A Wedding Invitation (分手合约,2013)
ทิ้งบัตรเชิญนี้ไปนาน นานจนเกือบลืมไปแล้วว่ายังไม่ได้ดู ก็คิดดูว่าตั้งแต่ปี 2013 แต่เพิ่งได้ดูเอาปี 2017 ครั้งแรกที่เห็นตัวอย่างของ A Wedding Invitation ก็รู้แล้วว่าคงจะเศร้า แล้วยังเป็นการร่วมทุนกันระหว่างจีนและเกาหลีใต้ เลยพอจะเดาออกว่า น่าจะดราม่าเรียกน้ำตาได้ตามสไตล์เกาหลีเขาแหละ ในใจก็คิดว่าหนังคงออกแนวเฮฮาสลับกับดราม่าเบาๆ ไม่หนักหนาอะไร อารมณ์ออกแนวเศร้าแบบปลงๆ พลาดโอกาสไปแล้วมาได้แต่นึกเสียดายอะไรทำนองนั้น เหมือนพล็อตแฟนเก่าโทรมาชวนไปงานแต่งงานเขาที่เคยได้ดูมา
เซียวเซี่ยวและหลี่สิงคบกันมานานตั้งแต่มัธยมจนกระทั่งจบมหาวิทยาลัย หลี่สิงตัดสินใจขอเซียวเซี่ยวแต่งงาน แต่ถูกปฏิเสธ เพราะเซียวเซี่ยวอยากทำตามความฝันด้วยการเป็นช่างออกแบบภาชนะชื่อดังให้สำเร็จก่อน ทั้งสองคนเลยตกลงทำสัญญาเลิกกัน และถ้าหากผ่านไป 5 ปีแล้ว ถ้าทั้งคู่ยังโสดค่อยกลับมาแต่งงานกัน
ผ่านไป 5 ปี เซียวเซี่ยวได้รับการติดต่อจากหลี่สิงอีกครั้ง ในขณะที่กำลังตื่นเต้นเพราะนึกว่าหลี่สิงจะกลับมาทำตามสัญญานั้น เซียวเซี่ยวกลับได้รับคำเชิญให้ไปงานแต่งงานของชายหนุ่มที่กำลังจะจัดขึ้นในอีก 15 วันข้างหน้านี้แล้ว เซียวเซี่ยวเลยจำใจเดินทางไปร่วมงานแต่งงานแบบหน้าชื่นอกตรม ไม่กล้าเอ่ยคำสัญญาในอดีตขึ้นมาอีก ยอมรับในชะตากรรมและกำลังจะเดินออกจากชีวิตหลี่สิง ก่อนที่จะเดินทางกลับ หลี่สิงขอนัดกินข้าวกันเป็นมื้อสุดท้าย แล้วเอาบัตรเชิญงานแต่งงานมาให้เซียวเซี่ยวเป็นคนแรก ชื่อเจ้าบ่าวคือ หลี่สิง แต่ชื่อของเจ้าสาวกลับเป็น เซียวเซี่ยว ชายหนุ่มเฉลยในที่สุดว่า คำเชิญให้มางานแต่งงานของเขาก็คือแผนการ ที่ทำให้เธอกลับมาที่นี่ตามสัญญาที่เคยทำไว้ ตอนนี้เขามีทุกอย่างที่เซียวเซี่ยวเคยบอกเอาไว้แล้ว การรอคอยตลอด 5 ปีที่ผ่านมาควรจะจบลงซะที แต่งงานกันซะทีเถอะ เซียวเซี่ยวดีใจแทบบ้า แต่ด้วยความโมโหที่ถูกต้มจนเปื่อย เลยขอเล่นตัวอีกสักนิด ให้หลี่สิงทนรอคำตอบไปอีกสักวันสองวัน และเมื่อพบกันอีกครั้ง หลี่สิงผู้มาพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง ก็พบว่า คำตอบที่เขาเฝ้ารอมาตลอด 5 ปีนั้น ยังคงเป็นเหมือนเดิม เซียวเซี่ยวไม่ตกลงแต่งงานกับเขา และอะไรกันที่ทำให้เธอไม่ยอมตกลง....
แรกๆ เปิดมาด้วยความฮา มีความจิกกัดกันระหว่างพระนาง ที่คนดูร้องอู้หูวววว แต่ละคำที่พูดกันนั้นมันตะหงิดๆ ไม่แคร์หัวคู่หมั้นพระเอกเอาซะเลย ทั้งลากไปลองชุดด้วยกันสามคน ไหนจะพาแฟนเก่ามาพักที่ห้องหอของตัวเองอีก บอกว่าจะได้ประหยัดไม่ต้องไปเช่าโรงแรมไง บ้าเรอะ ความเล่นหูเล่นตาของพระเอกน้านนนน ถ้าฉันเป็นคู่หมั้นจะตบเปรี้ยงเข้าให้ เชิญแฟนเก่ามาไม่พอ ยังมาพูดอะไรระลึกความหลังกันอีก มันไม่ปกติอะคุณผู้ชม และเมื่อความจริงเปิดเผยว่า ที่เชิญมางานแต่งงานอะ ไม่ใช่งานแต่งของผมกับคนอื่นนะ แต่เป็นงานแต่งงานของเรา ของผมกับคุณต่างหากล่ะ โอ้โหหหหหหหหหหหหหหหห พ่อแม่พี่น้อง นี่อดยิ้มไปกับเขาไม่ได้เลย เห็นใจตั้งแต่พระเอกโดนเทแรงเมื่อ 5 ปีที่แล้ว มาตอนนี้เห็นวี่แววว่าเขาจะสมหวังก็ดีใจไปกับเขาด้วย แต่ความเล่นตัวของนางเอกนั้นก็เข้าใจได้ ของอนสักวันสองวันเป็นไร
แต่...มันเพิ่งกลางเรื่องนะเฮ้ย อะไรจะมามีความสุขสมหวังกันเร็วขนาดนี้ ครึ่งหลังจะให้ฉันดูอะไรอะ ปรากฏว่า พระเอกโดนเทอีกรอบจ้าาาาา เทแบบ หือออออออ ฉันว่านางเอกต้องมีเหตุอะไรแล้วล่ะ เทรอบแรกอ้างว่าจะไปเป็นดาวโดดเด่นบนฟากฟ้า เทรอบนี้บอกว่า พระเอกไม่ใช่อะ ไม่ได้มีความสุขตอนอยู่ด้วยกันเลย เอ่อ...แล้วคืออะไรที่ยิ้มจนปากแทบฉีกตอนรู้ว่าเขาแกล้งวางแผนละเห้ย แต่ใจคนโดนเทซ้ำซากแบบพระเอกอะเนอะ ใจมันไม่ไหวแล้วไง อารมณ์เสียขั้นสุด เสียใจซ้ำซ้อน เหตุผลอะไรของนางก็ไม่รู้ โว้ยยยย อยากเทก็เท ไม่ง้อแล้วววว
เมื่อถึงตอนที่ค่อยๆ เริ่มเฉลยเหตุผลของนางเอก 40 นาทีหลังของเรื่องคือการทำงานของต่อมน้ำตาโดยแท้ โอ๊ยยยยย นางป่วยยยยยยย นางจะตายยยยยย นางเทรอบแรกเพราะจะไปรักษาตัว คิดว่าถ้า 5 ปีไม่หายก็ตายไปแล้วมั้ง ทีนี้พอรักษาหายแล้ว กะจะกลับมาหาพระเอกซะหน่อย ก็มาเจ็บปวดกับแผนหลอกๆ อีก แต่พอกำลังจะมีความสุข กำลังจะตอบตกลงแล้ว โรคก็กลับมาเป็นซ้ำอีก คราวนี้นางรู้แล้วว่าไม่รอดแน่ เลยตัดสินใจเทแรง กะให้เขาลืมนางให้ได้ซะ
แต่เจ้าของร้านอาหารผู้เก็บรักษาสัญญามาตลอด 5 ปีนั้น เห็นแล้วก็ทนไม่ได้ เลยบอกพระเอกไปว่า นางเอกกลับมาที่ร้านทุกปีนะ กลับมาเขียนเมนูกาแฟให้ใหม่ทุกปี ลองอ่านเมนูดูดีๆสิ ทีนี้พ่อพระเอกเลยสงสัยแล้วว่า ถ้าจะเทกันแรงขนาดนั้น จะกลับมาคิดถึงกันทำไมทุกปี จะมานั่งแคร์อะไรกันขนาดนั้น จนไปเค้นความจริงจากเพื่อนสนิทของนางเอกมาได้ว่า นางป่วยกำลังจะตายแล้ว แต่ไม่อยากให้พระเอกรู้ ณ จุดนั้น ทรุดจ้า ไปเห็นสภาพเขาบนเตียงคนป่วย เห็นไดอารี่ที่เขาคอยเฝ้าดูตัวเองมาตลอด 5 ปีที่ผ่านมา แล้วก็ต้องมาทำตัวว่าไม่รู้เรื่องต่อไป เพราะไม่อยากให้เขาเสียใจ แอบทำอาหารให้เขากินทุกมื้อ
จนกระทั่งนางเอกตัดสินใจออกจากโรงพยาบาลแล้ว อยากออกไปใช้เวลาช่วงสุดท้ายในชีวิตข้างนอก แล้วพอพระนางมาเจอกัน ต่างคนก็ต่างแกล้งทำเป็นโอเค สบายดี แฮปปี้ สดใส ซึ่งมันจุก น้ำตาไหลพรากๆ ช่วงนี้แหละ คือปากแกยิ้มกันนะ แต่น้ำตานี่คลอหน่วยแล้ว แต่ก็ต้องกลั้นไม่ให้มันไหลออกมา บทพูดนี่คือว่าเขาทุกคำ แต่ความหมายมันคือรักเขาอะ
แล้วสุดท้ายคือถึงจุดที่มันแกล้งไม่เป็นไรไม่ไหวแล้ว ต่างคนก็ต่างระเบิดออกมา นางเอกก็คิดว่า เพราะป่วยไง ฉันเลยต้องการเธอ มากกว่าเธอต้องการฉัน มันไม่ยุติธรรมสำหรับเธอ ถ้าเราจะอยู่ด้วยกัน เลยตัดสินใจไปดีกว่า ให้เธอรู้ว่าจากเป็นยังดีกว่าจากตาย พระเอกก็บอกว่า ก็เพราะเธอป่วยไง ฉันเลยต้องการเธอมากกว่า ต้องการเวลาที่จะอยู่ด้วยกัน ทำไมไม่บอกก่อนหน้านี้ แล้วก็มาโทษตัวเอง ที่วันนั้นยอมปล่อยนางเอกไป เขาควรที่จะยื้อเธอเอาไว้สิ ควรที่จะวิ่งตามเธอออกไป ถ้าทำแบบนั้น คงไม่เสียใจขนาดนี้
แต่พีคสุดคือนางเอก เมื่อได้พูดทุกอย่างที่อยากพูดแล้ว ได้ทำทุกอย่างที่อยากทำให้เขาแล้ว ก็ขอทำสัญญากับพระเอกอีก คราวนี้ทำสัญญากันว่า ให้พระเอกยิ้มในทุกๆ วัน แม้จะอยู่คนเดียวก็ต้องยิ้ม คิดซะว่ายิ้มให้นางดู และอีกข้อคือ ลืมนางซะ ลืมแล้วใช้ชีวิตต่อไป โอ้โหหหหหหหหหหห แม่คุณทูนหัว แม่มาเป็นคอมโบแห่งความเจ็บปวด แล้วแม่ก็มาบอกให้ผู้ชายเขาลืม ป๊าดดดดดดด ถ้าไม่ติดว่าแม่จะตายนี่อยากเตะขาเก้าอี้ให้ล้มลงโครมมากๆ เลยนะคะ แต่ก็ขอบคุณในความเด็ดเดี่ยวและเข้มแข็งของเธอ ที่ก่อนจะจากไป ยังทำให้ชีวิตคนอื่นเดินหน้าต่อไปได้
ทีแรกไม่คิดว่าจะเศร้าขนาดนี้ ดูไปดูมา จุกตามพระเอก น้ำตาไหลพรากๆ คนดูก็รู้ทุกอย่างพร้อมมพระเอกนั่นแหละ มันเลยแบบอะไรว้าาาาา อยู่ๆ ก็มาตายงี้ ทำไมไม่บอกกันก๊อนนนนน ทำใจไม่ทันนะเฮ้ย ดูจบได้ทิชชู่เปื้อนน้ำมูกน้ำตามาหนึ่งกอง กะว่าหนีจากหนังเครียดๆ ของลุงกงยู จะมาเจออะไรเบาๆ จากชายเผิงซะหน่อย ที่ไหนได้ เจองานล้างตาซะงั้น แป่ว.....
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in