ขอเขียนอะไรไว้สักหน่อยในวันที่ชีวิตย่างเข้าสู่ปีที่ 30 อย่างเต็มตัว—ใช่แล้ว วันนี้คือวันที่เลขสามมาเคาะประตูหน้าบ้านครั้งแรก ไม่ค่อยอยากเปิดต้อนรับนักหรอก แต่จะให้หลบเร้นก็ทำไม่ได้เช่นกัน เพราะเล่นเปิดพรวดเข้ามาเองเสร็จสรรพ ทั้งยังตะครุบตัว เกี่ยวคอ รั้งแขน ล็อกขาไว้เสียแน่นหนึบ
นั่นแล สามสิบปีแล้วจริง ๆ
สามสิบปี… จะว่านานก็นาน จะว่าไม่นานก็ไม่นาน ให้อิงกันตามอายุขัยโดยเฉลี่ยคงเข้าใกล้คำว่าผ่านไปครึ่งชีวิตแล้วกระมัง—เป็นชีวิตที่แสนธรรมดา น่าเบื่อ ไม่มีอะไรให้จดจำมากมายนัก
จืดจางชะมัด
ปกติแล้วไม่ค่อยได้เขียนเล่าถึงตัวเองเท่าไหร่ เพราะไม่รู้จะเขียนอะไรดี ในขณะที่เขียนมาถึงตรงนี้ก็ยังคิดไม่ตกว่าจะเขียนเล่าอะไร สามสิบปีที่ผ่านมามันดูว่างเปล่าอย่างน่าประหลาด ว่างเปล่าจนน่าเจ็บใจเชียวล่ะ และถึงจะเป็นอย่างนั้นกลับไม่ได้รู้สึกอยากถูกเติมเต็มจากอะไรเช่นกัน อาจเพราะไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรจริง ๆ กันแน่ล่ะมั้ง
เคยมีเป้าหมายมากมายถูกตั้งขึ้นในช่วงเวลาหนึ่ง แต่แรงขับเคลื่อนอันน้อยนิดไม่สามารถส่งให้มันถึงที่อย่างต้องการ—พวกขี้แพ้ จะเรียกแบบนั้นก็ได้
เออ ขี้แพ้เป็นบ้าเลยว่ะ
หากถามว่าสุขหรือทุกข์มากกว่า จะตอบว่า ไม่ต่าง เพราะทั้งไม่สุข ไม่ทุกข์ และไม่อะไรทั้งสิ้น
หากถามว่าแล้วไม่มีสิ่งที่ชอบทำบ้างเลยหรือ ก็จะตอบว่า มีสิ มีอยู่ประมาณหนึ่ง—เลี้ยงแมว, อ่านหนังสือ, วาดรูป, เขียนนิยาย (ที่ไม่เคยจบ) และการพยายามทำนู่นนั่นนี่อีกหลายสิ่งอัน
หากบอกว่าให้ระบายมันออกมาเสียบ้างสิ ความในบานเบอะเหล่านั้น ก็ใช่ มันเป็นหนทางที่ดี แต่ก็ไม่รู้เลย ไม่รู้จะระบายอะไร ไม่มีคำพูดหรือคำอธิบายมากไปกว่านี้หรอก
อ่า กลายเป็นบันทึกย่างก้าวสู่ความหดหู่ไปแล้วหรือเปล่านะ
เอาเถิด ถึงมันจะเป็นความว่างเปล่าอย่างน่าประหลาด และต่อให้ต้องร่วงหล่นอีกสักกี่ครั้งกี่หน แต่ก็หมายว่าจะใช้ชีวิตแสนว่างเปล่านี้อย่างดีต่อไปแน่นอน
จบบันทึก
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in