นักเล่าหลายคนชอบออกตัวว่า .. "ไม่เคยเชื่อเรื่องผี จนได้มาเจอกับตัวเอง"
เราก็มีคำออกตัวที่ตรงข้ามกับนักเล่าเหล่านั้นว่า..
ดอกพุดซ้อน : จะบ้าเหรอ เราไม่ใช่ผีนะ!!!
ฉัน : ไม่ใช่มันก็คล้าย ๆ เพราะเธอชอบมาในรูปแบบแปลก ๆ
ดอกพุดซ้อน : แปลกยังไง?
ตอนที่เราเรียนอยู่ในกรุงเทพฯ เวลาเราอยู่ที่หอคนเดียวแล้วคิดถึงบ้าน คิดถึงคุณยายทวด เรามักจะได้กลิ่นดอกพุดซ้อนคลุ้งตลบอบอวล บางครั้งกลิ่นมันแรงจนเราเวียนหัว ทั้งที่แถวนั้นไม่ได้มีต้นพุดซ้อน และที่สำคัญ เราพักอยู่บนชั้น ๕ ของหอพัก สูงขนาดนั้น อยู่ดี ๆ จะมีกลิ่นดอกไม้หอมแรงชวนขนลุกโชยมาไม่มีปี่มีขลุ่ยได้อย่างไร
เราพยายามค้นหาคำตอบ ว่าทำไมมันถึงได้มีปรากฎการณ์แปลก ๆ นี้เกิดขึ้น
คิดเอาเองว่า "ผีหลอกฉันแน่ ๆ " แต่ก็เถียงตัวเองว่า "ไหนผี เกิดมาไม่เคยเห็นสักตัว มีจริงที่ไหน?"
ที่มหาวิทยาลัย เรามีโอกาสได้ลงเรียนวิชาเลือกที่เกี่ยวกับ'จิตวิทยาการเรียนรู้' อาจารย์ที่เป็นนักจิตวิทยาท่านหนึ่งเคยบอกกับเราว่า "รู้ไหม ในโลกนี้มีคนที่มีสัมผัสพิเศษอยู่จริง ๆ ครูไม่ได้เล่าเรื่องผีนะ แต่มันเกี่ยวกับบทเรียนของเรา ปกติแล้วคนเรามีประสาทสัมผัสพื้นฐาน เช่น การมองเห็น การดมกลิ่น การรับรู้รสชาติ ที่จะสัมผัสได้เมื่อมีสิ่งเร้าเข้ามากระทบตัวโดยตรง แต่คนบางคนมีประสาทสัมผัสเหล่านี้ที่แรงกว่าคนทั่วไป เช่น แค่นึกภาพอาหารก็มีรสชาติของอาหารเข้ามาในปากโดยที่ไม่ได้กินจริง ๆ หรือได้ยินเสียงคนที่พูดอยู่ไกลคนละซีกโลก" เรานั่งฟังอาจารย์ไปพลางนึกถึงเรื่องกลิ่นดอกพุดซ้อนผีหลอกที่เกิดขึ้น แล้วคิดว่าตัวเองก็เป็นหนึ่งในคนสัมผัสแรงพวกนั้นหรือเปล่านะ
ตอนนั้น เรานึกอยากจะบอกอาจารย์ไปเหมือนกัน ว่าเราก็เคยมีประสบการณ์แปลก ๆ แบบที่ท่านพูดถึง แต่เรากลัวอาจารย์หาว่า "เธออะ .. โม้!" เพราะเราเองยังแอบคิดเลยว่า "เรานี่มัน .. ขี้โม้!"
ยอมรับว่าเราเป็นคนประเภท อะไรที่ไม่เห็นด้วยตาเนื้อ จับไม่ได้เป็นชิ้นเป็นก้อน จะไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่ เรื่องนี้มันส่งผลให้เรา 'มองเห็นแต่อดีต' เพราะเราสัมผัสกับอดีตมาหมดแล้วทุกบททุกตอน 'รู้สึกแต่ปัจจุบัน' เพราะเรากำลังสัมผัสมันอยู่ แต่ 'ไม่เคยมองเห็นหรือเชื่อในอนาคตของตัวเองเลย' เพราะมันเป็นแค่ความคิดคาดเดา สัมผัสจับต้องอะไรไม่ได้
ดอกพุดซ้อน : แต่เธอก็คุยกับเรา ทั้งที่เราเป็นดอกไม้ ใครก็รู้ว่าเราไม่มีปาก พูดไม่ได้
ฉัน : จริงด้วย ทำไมเราถึงมานั่งคุยกับเธอ ทั้งที่เห็นอยู่ว่าเธอไม่มีปาก พูดไม่ได้
ดอกพุดซ้อน : เพราะจริง ๆ แล้วเธอเชื่อไง ว่าเราพูดได้ เชื่อโดยไม่ต้องเห็นด้วยตา ไม่ต้องจับด้วยมือ การสนทนาของเราสองคนมันเกิดขึ้นในความคิด ในจิตใจ ต่อให้มีกล้องวีดิโอที่ซูมได้ไกลแค่ไหน มีไมโครโฟนที่ดูดเสียงได้ดีแค่ไหน ก็ไม่สามารถจับภาพ ขยายเสียงเหตุการณ์ที่เราสองคนคุยกันมายืนยันว่าเกิดขึ้นจริงได้ แต่เธอก็ยังเชื่อ และยังนั่งคุยกับเราตั้งนานสองนาน
ฉัน : เอ่อ .. เธอพูดยาวเกินไป เราชักฟังไม่ค่อยเข้าใจ
ดอกพุดซ้อน : เอาอย่างนี้ เราขอถาม เธอเคยรู้สึก 'รัก' อะไรสักอย่างไหม?
ฉัน : เคยสิ เรารักดอกไม้ เราถึงได้มานั่งคุยกับเธอ (กระซิบ)เรื่องความรักเนี่ย เคยอกหัก ร้องไห้ฟูมฟายด้วยแหละ
ดอกพุดซ้อน : แต่ความรักมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น เอาเข้าปากชิมรสก็ไม่ได้ จับมาโยนเล่นก็ไม่ได้ ทำไมเธอถึงรู้สึกว่ามันมีความรักเกิดขึ้น
ฉัน : (เงียบ งง อึ้ง)
ดอกพุดซ้อน : เพราะของบางอย่าง เรื่องบางเรื่อง แค่เรารู้สึก มันก็ถือว่ามีอยู่จริงแล้ว อวัยวะรับสัมผัสของคนเราไม่ได้มีแค่ มือ ตา หู จมูก ลิ้น แต่มีหัวใจด้วย บางสิ่งบางอย่างเราต้องใช้ใจถึงสัมผัสได้ จริงไหม?
ฉัน : (พยักหน้า)
ดอกพุดซ้อน : เรื่องที่ว่า "ผีมีจริงหรือไม่" มันมีผลต่อชีวิตเธอยังไง?
ฉัน : เป็นแค่เรื่องตื่นเต้น ระทึกขวัญ เอาไว้เล่าให้คนอื่นฟังหลอน ๆ อย่างมากก็ทำให้นอนสะดุ้ง แค่นั้น
ดอกพุดซ้อน : แล้วเรื่อง "อนาคตมีจริงหรือไม่" ล่ะ มีผลต่อชีวิตเธอไหม
ฉัน : มี มากด้วย ทุกครั้งที่เราบอกตัวเองว่า "อนาคตไม่มีจริง" เราอยากตาย
ดอกพุดซ้อน : ขนาดเรื่องผีที่เป็นแค่เรื่องสนุก ๆ เธอยังเก็บมาครุ่นคิด หาเหตุผลมาสนับสนุนสารพัด เวลาเอาไปเล่าก็อ้างนั่นอ้างนี่กลัวไม่น่าเชื่อถือ แล้วเรื่องอนาคตที่มันมีความฝัน ความหวัง และแรงบันดาลใจในการมีลมหายใจต่อไป มันสำคัญกับเธอขนาดนี้ ทำไมไม่ลองหาเหตุผลมาสนับสนุนให้มันมีจริงสักหน่อยล่ะ
ฉัน : (กลอกตาไป-มา)เอ่อ.. (ยิ้มเขิน ๆ)
ดอกพุดซ้อน : แอบอายตัวเองล่ะสิ เอาน่า คิดเอง เออเอง อยู่ในใจตัวเอง อย่างมากก็อายตัวเอง ใครจะไปรู้ด้วย
ก็จริงเนาะ อนาคต มันมีความฝัน ความหวัง และแรงบันดาลใจในการมีลมหายใจอยู่ในนั้น หาเหตุผลมาสนับสนุนให้ตัวเองเชื่อว่ามีจริงหน่อยก็น่าจะดี ถึงมันจะแอบจั๊กจี้ใจ อายตัวเองพิลึก ว่า .. "เรานี่มัน .. ขี้โม้จริง ๆ เลย"
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in