“ตาไม่ได้โกรธสอนะ ตารู้ว่าสอไม่ทำอะไรอีกอย่างตารู้ดีว่าอย่างไงก็ตาม
“ตาอย่าพูดอย่างนี้สิ สอมีตาคนเดียวอีกอย่างสอก็เป็นผู้ชายนะ สอแค่มองอย่างเดียวจริงๆ”
“แล้วแต่นายเถอะ”ดุสิตาสะบัดหน้าหนีแบบแกล้งๆ ดุสิตาไม่ได้จะเอาเรื่องสออะไรมากมายขนาดนั้นดุสิตาเข้าใจดีว่า
“งั้นรีบไปเร็วไอ้หินรออยู่ที่บ้านมันแหละ”สอจับมือดุสิตาวิ่งไปด้วยกันกลางตลาดท่ามกลางสายตาของผู้หญิงมากมายที่มองสอ
“สอ ตาไม่ไหวแล้ว พักก่อนได้มั้ย?”
“ไม่ได้ออกมาวิ่งนานสิถ้า ฮาฮา”สอล้อเลียน
“นมเองก็ไม่ไหวเหมือนกันอ่าวิ่งช้าลงหน่อยก็ดีนะค่ะ” นมพูดเสริม
“นั้นเราก็ค่อยๆเดินแหละกันใกล้ถึงแหละ” ทั้งสามคนเดินกันต่อไปสักพักก็ถึงบ้านของหิน กล้วยไม้น้องสาวของหินมารอรับอยู่ที่หน้าบ้านกล้วยไม้เป็นผู้หญิงที่อายุน้อยกว่าทุกคนประมาณได้1-2ปี อย่างที่ทุกคนรู้กล้วยไม้เป็น1ในคนที่กลับมาจากเมืองบูลวา เมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องอาหาร
“แหม่มึงมึงมารอไอ้สออยู่หน้าบ้านอีกนานเท่าไหร่ว่ะ” หินแซวกล้วยไม้
“ไอ้ไม้ มึงมารอไอ้สอหรือมารอไอ้ตากันแน่ว่ะห่ะ?”หินยังแซวไม่เลย
“เบาเสียงหน่อยมึง พวกกุมาแล้ว”สอตะโกนกลับเข้ามาในบ้านกล้วยไม้ที่รอทั้ง3อยู่ที่หน้าบ้านนั้นหน้ตาเบิกบานเมื่อได้เห็นเพื่อนรักของตนดุสิตาและคนที่เธอปลื้มสอ
“เป็นไงบ้างตา สบายดีมั้ย?”กล้วยไม้ถามไถ่ดุสิตา
“ตาสบายดี สบายกว่าเดิมด้วยซ้ำเอาจริงฮาฮาฮา”
“ไม้รู้เรื่องที่ตาเข้าวังของท่านลานุแล้วหรือยัง?”ดุสิตารีบพูดความจริงโดยไม่เก็บไว้
“พี่หินบอกไม้แล้ว ตาโอเคใช่มั้ย?”
“ก็อย่างที่ตาบอกดูเหมือนจะสบายกว่าเดิมด้วยซ้ำ ฮาฮาฮา” ดุสิตายังพูดคำเดิม
“แล้วเรื่องท่านนุแหละ ตาโอเคมั้ย?”หลังคำถามที่กล้วยไม้ถาม ดุสิตามองไปยังสอ สอก็มองไปยังดุสิตา
“นั้นแหละ” ตาปฏิเสธที่จะตอบแบบตรงๆ
“ที่สอมาที่นี่สออยากจะให้ไม้ช่วยอะไรสอหน่อย”
“พี่สออยากให้ไม้ช่วยอะไรพี่พี่บอกไม้มาได้เลย”
“พี่อยากให้ไม้เล่าเรื่องเมืองบูลวาให้ตาฟังหน่อยตาอยากฟังเรื่องนั้น เอาเรื่องของกินเยอะๆนะ”
“พี่สอจะมาฟังด้วยมั้ยค่ะ?”กล้วยไม้พยายามลั้งสอให้อยู่ด้วยกัน
“เดี๋ยวพี่ขอคุยกับหินข้างนอกนะครั้งหน้านะไม้”
“มึงอยู่ข้างในก่อนกุก็อยากฟังเรื่องของเมืองนั้นเหมือนกัน”หินพยายามหาเรื่องให้สออยู่กับกล้วยไม้ในบ้าน
“นั้นไม้ขอเริ่มเลยนะค่ะอย่างที่ทุกคนรู้ไม้สอบได้ไปเรียนทำอาหารที่เมืองบูลวา อาหารส่วนมากที่เมืองนั้นทำเอาเข้าจริงๆมันก็เหมือนอาหารที่เรากินทั่วไปนั้นแหละ”
“อ้าวไหนว่านมบอกตาว่าอาหารที่โน่นไม่เหมือนกับอาหารที่เรากิน” ดุสิตาค้าน
“แน่นอนค่ะ ถ้าเราออกจากเมืองเมื่อไหร่อาหารที่เราไม่เคยเห็น เราก็เรียกว่าเป็นอาหารที่แปลกทั้งนั้นแหละค่ะไม่ใช่แค่ว่าอาหาร ทุกเรื่องที่เราไม่เคยเจอในเมือง เราก็จะเรียกมันว่าแปลกๆทั้งนั้นแหละค่ะ”
“แต่ที่เมืองนั้น ที่บูลวาขึ้นชื่อเรื่องอาหาร ก็เพราะว่าอาหารเราสามารถสัมผัสมันได้ ทั้งทางตาโดยการมองทั้งการดมผ่านจมูก ทั้งการชิมผ่านปาก มันคือการสัมผัสทั้ง3ด้านมันไม่เหมือนกับตึกกับศิลปะที่สัมผัสได้แค่ตา อาหารที่นั่นถึงเป็นเอกลักษณ์มากๆ”
“ด้วยความที่เมืองบูลวามีเจ้าเมืองเป็นพวกฝรั่งทั้งผิวขาวผิวดำผมดำผมแดง เมืองนั้นเลยมีพวกฝรั่งเข้ามาอยู่ในเมืองค่อนข้างที่เยอะพวกนั้นก็มาพร้อมความรู้แบบฝรั่งๆ ทั้งการศึกษา การเมือง ศิลปะ และแน่นอนค่ะเรื่องอาหารก็มาด้วย”
“นั้นแหละ ไม้เล่าเรื่องอาหารได้มั้ย?”ดุสิตาอยากฟังเรื่องนี้เหลือเกิน
“ไม่เอาค่ะ ไม้ไม่อยากเล่า”กล้วยไม้บอก
“ทำไมล่ะ ไม้ทำไมใจร้ายกับพี่อย่างงี้”ดุสิตาตัดพ้อ
“เพราะว่าอาหารถ้าให้มันมาเล่าพี่ตาพี่สอพี่หินคงจะดิ้นทุรนทุลายแน่นอน ดังนั้น ไม้จะทำให้กินเอง”
ดุสิตาดีใจอย่างมากที่จะได้กินอาหารของเมืองบูลวาทั้งหมดเดินทางออกไปที่ตลาดอีกครั้งเพื่อที่จะไปซื้อของโดยหินกับสอจับคู่เดินคู่กันและดุสิตากับกล้วยไม้จับคู่เดินระหว่างทางนั้นหินก็โฆษณาน้องสาวตัวเองตลอดทางโดยที่2คนที่เดินอยู่ด้านหน้าไม่รู้โดยเฉพาะดุสิตาที่ไม่ได้สนใจสอแล้ว สนใจแต่อาหารที่กล้วยไม้กำลังจะทำให้รับประทาน
“ถ้ามึงยังไม่หยุดพูดเรื่องนี้...”
“แล้วไง มึงจะต่อยกุไง” หินตอบโต้คำท้าทายของสอครั้งนี้เขาจะไม่ยอมให้โอกาสหลุดมืออีกแล้วเขาจะต้องกล้วยไม้อยู่ในความคิดของสอให้ได้
“พี่สอค่ะ” สอหันไปมองตามเสียง
“พี่สออยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าค่ะ”กล้วยไม้พยายามเอาใจสอ
“ไม้ถามพี่ตาเลยค่ะพี่ตากินอะไรพี่กินเหมือนกัน” สอตอบแบบหลีกๆ
“ไม้ทำอะไรให้พี่กิน พี่ก็กินแหละค่ะแต่ต้องมีอาหารของบูลวา1อย่างนะ” ดุสิตาตอบแทนสอ
หลังจากทั้ง4คนกลับมาจากการจ่ายตลาดดุสิตาและกล้วยไม้รีบเข้าห้องครัวทันทีพร้อมกับนม ทั้ง3รีบทำอาหารให้ทันมื้อเย็นส่วนสอและหินนั้น แน่นอนหินก็ยังคงพูดถึงข้อดีของกล้วยไม้
“ดอกกล้วยไม้ เป็นดอกไม้ที่มีหลายสีมีทั้งสีขาว สีม่วง สีแดง สีเหลือง สีฟ้า”
“อ่า มึงอยากจะพูดอะไรกับกุกันแน่”สอเริ่มหงุดหงิดกับคำพูดของหิน
“แม้ว่ากล้วยไม้จะเกาะอยู่บริเวณตามลำต้นของต้นไม้ใหญ่แต่รากของมันก็ไม่ได้ไปทำร้ายต้นไม้ใหญ่ กล้วยไม้ไม่ได้ทำร้ายใครอีกทั้งยังให้ต้นไม้ใหญ่มีสีสันด้วย” หินอธิบายถึงชื่อของกล้วยไม้
“เข้าประเด็ดเลยมึง มึงไม่เริ่มก่อนกุจะเริ่มก่อนแหละนะ” สอพยายามจะเด็ดขาด
“มึงก็รู้ว่ากล้วยไม้รู้สึกอย่างไงกับมึงมึงมาบ้านกุตั้งแต่มึงเข้ามาเป็นทหารใหม่ๆมึงเห็นไอ้ไม้ตั้งแต่มันเป็นเด็กหญิงตัวน้อยๆอยู่เลย กุจะไม่ถามมึงเรื่องอดีตแต่กุอยากจะถามมึงว่า มึงจะให้โอกาสน้องกุหน่อยหรอว่ะ?”
“กุก็อยากให้มึงลองเปิดใจให้น้องกุบ้างอย่างน้อยก็ในช่วงเวลา2ปีที่มึงไม่ได้อยู่กับตามึงก็มองว่าเป็นช่วงเวลาที่มึงลองใจตัวเองบ้างก็ได้ ถ้ามึงรักไอ้ตาจริงน้องกุก็ทำอะไรมึงไม่ได้ แต่ถ้าน้องกุดันบังเอิญทำให้มึงใจอ่อนขึ้นมาอย่างน้อย2ปีนี้ มึงจะได้ไม่ต้องอมทุกข์ตลอด2ปีไง มันก็เพื่อทั้งตัวมึงและก็น้องกุ กุอยากจะพูดแค่นี้แหละ การตัดสินใจมันก็แล้วแต่มึง”
“แต่ถ้ากุขอร้องมึงได้ กุก็จะทำ”หินได้พูดทุกอย่างที่ตั้งใจจะพูด หินได้ทำทุกอย่างแล้วเพื่อที่จะช่วยทั้งน้องสาวและเพื่อนรักตลอดทั้งวันหินได้พยายามพูดกดดันให้สอสับสน อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ซึ่งทั้งหมดนั้นมันคือการตัดสินใจของสอ เพียงคนเดียว
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in