เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
etc.moon_effect
ฝนตกในตา.
  • เธอคนนั้น เรายืนอยู่ด้วยกันในวันฝนตกหนักในร่มคันเล็ก ๆ พอแค่สองคนจะเหยียบยืน -ไม่แน่ใจว่ามันเป็นร่มของใคร อาจจะเป็นเธอที่มองเห็นมันก่อน บอกให้ฉันตัดสินใจซื้อ และช่วยกันออกเงินคนละครึ่ง ที่มาของมันคงเป็นแบบนั้น- ฉันหันหลังให้เธออยู่ มองออกไปนอกเขตใกล้ๆของร่ม ฝนกำลังตกลงมาอย่างหนัก ตัวเราเหมือนถูกขังด้วยปลายของร่มและฝนเม็ดใหญ่ที่ตกลงมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

               ..ฉันอึดอัด

                นั่นคือความคิดของฉันที่ยืนร่วมชายคาร่มคันน้อย ๆ อยู่ เราต่างไม่พูดอะไร การเมือง กีฬา ดารา เพลง หรือแม้แต่ฝนที่ตกอยู่ตรงหน้าก็ไม่ถูกหยิบยกขึ้นมา
        
              แม้แต่หน้า-เรายังไม่หันมามองกัน

    เสียงพึมพำของฉัน เสียงกระซิบของเธอ เราหันหลังให้กันและพูดมันอยู่อย่างนั้น คาดหวังให้ใครอีกคนเข้าใจ

    ..แต่ไม่เลย..

    ราวกับว่าเราพูดกันคนละภาษา

    ..ไม่มีใครพูดอะไร

    ...

    ฉันมีความคิดอยากจะวิ่งออกไปจากร่มคันเล็ก ๆ ที่เป็นพันธนาการระหว่างเธอกับฉัน

    ฉันก้าวขาออกไปเล็กน้อย พอให้ปลายเท้าได้สัมผัสกับความชื้นแฉะที่ตกลงมา ฉันชักเท้ากลับเพราะไม่อยากให้มันเปียกไปมากกว่านี้

    ..เย็น

    ใช่.. แค่ปลายเท้ายังเย็น

    ถ้าฉันวิ่งจากออกไป เปียกปอนไปหมดทั้งตัว มันคงจะหนาวและอ้างว้างกว่านี้มากมายหลายเท่านัก ฉันตัดสินใจถอยหลังกลับเข้ามาในร่มคันเล็กนี่อีกสักนิด หันหน้ากลับมาหาเธอ พอให้ไออุ่นของเราแผ่ไปถึงกันเพื่อเพิ่มความอบอุ่นเล็ก ๆ น้อย ๆ

    ฉันก้าวเท้าเข้าไป เธอยืนรอฉันอยู่ตรงนั้น

    เมื่อเราหันหน้ามาหากัน เธอจึงเริ่มต้นพูด

    วันนี้ทำงานเหนื่อยมาก เธอเริ่มต้นประโยค และต่อมันด้วยเรื่องราวชีวิตของเธอ

    ฉันฟัง เออ-ออไปตามจังหวะ

    มันไม่ใช่บทสนทนาแบบที่ฉันชอบมากนัก ทำได้เพียงฟังมันผ่าน ๆ เคล้าไปกับเสียงฝนที่กระหน่ำอยู่

    เมื่อเธอพูดจบฉันจึงเริ่มเล่าเรื่องฝั่งตัวเองบ้าง

    นักการเมืองที่ฉันไม่ชอบวันนี้มันทำเรื่องที่ฉันไม่ชอบใจอีกแล้ว

    แน่ล่ะ เธอไม่เข้าใจ

    อย่าพึ่งไปถึงว่าเธอชอบใจกับบทสนทนานี้แค่ไหน แต่เธอเข้าใจมันแค่ไหนดีกว่า

    ...

    ภายในร่มคันเล็ก ๆ เราอยู่ใกล้กันเพียงไออุ่นบาง ๆ แต่กลับรู้สึกห่างไกลราวกับไม่ได้พูดภาษาเดียวกัน 

    ฉันเสียใจนะ เสียใจนิดหน่อย

    หมายถึง...

    เสียดายน่ะ ในอันที่จริง

    ฉันหันหลังเดินออกไปชิดกับขอบร่มและละอองฝนจาง ๆ พอให้ตัวชื้น

    เดินกลับเข้ามารับไออุ่นจากเธอ เธอชวนพูดคุยในเรื่องเดิม ๆ 

    เดินออกไป พอให้รู้ว่ามันหนาวขนาดไหนหากจะจากไป

    เดินกลับเข้ามา

    แต่ยังคงมองออกไปไกลสุดสายตา

    ...

    เธอกักขังฉันไว้ในร่มคันเล็ก ๆ ของเรา

    ฉันเห็นผู้คนเดินขวักไขว่กันอยู่ภายใต้สายฝนกระหน่ำ

    ไม่เห็นมีใครเป็นอะไร

    ...

    ฉันเห็นใครบางคนอยู่ตรงนั้น

    ท่ามกลางฝนตกที่พร่าเลือนทุกอย่างไป เขายืนอยู่ตรงนั้น เปียกปอนไม่ต่างกับที่ฉันจะเป็นหากวิ่งออกไป เขายิ้มบาง ๆ ฉันสบตาเขา 

    เราไม่เคยพูดคุย หรือเข้าใกล้กันมากกว่าอาณาเขตร่มคั่น

    เพราะร่มคันนี้มันยืนได้แค่สองคน นั่นคือสิ่งที่ควรจะเป็น

    ฉันเอื้อมมืออกไปไขว่คว้า เขายังยืนสบตาฉันอยู่ที่เดิม


    เธอดึงมือฉันกลับอย่างแรง จนกระแทกเข้ากับตัวเธอ

    ..เธอเจ็บ ฉันรู้

    แต่มันไม่มีทางเหลือให้ไปอีกแล้วในร่มคันนี้

    We’ve got so far, too far here.

    ...

    ไม่แน่ใจว่าในร่มตอนนี้... กับเธอ

    และ

    กลางสายฝนตรงนั้น กับรอยยิ้มของเขา

    ...

    ตรงไหนมันหนาว.. และเหงากว่ากัน


    -----


    สุดท้ายแล้ว

    ฉันตัดสินใจวิ่งออกไป

    ออกไปจากร่มคันเล็ก ๆ ของเรา

    ออกไปจากพันธนาการของเรา

    ไม่แน่ใจว่าจะมีใครอยู่เพื่อแบ่งปันไออุ่นให้ฉันอย่างที่เธอทำไหม

    ไม่แน่ใจว่าจะมีคนที่ยอมให้ฉันอยู่ในร่มมากกว่าอย่างเธออีกไหม

    ไม่แน่ใจว่าจะมีคนยอมเปียกเพื่อให้ฉันได้พึ่งตัวให้แห้งไหม

    ไม่แน่ใจว่าจะมีใครห่วงใยตอนฉันเปียกฝนได้อย่างที่เธอทำไหม

    แต่แน่ล่ะ..

    ฉันเปียกปอนไปหมดแล้วตอนนี้ ข้างนอกร่มของเรา

    ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะฝน..

    ..หรือหยาดน้ำตา

     

    พึ่งรู้ในตอนนี้

    ว่าน้ำฝนมันทำให้เหงา และหนาวขนาดนี้

    พึ่งรู้...


     -------------


    หวังว่าจะมีคนที่อยากหลบฝนในร่มคันนั้น..

    กับเธอ

    ต่อจากฉัน

    และ

    หวังว่าจะมีคนที่อยากเปียกปอน

    กับฉัน

    อยู่บ้าง..


    " เพราะวันนี้ฝนตก แต่ฉันไม่อยากอยุู่ในร่มที่เธอกางให้อีกแล้ว "

    - annonymous


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in