01
09 : 30 AM ; Setle,Pyeriott
เสียงจากรถจักรยานยนต์ที่แล่นไปตามถนนในเวลาค่ำคืนปลุกคนที่กำลังงีบอยู่บนรถยนต์ขนาดใหญ่ให้หลุดจากห้วงนิทรา ร่างเล็กกวาดสายตาที่ยังคงพร่ามัวเล็กน้อยเพราะเพิ่งตื่นไปรอบๆ อย่างตกใจเมื่อพบว่าตอนนี้สัญญาณแจ้งเตือนเคอร์ฟิวดังขั้นสนั่นไปทั่วบริเวร
“เวร…”
เขาสบถคำหยาบคายออกมาเมื่อรู้ว่าตัวเองงีบเกินเวลา แต่การขับรถข้ามเขตแบบติดกัน 24 ชั่วโมงนั่นก็ทำให้ร่างกายของตัวเขาเองอ่อนล้าจนต้องการพักผ่อน
คนเลทยกโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมาส่งข้อความหาใครอีกคนที่คงรออยู่ที่จุดนัดพบก่อนหน้านี้ซักสองชั่วโมงเห็นจะได้
‘ของมาถึงแล้ว แต่ติดเคอร์ฟิว คงต้องรอหน่อยนะ , X19’
เจ้าของสินค้าโยนโทรศัพท์มือถือไปไว้เบาะข้างๆ ก่อนจะตัดสินใขเดินลงจากรถไปร้านสะดวกซื้อเพื่อกินอาหารมื้อแรกของวัน
หิวเป็นบ้า...นี่เป็นความคิดเดียวที่อยู่ในหัวยามโยนเบอร์เกอร์เหี่ยวๆ และอย่างอื่นลงในตะกร้าขนาดใหญ่ เขาเดินไปโซนเครื่องดื่ม และน้ำเปล่าขวดลิตรหลายขวดด้วยกันถูกหยิบลงไปนอนไว้ในตะกร้าเช่นเดียวกับขนมปังและอย่างอื่น
“2000 เหรียญค่ะ”
แบมแบมส่งเครดิตการ์ดไม่จำกัดวงเงินให้กับพนักงาน แล้วหอบหิ้วเอาถุงเสบียงมากมายกลับไปยังรถของตัวเอง
เบอร์เกอร์ชิ้นแรกหายเข้าไปใยปากอย่างไม่ทันได้ลิ้มรสชาติใดๆ เพราะเขาหิวจนเกินจะมานั่งพิจารณารสของพวกมัน
ไฟที่สว่างวาบไปทั่วทั้งปั๊มน้ำมันบางบอกถึงสถานการณ์ในตอนนี้ได้ดี พวกทหารยังคงจับกลุ่มใหญ่ๆ อยู่ทั่วบริเวรที่เรียกว่าเป็นไดมอนโซน หรือเอาง่ายๆ ก็คือพื้นที่เหมาะแก่การปล้นมากกว่าที่อื่นนั่นแหละ
“ขอบัตรประจำตัวครับ”
ไม่ทันได้ตั้งตัวอะไร ร่างหนากำยำในชุดเครื่องแบบทหารครึ่งท่อนพร้อมกับปืนพกที่คาดเอวก็เดินเข้าไปประชิดตัวของแบมแบมซึ่งกำลังเขมือบเบอร์เกอร์เป็นชิ้นที่สอง
“โทษนะ หน้าผมมันดูเป็นโจรหนักหรือไง”ชายหนุ่มเหวใส่
“มันเป็นหน้าที่”
ทหารคนเดิมยังคงไม่ลดละความพยายาม คนถูกสงสัยหันไปคว้ากระเป๋าเงินที่ถูกโยนเอาไว้ในรถออกมาแล้วยื่นบัตรประจำตัวที่มีเครื่องหมายรูปดาวสามดวง พร้อมกับตัวอักษร X ทับอยู่หน้าดาวเหล่านั้น
“คุณอยู่เขตอื่น มาทำอะไรที่นี่”
“นี่ ถามจริง ไม่มีใครแจ้งมาหน่อยหรือไงว่าผมจะมาเนี่ย น่าหงุดหงิดชะมัด”คนถูกถามขยำกระดาษห่อขนมปังเป็นก้อนโยนทิ้งแล้วกอดอก
“เรื่องอาจจะยังมาไม่ถึง”ทหารหนุ่มหันไปพยักพะเยิดกับคนที่ซุ่มรออยู่ว่าเขาเป็นคนขององค์กรที่ถูกส่งมาปฏิบัติภารกิจ นั่นทำให้แบมแบมทำเสียงขึ้นจมูกพลางดันกระพุ้งแก้ม
“องค์กรตั้งใหญ่ แต่อินเตอร์เน็ตช้าอย่างกับเต่าคลาน”ร่างบางทว่ามีกล้ามเนื้อสมส่วนอย่างคนออกกำลังบ่นถึงองค์กรตัวเองอย่างไม่เกรงกลัวอะไร
ใครก็รู้ว่าแบมแบมเป็นใคร แต่ส่วนมากรู้จักกันในนามของ BLACKFEATHER เมนทีน*ที่ได้รับการวางใจที่สุดจากองค์กรในตอนนี้ ฝีมือที่ถูกการันตีด้วยความสำเร็จจากภารกิจหลายร้อยครั้ง และกรเลื่อนตำแหน่งไวที่สุดในบรรดาเมนทีนทุกคนที่เข้าทำงาน จนหลายคนขนาดนามว่าเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่สุดของเดอะซัน
“แล้วคุณมาทำอะไร?”
“ชิปกับพวกอาวุธตัวอย่าง ผมกำลังโมโหนิดหน่อยที่ว่าทำไมส่งผมมาคนเดียว ขับรถมาตั้งวันนึง!”เขาเหมือนจะสติหลุดไปแล้วจากความโมโห
“ใจเย็นคุณ ผมหวัง แจ็คสัน”เขายื่นมือออกมาทักทาย
“แบมแบม ลี”คนตัวเล็กกว่ายื่นมือกลับไปจับ ก่อนจะเอามันกลับมากอดเอาที่อกตามเดิม
“มาจอดแวะพักตรงนี้ ดูเหมือนคุณไม่ค่อยใส่ใจกับของเลยนะ”นายทหารหนุ่มถามเจ้าหน้าที่คนเก่งด้วยน้ำเสียงติดตลก
“เพราะผมรู้ไงว่าไดมอนโซนมีทหารคุมตั้งสองร้อยนาย กระจายอยู่ทั้งพื้นที่ ก็เลยมาจอดนอนแถวนี้”เมนทีนหนุ่มบอกอย่างรู้ทัน แบมแบมหันไปหยิบน้ำผลไม้ออกมาเปิด แล้วดูดมันจนหมดอย่างรวดเร็ว
แจ็คสันมองคนตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตานัก เจ้าหน้าที่ที่ถูกส่งมาแต่ละคนล้วนคล้ายกัน แต่คนตรงหน้าเขาต่างออกไป เขาดูเหมือนคนที่เพิ่งเข้ามาทำงาน แต่อันที่จริงแล้วชื่อเสียงของแบมแบมดังกระฉ่อน ทั้งในด้านของความเก่งกาจและดื้อรั้น แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เป็นคนที่องค์กรไว้วางใจที่สุด
“ไปเถอะ ผมว่าเราไปหาอะไรดื่มกันซักหน่อย พวกกาแฟ”
“ก็ดีเหมือนกัน”
xxxxxxxxxx
“นับวันที่นี่ยิ่งเลวร้ายลงเรื่อยๆ พวกดาร์คมูนมันปั่นหัวคนของเราเข้าร่วมกับพวกมันไปได้เยอะ”
นายทหารหนุ่มเอ่ยระบายด้วยความเป็นกังวลเจือปนความโกรธ แบมแบมจิบกาแฟรสขมแล้วนั่งฟังอีกฝ่ายไปเงียบๆ สถานการณ์ที่เซเทิลรุนแงขึ้นทุกวัน อีกไม่นานคงมีการประท้วงเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถ้พวกเขายังไม่สามารถล่าตัวมาร์คต้วนมาลงโทษได้
“ที่นี่มีทั้งคนที่เข้าข้างแล้วก็ไม่เข้าข้าง แล้วก็มีพวกไม่เอาฝ่ายใดอยู่รวมๆ กัน เราจะทำอะไรก็ขยับตัวลำบาก ไม่เหมือนบางเมืองที่คนในเมืองให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เต็มที่”
“คงจะเพราะอย่างนี้ล่ะมั้ง เขาถึงไม่ยอมส่งผมมา”แบมแบมเอ่ยบอกพลางวางแก้วกาแฟลงถาดรองตรงหน้า“เดี๋ยวพอถึงศูนย์วิจัยผมคงต้อง-”
เสียงออดแจ้งเตือนความผิดปกติดังขึ้นทั่วปั๊ม แบมแบมรีบตรงดิ่งกลับไปที่รถของตัวเองอย่างรวดเร็ว แจ็คสันเห็นอย่างนั้นก็รีบสั่งให้ลูกน้องตามไปคุ้มกันอีกฝ่าย ส่วนตัวเองก็แยกไปประจำที่หน้าร้านสะดวกซื้อกับลูกน้องที่เหลือ
เสียงรถจักรยานยนต์คันใหญ่ดับลง ทว่าไม่เห็นถึงต้นตอ แจ็คสันหันซ้ายหันขวา แต่เพียงไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นร่างของลูกน้องเขาก็ร่วงลงบนพื้นโดยไม่รู้สาเหตุหรือตัวการ
ท่ามกลางความมืดที่มีเพียงแสงไฟจากเครื่องปั่นไฟสำรองที่กำลังทำงาน แบมแบมเคลื่อนขยับตัวไปรอบๆ รถ สังเกตทิศทางของอะไรบางอย่างที่เคลื่อขยับอยู่แทบจะตลอดเวลา และเสียงฝีเท้าเบาๆ ที่เกิดขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบ
มือเรียวกระชัยอาวุธคู่กาย ค่อยๆ ย่องไปทางตู้สี่เหลี่ยมคอนเทนเนอร์หลังร้านสะดวกซื้อ ตามเงาไหวๆ ของใครบางคนที่มุ่งตรงไปที่นั่นโดยไม่แวะที่อื่น พวกมันมีเป้าหมายมาปล้น แบแบมรู้ทันทีตั้งแต่ได้ยินเสียงรถยนต์ขนาดใหญ่ดับลง แต่ที่เขาสงสัยคือทำไมมันถึงไม่สนใจเขา นั่นทำให้เมนทีนหนุ่มมั่นใจอีกอย่างว่ามันคงยังไม่รู้ถึงการมาของเขา
“...”
แบมแบมหรี่ตามองผ่านความมืดดูชายหนุ่มร่างสูงเดินหายเข้าไปในห้องสี่เหลี่ยมนั้นแล้วค่อยๆ ย่องตามไปแอบอยู่ด้านนอก เขาเงี่ยหูฟังบทสนทนาที่ยังจับใจความไม่ได้ชัดเจนนัก ทว่าก็ยังไม่อยากจะผลีผลามเข้าไปทำให้ไก่ตื่น
เขาต้องการตัวโจร และอยากจับมันได้แบบเป็นๆ
เสียงปืนจากอีกฝั่งเริ่มดังขึ้น แต่เขาไม่ได้ให้ความสนใจกับการต่อสู้ที่รู้ผลอยู่แล้วว่าใครจะพ่ายแพ้ แบมแบมเพียงภาวนาแค่นายทหารหนุ่มคนนั้นจะไม่ลืมคุ้มกันรถของเขากับพวกอาหารที่อยู่ในนั้นให้ด้วย
“โอ๊ะ...เอาปืนลงก่อนดีกว่านะครับคุณผู้จัดการ ผมแค่จะมาขอน้ำมันกับเสบียง ไม่อยากให้มีใครเลือดตกยางออกหรอกนะครับ”
แบมแบมมองลอดผ่าน เห็นชายหนุ่มคนนั้นยกมือขึ้นเสมอหัว ส่วนใครอีกคนที่แบมแบมคิดว่านั่นคงเป็นผู้จัดการปั๊มน้ำมันกำลังยืนประจันหน้าพร้อมกับปืนลูกซองบรรจุกระสุนอยู่ในท่าพร้อมยิง
“กลับไป ก่อนที่ฉันจะเอาปืนนี่เป่าหัวแก ไอ้โจรกระจอก”
“เอาล่ะนะ ผมว่าคุณเลิกพูดมาก แล้วเรามาคุยกันดีๆ ดีกว่า”
การเคลื่อนไหวที่ไวยิ่งกว่าบ่งบอกถึงการฝึกฝนจนชำนาญ อาศัยความกลัวของอีกฝ่ายเป็นเครื่องมือในกระประชิดตัวแล้วปลดอาวุธลงพื้นแล้วเตะมันไปอยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง คนๆ นี้เป็นพวกดาร์คมูนไม่ผิดแน่ เพราะคงไม่มีชาวบ้านที่ไหนมีความคิดบ้าๆ ออกมาปล้นเอาเสบียงท่ามกลางปั๊มที่มีหารคุ้มกันแน่นหนาขนาดนี้
“แกต้องการอะไร”คนๆ นั้นพูดติดขัดหอบหายใจแรงด้วยความกลัว
“ก็อย่างที่บอก ผมขอน้ำมันกับเสบียง”
โจรที่ไหนเขามาทำอะไรแบบนี้ ไอ้พวกนี้มันบ้าไปแล้วชัดๆ แบมแบมคิดไปด้วยในขณะที่สะเดาะกลอนประตู ไม่แปลกใจเลยที่หมอนั่นจะเข้าไปได้ง่ายๆ กลอนนี่มันไม่ควรจะเรียกตัวเองว่ากลอนด้วยซ้ำ แค่กระชากก็แทบจะหลุดมาทั้งอันอยู่แล้ว
“...”
แบมแบมยกมือแตะริมฝีปากเป็นสัญญาณบอกให้อีกคนเงียบ แต่ดูเหมือนชายคนนั้นจะช่างสังเกตกว่าที่คิด แบมแบมจึงไม่มีทางเลือกที่จะเข้าประชิดตัวแล้วจัดการที่จุดตาย ทว่าอีกฝ่ายก็ไวไม่แพ้กันจึงถอยหลบปืนช็อตไฟฟ้าไปอยู่อีกด้านหนึ่งของห้อง
“โอ้ เมนทีนอีกแล้ว”
“งั้นก็รู้ใช่ไหมว่าผมไม่ได้มาเพื่อต่อรอง”แบมแบมเอ่ยเสียงเย็น
“รู้...แต่เดี๋ยวนายก็เหมือนกับทุกคนนั้นแหละ”
“ผมไม่เหมือนพวกเขา”
ไม่ว่าเปล่าร่างเล็กกว่ากระโจนเข้าใส่อย่างไม่คิดกลัว แบมแบมเตะเข้าที่ขาของอีกฝ่ายเพื่อให้ล้ม ก่อนจะกระชากแล้วเหวี่ยงคนตัวใหญ่กว่าไปติดกำแพง ร่างสูงถลาลงแล้วเบี่ยงตัวหน้าการโจมตีที่ตามมาได้อย่างทันท่วงที
เขาเห็นปืนไฟฟ้าในมืออีกคนแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย หมอนี่คิดจะจับเขาแบบเป็นๆ เขายอมให้มันจวกไส้เขาทะลุยังดีกว่ากลับไปหาไอ้องค์กรประหลาดนั่น
ลูคัสสวนหมัดกลับไปที่ท้อง ก่อนจะหยิบแจกันใบเล็กที่หัวเตียงของอีกฝ่ายมาฟาดใส่แบมแบมเต็มแรง เต็มด้วยส้นรองเท้าหนังอย่างเต็มรัก
“ผมให้โอกาสคุณเลือก ระหว่างไปกับผม ได้เจออะไรดีๆ พวกเราพร้อมต้อนรับคุณ ที่นั่นมีทุกอย่าง เราอยู่กันอย่างทุกคนเท่าเทียม คุณจะไม่ลำบาก”
ลูคัสหันไปพูดข้อเสนอของตัวเองกับผู้จัดการปั๊มที่ยืนดูการต่อสู้ตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ชายวัยกลางคนสั่นเทือไปด้วยความตกใจและหวาดกลัว แบมแบมยันตัวลุกขึ้นยืนด้วยความมึนงงเล็กน้อยจากแจกันและเท้าของหมอนั่นเมื่อครู่
“ถ้าคุณไปกับมัน ก็จะรังแต่เอาตัวเองไปตาย...”แบมแบมแย้ง“คุณเลือกได้ระหว่างอยู่ข้างที่ถูก กับข้างที่ผิด”
“นายแน่ใจได้ยังไงว่าข้าที่นายอยู่มันถูกต้อง?”
“อย่างน้อยฉันก็ไม่เคยปล้นใครเหมือนพวกแก”
ร่างเพรียวอาศัยระหว่างทุกอย่างกำลังสงบใช้เสื้อแจ็กเก็ตของตัวเองรัดคออีกฝ่าย ลูกคัสตะเกียดตะกายเพราะจะขาดอากาศหายใจ ศอกใหญ่กระทุ้งช่วงท้องของคนตัวเล็กกว่าแต่ไม่เป็นผล แบมแบมกัดฟันจากความเจ็บปวดแต่ก็ยังไม่ยอมผ่อนแรง
ลูคัสมีทางเลือกไม่มากที่จะเอาตัวรอด ถ้าไม่จำเป็นเขาไม่อยากจะทำร้ายใครทั้งนั้น มือหยาบคลำหามืดพกที่เอวในขณะที่สติใกล้จะเลื่อนลอยเต็มที ส่วนอีกข้างก็ยังคงพยายามแกะเสื้อที่รัดคอตัวเอง
ร่างสูงก้าวถอยหลังชนกับกำแพง จนเกือบจะเซถลาล้มลงไปทั้งคู่ ใช้จังหวะที่แบมแบมกำลังดิ้นหลุดออกจากการกดทับเอามีดสั้นแทงเข้าที่สีข้างจนอีกฝ่ายทรุดลงกับพื้น ลูกคัสหอบหยาใจโกยเอาอากาศเข้าปอด ก่อนจะวิ่งหายไป
XXXXXXXXXX
เสียงรองเท้าหนังราคาแพงกระทบกับพื้นของโถงทางเดิน ร่างเพรียวบางในชุดทำงานสวมกาวน์ก้าวฉับๆ ไปที่เคาน์เตอร์หน้าตึกอย่างรวดเร็วก่อนใช้บัตรสแกนที่หน้าลิฟท์แล้วก้าวเข้าไป เวลาในตอนนี้สำหรับเขาดูช่างเชื่องช้าเสียเหลือเกิน
ที่หมายคือชั้นสูงชุดของตึกใจกลงเมือง ตู้โดยสารกระจกสะท้อนเงาใบหน้าหวานไร้รอยยิ้ม แววตามีเพียงความกังวลและคุกรุ่นไปด้วยความไม่พอใจ อ้อมแขนเล็กกระชับแฟ้มเอกสารเอาไว้ในมือ ดวงตากลมเหลือบมองเลขชั้นที่เข้าใกล้จุดหมาย
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาไม่รู้ถึงภารกิจสำคัญ ทั้งที่ในความเป็นจริงเขาควรเป็นคนแรกที่จะต้องรู้ เพราะเรื่องนี้มันเกี่ยวกับเขาโดยตรง ทำสำคัญก็คือเขาคิดได้ยังไงที่ปล่อยให้คนๆ เดียวไปทำภารกิจที่เสี่ยงอันตรายถึงขนาดนั้น
“คุณส่งน้องชายผมไปทำอะไรที่นั่น”
นักวิทยาศาสตร์หนุ่มหยุดที่หน้าโต๊ะทำงานใหญ่พลางกระแทกเอกสารลงบนโต๊ะเบาๆ เก้าอี้หนังราคาแพงหมุนหันกลับมาหาเขาช้าๆ อย่างไม่ยี่หระกับคำถามและความกังวลของเขาเลยแม้แต่น้อย นั่นยิ่งทำให้เจ้าของคำถามหงุดหงิดขึ้นไปใหญ่
“คุณพูดเหมือนไม่รู้จักเขาเลย”
“รู้ แต่เขาเป็นน้องชายผม”
“แต่คุณก็ไม่น่าส่งเขาไปคนเดียว”
เตนล์ยังคงแย้งคำพูดของชายหนุ่มตรงหน้าจนเขาถอนหายใจ ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วก้าวมาคุยกับเขา ร่างเล็กถอนหายใจอีกครั้งเพื่อบอกว่าตนไม่พอใจอย่างมากที่เขาตัดสินใจอะไรโดยไม่ปรึกษา
“แค่คุณกลับลงไปแล้วขึ้นมาเอาแฟ้มกระแทกใส่โต๊ะผมอีกทีเขาก็กลับมาแล้ว หนักกว่านี้เขาก็เคยเจอ คุณไม่ต้องห่วงหรอก”เขาว่าพลางวางมือหนาบนไหล่เล็ก“ถ้าไม่ส่งเขาไป เดี๋ยวเขาก็หาว่าผมโอ๋น้องคุณอีก”
จอห์นนี่ ซอว่าพลางรั้งอีกฝ่ายเข้าหาตัว เตนล์ผลักอีกฝ่ายออกแทบจะทันที เขารู้หรอกว่าอีกฝ่ายทำอย่างนี้เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจเพื่อให้เขาใจเย็นลงและสนใจเรื่องอีก แต่กับเรื่องนี้มันไม่เหมือนกัน
“จนกว่าเขาจะกลับมาและปลอดภัย ตอนนั้นเราค่อยมาคุยกัน”
“ใจคอนะเตนล์”เขาเอ่ย
“คุณก็รู้ว่าผมใจร้ายได้มากกว่านี้อีก”
เขายืนมองหลังไหวๆ ของคนตัวเล็กเดินกลับไปที่ลิฟท์ จอห์นนี่ยกยิ้มพลางไหวไหล่ให้กับคำตอบของอีกฝ่าย ทำไมเขาจะไม่รู้ ก็ในเมื่อเขารู้จักอีกคนดี ดีมากจนบางทีเขาก็นึกสงสัยขึ้นมาว่าทำไม
แต่คำตอบของคำถามนี้เขาเองก็ไม่ได้ต้องการจะรู้มันเท่าไหร่หรอก
XXXXXXXXXX
“ไหวแน่นะ”แจ็คสันละมือจากกล่องปฐมพยาบาลแล้วถาม
“ไหว ไม่เจ็บมากหรอก”คนถูกแทงพยักหน้าเบาๆ แผลนี่เจ็บได้ไม่ถึงเสี้ยวหนึ่งของที่เคยโดน ที่สำคัญคือเขาเจ็บใจมากกว่า“ผมไม่น่าปล่อยให้มันรอดไป”
“คุณปลอดภัยก็ถือว่าดีแล้ว นี่ยานะ ส่วนรถคุณเสียหายนิดหน่อย แต่ของข้างในยังอยู่ดีทุกชิ้น”นายทหารหนุ่มวางยาแก้ปวดกับยาแก้อักเสบเอาไว้ให้ แบมแบมพยักหน้ารับก่อนจะลุุกยืนขึ้นแล้วหยิบแจ็กเก็ตตัวเองมาสวม
“ผมมีงานต้องทำต่อ คุณเองก็อย่าลืมรายงานไปที่ศูนย์ด้วยว่าเกิดเรื่อง”
“เดี๋ยวๆ นี่คุณจะไปไหน”แจ็คสันรีบถามด้วยความตกใจเมื่อเห็นคนเจ็บทำท่าจะเดินออกไป แบมแบมหยิบยาสองเม็ดนั้นมากลืนลงคอก่อนจะหันไปตอบ
“ทำงานไง”
แจ็คสันยืนมองเมนทีนหนุ่มขับรถออกไปโดยไม่ได้สนใจคำเตือนที่ตะโกนตามหลังจากเขา นายทหารหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ เข้าใจแล้วว่าทำไมอีกฝ่ายถึงมีแต่คนบอกว่าเป็นคนที่ทั้งเก่งกาจและดื้อรั้น ไม่ผิดไปจากที่ได้ยินมาเลยจริงๆ
xxxxxxxxxx
Talk with ไรต์ (ยังไม่ได้แก้คำผิด)
มาแล้วค่าตอนแรก ตัวละครเยอะมากเลยตอนนี้ มีความบูีผสมกลิ่นความเมืองร่างนิดนึง โจรมาก แง้55555555
ถ้าชอบหรือว่าอยากติชมอะไรคอมเม้นท์เอาไว้ได้เลยน้า หรือว่าไปบ่นในแท็ก #ไพริออตมบ ได้นะคะ เรารออ่านอยู่น้า
แล้วเจอกันตอนหน้าค่า :)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in