— in the middle of the night
“กลางคืนเงียบดี”
“ตอนกลางวันคุณก็เงียบ”
“หมายถึงสิ่งแวดล้อมมันเงียบ”
“ไปหานะ”
—
แสงไฟส้มสลัวจากรั้วไกลด้านนอก ส่องให้เห็นเงาของชายคนหนึ่งที่ชั้นล่าง
แสงสลัวทอดผ่านเส้นผมเทางาม เทาเช่นเดียวกับของผม
ผมเดินท่ามกลางความมืดภายในตัวบ้าน เดินลงตามพื้นบันไดทีละขั้น ปลายเท้าเดินตรงไปยังเงาสูงที่ยังคงยืนรออยู่ที่หน้าประตู
ผมไม่สามารถเห็นเจ้าของใบหน้าของเงาสูงนั้นได้ เพราะภายในตัวบ้านที่ผมอยู่นั้นมืดสนิท ไม่มีไฟแม้แต่ดวงเดียวที่ส่องแสงสว่าง
ผมชอบแบบนี้ เพราะกลางคืนมันช่างมืด ช่างเงียบสงบ และเยือกเย็น เป็นเวลาที่ผมโปรดปรานทุกๆวันผมมีชีวิตเพื่อบอกลาแสงอาทิตย์แล้วอยู่กับความมืด
“มาหา”
“อืม ก็รู้อยู่แล้ว”
“ไม่ตอบคิดว่าไม่รู้”
“ไม่ตอบเพราะเดี๋ยวก็เจอ”
“ยิ้มอยู่นะ”
“บอกทำไม”
“ก็คิดว่าคุณคงไม่เห็นว่าผมยิ้ม” เขาพูดพร้อมชี้ไปยังภายในบ้านที่ไม่มีแม้แต่แสงสว่างใด “แล้วก็... คุณเองก็ยิ้มอยู่” ผมไม่รู้ตัวว่าตัวเองเผลอยิ้มตอนไหน มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่ผมจะปล่อยมันออกมาจากใบหน้า แต่ถ้าเป็นสำหรับคนตรงหน้า ก็คงไม่แปลกอะไร
“เสียงเปียโน”
“เปิดไว้ฟังคลอๆ”
“ไหนบอกชอบที่ตอนกลางคืนมันเงียบ”
“ชอบที่เสียงข้างนอกเงียบ จะได้สร้างเสียงของเราเองได้มั้ง” ผมตอบคำถามที่ผมเองไม่เคยคิดจะถามตัวเองสักครั้ง แต่สิ่งที่เขาพูดออกมา ก็ทำให้ผมแปลกใจไม่ต่างกัน
“ชอบกลางคืนของคุณนะ”
“ชอบเหมือนกัน”
—
“กลิ่นเปลี่ยนเหมือนเดิม”
“อะไรคือ เปลี่ยนเหมือนเดิม”
“รู้ว่าคุณจะเปลี่ยน”
“แล้วเหมือนเดิมคือ?” ผมหันหน้าถามคนตัวสูงข้างๆ กำลังยืนสูดดมผ้าห่มผืนหนาในมือที่ผมเพิ่งเปลี่ยนกลิ่นน้ำยาซักได้ไม่นาน
“ยังเป็นกลิ่นคุณเหมือนเดิม”
“ใช้ผืนนี้ทุกคืน มีอยู่ผืนเดียว”
“ชอบนะ”
ผมหยุดมือที่กำลังยุ่งกับการจัดผ้านวม แล้วหันหน้ากลับไปหาคนตัวสูงที่ยืนรออยู่ด้านหลัง
ชอบนะ ของเขาคือยังไงกัน
“ชอบที่มีกลิ่นคุณเบาๆ”
“อาจเป็นเพราะผมอยู่ด้วย”
“แบบนั้นยิ่งชอบ”
เพราะห้องใต้หลังคามีช่องเล็กเผยให้แสงจากพระจันทร์ได้ส่องสว่่างลงมาภายในห้อง ถึงไม่ใช่แสงที่สว่างมาก แต่ก็สว่างพอที่ทำให้รอยยิ้มจากคนตัวสูงชัดเจนขึ้นมา รวมถึงสายตาของเขาที่ช่างสว่างไม่แพ้แสงจันทร์
ผมอยากให้เขาเห็นความงดงามของตัวเอง ในแบบที่ผมมองเห็น
ช่างงดงามในแบบที่ผมปรารถนา
“ยิ้มอยู่นะ”
“หมายถึงคุณหรือผม”
“คุณน่ะยิ้มอยู่”
“คุณก็ยิ้มอยู่”
“ผมยิ้มเพราะคุณ”
“เหมือนกัน”
กลางคืนคือเวลาที่ทุกอย่างเงียบ ทำให้ผมสงบกว่าปกติ แต่ความรู้สึกที่หัวใจผมตอนนี้มันไม่ได้สงบเลยแม้แต่น้อย
“ชอบที่อยู่ข้างบนแต่ยังได้ยินเสียงเปียโน”
“เพราะกลางคืนไง”
“แล้ว?”
“บอกแล้วว่าเสียงข้างนอกมันเงียบ”
ผมชอบที่มันเงียบ ทุกอย่างเงียบ รวมถึงเสียงความวุ่นวายภายในหัวของผมเองก็เงียบเบาลง ได้ยินเพียงเสียงเพลงที่ผมตั้งใจให้มันดัง โชคดีที่รอบๆบริเวณนี้มีเพียงต้นไม้ป่าใหญ่ ยิ่งช่วงกลางคืนบริเวณนี้ยิ่งเงียบกว่าเดิม ราวกับที่ตรงนี้มีแค่ผม
เพียงแต่ถ้าเป็นคืนนี้ มีเขาด้วยอีกคน
“ชอบกลางคืนของคุณ”
“ชอบเหมือนกัน”
—
“รสชาติแปลกๆ”
“ขวดใหม่”
“ดีอยู่ แต่ชอบรสเดิม”
“หมดไปเมื่อเย็น”
“อยู่คนเดียวแล้วชอบดื่มหรอ”
“แล้วแต่”
จินตนาการชีวิตคนเดียวท่ามกลางบ้านหลังใหญ่กลางป่า เสียงรบกวนอย่างมากก็แค่เสียงนกร้อง
การจิบแชมเปญกลายเป็นงานอดิเรกของผม ช่วยพาผมผ่านเวลาไปในวันๆนึง
ถ้าผมรู้ว่าแชมเปญขวดนั้นเป็นรสชาติโปรดของเขา ผมไม่ปล่อยให้มันหมด
ผมใช้สายตาอ่านสีหน้าของเขา ความอยากในรสแชมเปญขวดนั้นมีไม่น้อยเลย เลือกได้ผมไม่อยากทำให้เขาผิดหวังนักหรอก
ถ้าอยากชิมรสชาตินั้นอีกครั้ง...
มันอยู่ที่ผมแล้วนี่ไง
“เสียดายนะ อยากได้รสนั้นอีก”
“เพิ่งดื่มไปเมื่อเย็น”
“แสดงว่ารสยังอยู่”
“ประมาณนั้น”
—
“หอม”
“จูบหอมงั้นหรอ”
“รสชาติมันหอม”
“แล้วเป็นรสที่อยากได้อยู่มั้ย” ผมหันหน้าถามชายคนข้างๆ ในมือเขายังคงถือแก้วแชมเปญอยู่ ถึงแม้เมื่อครู่เขาจะไม่ดื่มมันจากแก้วนั้นก็ตาม
“รสไม่เหมือนเดิม”
“งั้นคงไม่ดี” ผิดหวัง ผมหันหน้าหนีออกจากสายตาของเขา
“ชางกยุน... มันดีกว่า” เสียงที่ดังข้างหูทำให้ผมหันหน้ากลับไป เผยให้เห็นรอยยิ้มที่งดงาม(แบบเดิม) ครั้งนี้ใบหน้าเราใกล้กันมาก ผมหวังว่ามันจะใกล้พอที่เขาจะเห็นภาพสะท้อนของตัวเขาเอง จากดวงตาของผม
ช่างงดงามด้วยรอยยิ้ม ด้วยสายตา ผมยิ่งชอบมันมากโดยเฉพาะเวลามันถูกส่งมาที่ผม
แขนของเราสัมผัสกันเบาผ่านเสื้อแขนยาวของเราทั้งสอง เขาวางแก้วแชมเปญในมือลงข้างๆให้ห่างจากร่างกาย
“ไม่ชอบแก้วนี้”
“คุณจะดื่มอะไร”
“อยากได้รสเดิม”
“รสเดิม?”
“รสชาติเดิมที่อยู่กับคุณ”
—
มีงานอดิเรกเป็นการดื่มแชมเปญก็จริง แต่ก็ไม่เคยมีครั้งไหนที่รสชาติแชมเปญเป็นแบบตอนนี้
ถ้าให้บรรยาย คงเป็นรสชาติที่เบา เบาที่สุด หอม หอมกลิ่นอะไรก็ตามที่สัมผัสจมูก สัมผัสลิ้น เป็นความหวานที่ผมเดาว่าคงจะมาจากความหวานของแชมเปญเมื่อเย็น
ผ้านวมกลิ่นใหม่ที่คนข้างๆบอก ว่าเป็นกลิ่นใหม่ที่เหมือนเดิม ผมไม่รู้หรอกว่ากลิ่นของผมเองมันเป็นแบบไหน แต่ถ้าเขาพอใจ ผมก็พอใจแบบนั้น ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเพิ่งซักผ้านวมได้ไม่นานหรือเปล่า ถึงทำให้ผมรู้สึกสัมผัสเบา เบาที่ร่างกาย
แสงพระจันทร์ที่ส่องลงมาเพียงเล็กน้อยในตอนแรก ตอนนี้แสงนั้นกลับดูละมุน ไม่รู้ว่าใครกันสามารถปรับแสงนั่นได้
มองจากมุมนี้ ผมเพิ่งสังเกตดาวบางดวง ดาวที่หลงเหลือมาส่องสว่างสู้แสงพระจันทร์
In the middle of the night when I’m in this dream
It’s like a million little stars spelling out your name
แชมเปญคงไม่รสชาติดีแบบนีี้ ถ้าไม่ใช่คุณ
ฮยองวอน
—
รสชาติหวานยังคงไหลเวียนไปทั่วร่างกาย คลอเสียงเปียโนที่ส่งเสียงผ่านมายังชั้นบน ที่ซึ่งแสงพระจันทร์ละมุนคลอเคลียห้องใต้หลังคาให้กลายเป็นสีโทนอุ่น ท่ามกลางอากาศหนาวเย็นของฤดูหนาวตอนเที่ยงคืน
รสหวาน กลิ่นหอม อบอวนไปทั่วใบหน้าและร่างกายของผม ทุกอย่างดูเบาและละมุนมากขึ้นเมื่อมีเขา สายตาและรอยยิ้มของเขามันแปลก มันทำให้ใจผมทั้งว้าวุ่นและสงบได้ในเวลาเดียวกัน
คำพูดของเขาก็เช่นกัน ทุกครั้งที่เขาเปล่งคำพูดใดออกมา มันทั้งดูเยือกเย็นแต่กลับรู้สึกอบอุ่น
สัมผัสของเขาทำให้ผมรู้สึกราวกับหลุดไปยังอีกโลกนึง พาผมหนีออกไปจากโลกนี้ไปยังโลกที่ต่างออกไป โลกที่มีแค่เขา และ ผม
หอม หวาน
ไม่มีแชมเปญไหนรสชาติดีเท่าครั้งนี้ได้หรอก
ราวกับผมใช้เวลาทั้งวันรอการบอกลาแสงอาทิตย์แล้วอยู่กับความมืด
เพื่อรอเขากลับมาเป็นแสงจันทร์ส่องสว่างยามฟ้ามืดสนิทอีกที
— In the middle of the night waking from this dream I wanna feel you by my side
“ชอบนะ”
“ชอบเหมือนกัน”
เที่ยงคืนกลางฤดูหนาว
คืนที่เยือกเย็น แต่กลับอบอุ่น
“ชอบกลางคืนของคุณ”
“ชอบกลางคืนที่มีคุณ”
—
—little taste of heaven
twitter— #yrviolet
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in