“ลุง! หนังสือพิมพ์มาแล้ว”
เสียงยังไม่แตกหนุ่มดีของเด็กหัวเกรียนกับหน้าตาที่เหมือนเพิ่งลุกจากที่นอนโผล่เข้ามาในร้านกาแฟเป็นประจำในเวลาไม่เกินเก้าโมงเช้าทุกวันเสาร์อาทิตย์
เจ้าของเสียงพาหน้าง่วงๆของตัวเอง มาถึงโต๊ะด้านในของร้านพร้อมวางหนังสือพิมพ์ของวันที่นี้ลงตรงที่ประจำของมันก่อนจะเปิดปากหาวจนเห็นไปถึงไส้ติ่ง คนถูกเรียกว่าลุงทำได้แค่ยืนดูจากหลังเครื่องชงกาแฟก่อนจะส่ายหัวน้อยๆ
“ก็บอกว่าให้เรียกพี่ สะกดไม่เป็นหรือไงห๊ะ เจ้าลิงนี่”
เสียงบ่นแบบไม่จริงจัง ปนเหนื่อยใจดังขึ้นพร้อมๆกับเสียงเครื่องบดกาแฟทำงาน
“ลุงก็เลิกเรียกผมว่าลิงก่อนดิ”
ไม่ทันที่เครื่องบดกาแฟจะทำงานเสร็จ เสียงง่วงๆก็ดังขึ้นตอบกลับไอ้เด็กนี่ เถียงคำไม่ตกฟากจริง
“แล้วไม่รีบไปที่อื่นต่อหรือไง”
ปากก็ถาม แต่คำตอบมันก็เหมือนๆเดิมนั้นแหละ
“บ้านลุงนี่บ้านสุดท้ายแล้ว ผมขอโกโก้ร้อนแก้วหนึ่งด้วยนะลุง”
ไม่ทันสิ้นเสียงสั่งโกโก้ร้อนแก้วเซรามิกลายดอกไม้ก็ถูกวางลงตรงโต๊ะหน้าร้าน เจ้าลิงหนุ่มถึงกับยิ้มตาปิดให้คนที่เดินกลับเข้าไปหลังเคาร์เตอร์
“ลุงนี่รู้ใจจริงๆ”
“เก็บปากไว้กินโกโก้ไหมลิงน้อย”
“ครับๆ”
บทสนทนาจบลงแค่นั้นและเหมือนกับทุกๆเสาร์อาทิตย์ที่มีคนส่งหนังสือพิมพ์เป็นเด็กหนุ่มผู้มาพร้อมจักรยานสีแดงกับตะกร้าหน้ารถสีสนิมเจ้าลิงน้อยนั่งจิบโกโก้ร้อนจากแก้วเซรามิกลายดอกไม้พร้อมรอยยิ้มบนหน้าง่วงๆนั้นโดยที่ไม่มีบทสนทนาใดๆกับเขาอีก
ส่วนตัวเขาที่เป็นเจ้าของร้านกาแฟหลังบดกาแฟเสร็จไปก็ชงดื่มเองรับอรุณอีกแก้วตอนประมาณเก้าโมงเช้าเพราะก่อนหน้านี้สองสามชั่วโมงเขาก็ดื่มไปแล้วก่อนจะยกประตูเหล็กเลื่อนขึ้นเพื่อตั้งร้าน
อย่างว่าอำเภอเล็กๆที่แทบจะรู้จักกันไปทุกบ้านขับรถมอเตอร์ไซน์วนสามรอบก็ครบบ้านทุกหลังร้านกาแฟแบบเขามันก็มีอยู่ไม่กี่ร้านหรอกและนั้นทำให้การเปิดร้านยิ่งต้องเปิดเช้าที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ด้วยเพื่อเปิดให้สำหรับคนเดินตลาดร้านเช้าที่ตั้งกันตั้งแต่เช้ามืด
และนั้นทำให้ไม่แปลกที่จะมีเด็กวัยกำลังแตกหนุ่มอย่างเจ้าลิงผู้ชื่นชอบโกโก้ร้อนวิ่งส่งนู้นวิ่งขายนี่ในวันเสาร์อาทิตย์เพราะขนาดวันปกติตอนเช้ายังมีเด็กตัวเล็กตัวน้อยติดสอยห้อยตามคนในบ้านมานั่งช่วยขายของรอไปโรงเรียนตั้งแต่เช้ามืดเลย
เขานั่งจ้องเจ้าลิงนั้นอยู่ไม่นาน ตากลมๆก็ตวัดมามองเขาก่อนจะฉีกยิ้มจนตาปิด เขาเดาได้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป
“เท่าไรลุง”
“เคยต้องจ่ายหรอ”
มันส่ายหน้าพรืด ก่อนจะยกแก้วไปล้างที่อ่างล่างจานตรงเคาร์เตอร์
“จะต้องถามทุกครั้งเพื่ออะไร กินเสร็จก็ล้างแค่นั้นแหละ”
ผมบ่นแบบไม่ได้ใส่ใจ ก่อนหันไปหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาเปิดอ่าน
“ลุง”
ผมเงยหน้าจากหนังสือพิมพ์ตามเสียงเรียก และพบกับหยดหน้าที่ถูกสะบัดเข้าที่หน้าแบบเต็มๆ
“เห้ย เล่นอะไรไม่เข้าเรื่อง เดี๋ยวเหอะ”
ผมว่าพลางยกมือขึ้นเช็ดหน้า มันหัวเราะจนเห็นฟันซี่ด้านในสุด
“มีอะไร ล้างเสร็จแล้วก็ไปสิ แม่รอไม่ใช่หรอ”
“ไม่ๆ วันนี้บอกแม่แล้วว่าจะอยู่กับลุงนานหน่อย”
“ก็บอกว่าให้เรียกพี่ เอ้อ มีอะไร”
มันไม่พูดแถมวิ่งไปยกเก้าอี้กลมหน้าบ้านมาตั้งตรงโต๊ะด้านในบ้านที่ผมหน้าอยู่อีกตะหาก
“เอ้า มีอะไร ขว้างหน้าร้านคนค้าขายจริง เจ้าลิงนี่”
“ลุง ทิตย์หน้าผมไม่ได้มาแล้วนะ”
อยู่มันก็พูดด้วยน้ำเสียงง่วงๆที่เป็นเอกลักษณ์
“แล้ว”
“ลุงไม่ถามหน่อยหรอว่าทำไมอ่ะ”
“ก็กำลังจะบอกไม่ใช่หรือไง”
“เบื่อคนแก่รู้ทัน วัยรุ่นเซ็ง”
มันว่างั้น แล้วก็เงียบไป แปบนึง
“ลุง ทิตย์หน้าผมย้ายไปเรียนกรุงเทพ”
“ไปไหนนะ”
“กรุงเทพอะลุง รู้จักกรุงเทพป่าว เยาวราชอะรู้จักไหม”
“โวะ รู้จัก”
“อืม ผมไปเรียนที่นู้น แม่บอกให้ไปอยู่กับพ่อ ผมต้องไปเตรียมสอบเข้าเตรียมทหาร”
“แล้วย้ายไปกลางคันงี้เลย”
“อืม”
มันพยักหน้า ผมก็เลยพยักหน้าตามไปด้วย
“ดีเลย ประหยัดค่าโกโก้ไปสองแก้วต่ออาทิตย์”
“โห ลุง”
ผมมองมันขมวดคิ้วทำปากยู่ เออ ไม่ได้น่ารักเลย
“งี้ คงไม่ได้เจอกันแล้วมั่ง”
“เจอๆ ผมจะกลับมาทุกปิดเทอม”
“แล้วจะเข้าเตรียมทหารจริงหรอเราน่ะ”
“พ่ออยากให้เรียนอ่ะลุง”
“ตั้งใจแล้วกัน ขอให้ผ่าน”
มันยิ้มเหมือนกับทุกๆวัน
“ครับลุง ผมไปก่อนนะ”
และนั้นก็เป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เจอมัน
เจ้าลิงน้อยไม่ได้มาส่งหนังสือพิมพ์ในวันเสาร์ถัดมาอย่างที่มันว่าและมันก็ไม่กลับมาอีกเลย
ผ่านไปนานหลายปีร้านกาแฟของผมก็ยังคงเปิดให้บริการ อาจจะเปิดสายขึ้นมาหน่อยจากที่เคยเปิดตีห้าหกโมง ก็ย้ายมาเปิดเอาเจ็ดโมงแปดโมงร่างกายมันก็แก่ไปตามเวลาแหละครับ
ส่วนหนังสือพิมพ์เองพอผ่านไปนานเข้าก็ไม่ค่อยได้อ่านหลังๆเลยซื้อทีวีเครื่องเล็กมาตั้งตรงหน้าร้านแทนหนังสือพิมพ์ก็เป็นอันยกเลิกรับไปถึงอย่างนั้นบางทีก็ได้หนังสือพิมพ์ฟรีเพราะคนส่งบางวันเป็นแม่เจ้าลิงนั้นแหละ
วันเวลาเปลี่ยนอะไรๆก็เปลี่ยนอย่างตลาดเช้าที่เคยคึกคักมาก น้ำเต้าหู้ร้านโปรดที่เคยขายทุกวันก็มาเปิดมั่งไม่มามั่ง จนเมื่อเดือนก่อนเพิ่งมารู้ว่าป้าเจ้าของร้านแกเลิกขายแล้ว
ยิ่งร้านข้าวเหนียวหมูเจ้ารถเข็นเจ้าอร่อยของผมน่ะไปก่อนเพื่อนเลยเห็นว่าได้ลูกส่งเลี้ยงแล้ว เลยไม่รู้จะทำขายทำไมให้เหนื่อยจะเห็นนานๆทีที่ยายแกลุกขึ้นมาเข็นรถเข็น วันนั้นมักจะเป็นวันที่มีคนสั่งทำแล้วแกทำเกินไว้ก็แวะมาเคาะหน้าบ้านเรียกให้ซื้อห่อสองห่อ
ตลาดที่ว่าคนเยอะแยะในตอนเช้า สายหน่อยก็วายตอนนี้กลายเป็นขยับขยายเวลาออกไปเยอะเหมือนกัน คนค้าขายก็ไม่เหมือนก่อนเริ่มมีคนหน้าใหม่เข้ามานั่งขายแทนคุณป้าคุณลุงก็คงจะมีแต่เขาเองที่ยังไม่เปลี่ยนหน้า แค่แก่ขึ้น
และใช่ ตอนนี้เขากลายเป็น ลุง ไปแล้ว
ไม่ได้เป็นแค่ ลุง ของเจ้าลิงนั้น
“ลุง โกโก้ร้อนแก้วหนึ่ง”
รู้สึกว่าเริ่มแก่ก็ตอนนี้แหละ ตอนที่ต้องลุกหลังเพิ่งนั่งไปไม่ถึงนาทีเนี้ยผมพาตัวเองขยับลุกจากโต๊ะ ไปยังเคาร์เตอร์และลงมือชงโกโก้ร้อน จังหวะที่เขาคว้าแก้วกระดาษมาใส่โกโก้ร้อนก็มีเสียงค้านขึ้น
“ไม่ดิๆ ไม่ใส่แก้วนั้นนะลุง แก้วผมอ่ะ ลายดอกไม้อ่ะ”
ผมชะงักเล็กน้อยก่อนจะหันไป และเจอเด็กหนุ่มตัวสูงสะพายกระเป่าสีดำยืนยิ้มด้วยหน้าง่วงๆให้อยู่หน้าร้าน
“อ้าว เจ้าลิงเองหรอ”
“ใช่ๆ ลุงใส่แก้วผมดิ แก้วผมอ่ะ”
“นึกว่าตายไปซะแล้ว”
“อ้าว ลุง เห็นหน้าไม่ถึงนาทีก็แช่งกันเลยหรอ”
มันว่าอย่างนั้น แล้วก็ฉีกยิ้ม
“ลุง แก้วผมๆ ยังอยู่ไหม”
“คิดว่าไง”
“อยู่แน่นอน”
“แตกไปแล้ว”
“อ้าว”
“เออน่า กินแก้วไหนก็เหมือนกันแหละ”
ผมว่าก่อนจะเทโกโก้ร้อนลงแก้วกระดาษแล้วยื่นให้มันมันมองหน้าผม รับแก้วและพาตัวเองไปนั่งที่โต๊ะหน้าร้านก่อนจะเริ่มดื่มโกโก้โดยไม่พูดอะไรสักคำเหมือนตอนมันยังเป็นลิงน้อยที่ปั่นจักรยานสีแดงตะกร้าสีสนิมคันนั้น
ส่วนตัวผมเองก็เดินกลับไปนั่งตรงที่เดิม ที่เคยนั่งมาตลอดหลายปีเพื่อพิจารณาภาพตรงหน้า เจ้าเด็กนี่เปลี่ยนไปเยอะ ตัวใหญ่ขึ้น มีกล้ามผิวสีเข้มขึ้นกว่าเดิม สูงขึ้นมากจากการกะระยะตอนนั่ง ไหนจะเสียงที่ทุ่มขึ้นที่ได้ยินตอนคุยกันก่อนหน้านี้อีกมีแค่ทรงผมละมั้งที่ไม่เปลี่ยนใจไปจากทรงเกรียนนักเรียนไทย
หลังจากผมพิจารณาไม่ถึงห้านาที ก็รู้ตัวว่า จริงๆเจ้าลิงนี่ไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิดตอนที่มันหันมาแล้วยิ้มจนตาปิด แล้วพูดว่า
“เท่าไรลุง”
ให้ตาย ตอนนี้ผมแก่เป็นลุงแล้วจริงๆ
“เคยต้องจ่ายหรอ”
_____________________________________________________________________________________________________
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in