในตัวของกันและกัน เกิดเป็นความเห็นอกเห็นใจกัน แอบลุ้นเหมือนกันว่าหนังจะเขียนเส้นเรื่องแหกกฏศีลธรรม จรรญาบรรณครูมั้ย แต่ไม่เลย ไม่มี แต่คนดูจะรับรู้ได้เองว่าบิลลี่นั้นมีความรู้สึกดีๆให้ครูสตีเวนส์แน่ๆ
ฉากที่จำได้และชอบอีกฉากคือตอนที่บิลลี่กับครูสตีเวนส์กำลังเดินไปร้านเบอเกอร์ บทสนทนาที่เก้ๆกังๆของนักเรียนกับครูมันน่ารักดี
ตัวละครหลักของเรื่องอาจเป็นครูสตีเวนส์และบิลลี่ แต่หนังก็ไม่ทอดทิ้งมาร์ก็อท นักเรียนหญิงผู้มีความมั่นใจในตนเองและเป็นคนต้นเรื่องจัดทริปมาแคมป์การแสดงนี้ให้โรงเรียนเอง(ตอนสารภาพว่าพ่อแม่นางเองแหละที่ออกเงินค่าทริปให้ ทำให้รู้ว่านางทุ่มทุนอยู่เด้อกับกิจกรรมการแสดง) ฉากในห้องน้ำของมาร์ก็อทกับครูสตีเวนส์ก็น่ารักดี มันเผยให้เห็นมุมนึงของตัวละครนี้ว่าเป็นมากกว่าเด็กมั่นคนนึง อีกหนึ่งตัวละครที่มีสีสันของเรื่องคือ แซม ตัวละครLGBTที่ใส่มาแบบไม่ได้ยัดเยียด แซมคือเด็กไฮสกูลคนนึงเท่านั้น ที่เค้าคัมเอาท์ว่าเป็นเกย์ แต่แซมก็ไม่ได้เฟียสตามสไตล์หนังวัยรุ่นเมกา(ชอบตรงนี้แหละ) หนังสร้างแซมให้เป็นบทเสริมที่น่ารักบทนึง เป็นตัวละครเสริมทำให้หนังมีมู้ดคอมเมดี้มากขึ้น ไม่เอื่อยเฉื่อยมากจนเกินไป รวมๆแล้วตัวละครทั้ง 4 คนต่างมีบุคคลิกที่แตกต่างแต่ไม่ประเจิดประเจ้อจนที่จับมารวมกันแล้วเขากันไม่ได้ แต่กลับเป็นการอยู่รวมกันที่ดูแล้วสบายใจ
ฉากตอนใกล้จบที่แวะพักเพื่อให้บิลลี่สอบ ฉากนี้ก็น่าประทับใจ เราประทับใจในความเป็นเด็ก ต่อบิลลี่จะแสดงออกภายนอกว่าเย็นชาไม่น่าคบขนาดไหน แต่สุดท้ายเค้าก็คือเด็ก และเมื่อเพื่อนที่คอยช่วยเหลือเค้า มันทำให้เค้าดีใจ (ฉากนี้ดูแล้วหลุดยิ้มตาม)
และสุดท้ายคือฉากปิดจบของหนัง ที่บอกได้เลยว่าเรียบง่าย ธรรมดา แต่บทสนทนาระหว่างบิลลี่กับครูสตีเวนส์ฮุกเข้ากลางใจ ตอนดูรอบแรกเรานิ่งไปเลย อารมณ์แบบ "เธอดูแลคนรอบตัวแล้ว ชั้นหวังว่าจะมีคนดูแลเธอบ้าง..."
หนังตัดจบไปพร้อมกับการก้าวเดินต่อไปของตัวละครทุกตัว มันคือการก้าวผ่านช่วงวัยของทุกๆตัวละครในระยะเลวา 3 วัน ที่ไม่จัดจ้าน ไม่ดราม่าหลั่งน้ำตาฟูมฟาย ไม่ระเบิดอารมณ์ให้คนดูลุ้นตาม แต่พอจบคนดูรู้ได้เลยว่าตัวละครทุกตัวเค้ามีการเปลี่ยนแปลงภายในใจแน่นอน
อาจกล่าวได้ว่าหนัง Miss stevens คือหนัง Coming of age อีกเรื่องนึงในวงการภาพยนต์ อาจจะเป็นหนังไม่หวือหวา แต่เป็นหนังที่น่าดูเพราะความไม่หวือหวานี่แหละ ความเอื่อยเฉื่อยในบทสนทนา ความธรรมดาของคาแรคเตอร์ตัวละคร ฉากหนังที่มินิมอล รวมๆแล้วทำให้หนังมีคุณค่าในตัวของมันเอง เอาเป็นว่าใครอยากหาหนังที่ดูจบแล้วอิ่มอกอิ่มใจ ไม่กดประสาท แนะนำ Miss stevens จริงๆ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in