พิมนั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง นกกระจิบบินพุ่งมาที่หน้าต่างก่อนจะชนเข้ากับกระจกใสเสียงดังทำให้เธอสะดุ้งและตื่นจากภวังค์ เธอหัวเราะเบาๆกับตัวเอง ก่อนที่จะพยายามตั้งสมาธิกับงานของเธอตรงหน้า นั่นคือการคิดพล็อตนิยายเรื่องใหม่ พิมทุ่มเทเวลาให้กับการเป็นฟรีแลนซ์อย่างเต็มตัว เธอตั้งใจจะเอาจริงเอาจังกับอาชีพนักเขียนนิยายออนไลน์ แม้ว่างานนี้จะไม่มั่นคงเหมือนงานประจำในออฟฟิศเดิม แต่ก็เป็นงานที่เธอรักและทำมาตลอดตั้งแต่สมัยมัธยม ได้เงินค่าขนมมาไม่น้อยเลยสำหรับสิ่งที่ถือว่าเป็นงานอดิเรก
นามปากกาว่าพิมภัสสร ถูกใช้ถ่ายทอดนิยายวัยรุ่นที่มักจะเป็นเรื่องราวความรักวัยใสที่สมหวัง พิมหัวเราะในใจว่านั่นมันเป็นตัวตนของเธอเมื่ออดีตที่ยังโลกสวย เมื่อโตมาเธอได้เรียนรู้ว่า ไม่ใช่เจ้าหญิงทุกคนที่จะได้ลงเอยกับเจ้าชายเสมอไป พิมตั้งใจเขียนนิยายเรื่องนี้เป็นพิเศษ ผู้อ่านควรจะได้มีตัวเลือกนิยายที่มีเนื้อหาหลากหลายนอกเหนือไปจากความรักใสใสที่มีอยู่เกลื่อนแผงหนังสือ เนื้อหาของเรื่องนี้จะเล่าผ่านมุมมองของผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จโดยไม่จำเป็นต้องมีความรัก เธอคิดว่ามันสะท้อนตัวตนที่เติบโตขึ้นของเธอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเรื่องราวความรักไม่สมหวังที่เธอได้เผชิญ
เพื่อนๆมักชื่นชมว่าเธอมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบ แต่พิมกลับคิดว่านั่นเป็นเพราะเธอรู้ว่าตัวเองต้องการอะไรและมุ่งมั่นเพื่อให้ได้มันมาต่างหาก เธอจบการศึกษาในมหาวิทยาลัยชั้นนำด้วยคะแนนเกียรตินิยม ทั้งที่ตอนเรียนเธอก็ทำกิจกรรมมากมายทั้งเป็นเชียร์ลีดเดอร์และทำงานละครเวที แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนอิจฉาคือแฟนหนุ่มประธานชมรมดนตรีสากลที่คบหากันมาตั้งแต่สมัยมัธยมปลาย ครั้งหนึ่งเธอเองก็เคยรู้สึกว่าการที่คบกับเขาต่างหากทำให้ชีวิตของเธอนั้นเติมเต็ม เป็นชีวิตที่สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง
พิมหยุดชะงักไปเมื่อนึกไปถึงเรื่องราวเหล่านั้น จะมีประโยชน์อะไรที่ไปคิดถึงคนที่เธอเคยเชื่อว่ารักเธอแต่สุดท้ายก็หักหลังเธออย่างเจ็บช้ำ บัดนี้เขาคงจะมีชีวิตแต่งงานที่สุขสันต์กับผู้หญิงคนนั้นไปแล้ว ตอนนี้ที่เธอทำได้ก็คือเลือกที่จะใช้ชีวิตโสดให้มีคุณค่า ไม่เคยมีอะไรมาทำร้ายผู้หญิงแกร่งอย่างพิมภัสสรได้อยู่แล้ว
เป็นเวลากว่าหกเดือนแล้วที่พิมเลิกกับเขา เธอยังคงรู้สึกเจ็บปวดอยู่ทุกครั้งที่นึกถึงเหตุการณ์นั้น แต่มาถึงวันนี้เธอกลับภูมิใจที่มันกลับทำให้เธอแข็งแกร่งขึ้น หลายคนอาจคิดว่าเธอลาออกจากงานเพื่อหนีหน้าเขา แต่เธอรู้ดีว่าการตัดสินใจนี้่ทำไปเพื่อตัวเธอเอง ทุกวันนี้เธอตื่นเช้าขึ้นมาในบ้านชานเมือง ได้ทานอาหารฝีมือแม่ ไม่ต้องมีชีวิตที่รีบร้อนไปเพื่อใคร ในเช้าวันนี้ก็เช่นกัน ที่เธอยังคงอ้อยอิ่งอยู่บนเตียงนอน โดยมีคอมพิวเตอร์โน้ตบุ้คคู่ใจวางอยู่ที่โต๊ะข้างเตียง
หญิงสาวตัวเอกในนิยายเรื่องใหม่ของเธอจะต้องเป็นสาวมั่น เป็นหญิงแกร่งที่หันหลังให้กับความรักที่ไร้สาระ และมุ่งมั่นทำธุรกิจแบรนด์เสื้อผ้าจนประสบความสำเร็จ คิดออกแล้ว เธอจะตั้งชื่อนางเอกว่า...
“อ้าว พิม ตื่นแล้วหรอลูก”แม่ของพิมถือถาดอาหารพลางเปิดประตูเดินเข้ามาในห้อง
“โธ่แม่ก็ ดูซิ ลืมหมดเลย พิมกำลังคิดชื่อนางเอกนิยายเรื่องใหม่ได้อยู่พอดีเลยเนี่ย”
ผู้เป็นแม่ไม่ได้ตอบว่าอะไร ได้แต่ยิ้มทักทายกับพิมเหมือนทุกเช้าและนั่งลงวางถาดอาหารที่ข้างเตียง
“เดี๋ยวถ้านิยายเรื่องนี้เสร็จนะ ต้องมีคนอ่านเยอะแน่ๆเลย พิมว่าจะทยอยลงเป็นตอนๆไปน่ะแม่”
ผู้เป็นแม่มองดูลูกสาวเพียงคนเดียวด้วยแววตารักใคร่ และเอื้อมมือไปลูบหัวเธอเบาๆ
“ว่าแต่ ทำไมกองบรรณาธิการเค้ายังไม่ติดต่อกลับมาเลยคะแม่ นี่พิมว่าส่งใบสมัครไปให้อีกสำนักพิมพ์นึงด้วย”
“คงจะหิวแล้วล่ะสิลูก ใช่มั้ยจ๊ะ”
ผู้เป็นแม่บรรจงเทอาหารปั่นลงหลอดแก้วที่ต่อไปยังสายยางให้อาหารทางหน้าท้องของพิม เธอมองดูลูกสาวเพียงคนเดียวของเธอยิ้มและหัวเราะ เสียงพูดของพิมฟังไม่ค่อยได้ศัพท์นักเพราะเป็นการพยายามพูดผ่านท่อลมที่เจาะคอ บางครั้งก็เหมือนพูดอยู่กับแม่ บางครั้งก็กับตัวเอง
“เดี๋ยวค่อยเล่าให้แม่ฟังก็ได้พิม กินข้าวเสียก่อนนะ เดี๋ยวก็จุกอีกหรอก” ผู้เป็นแม่ปรามด้วยความเป็นห่วง หลายครั้งหลายคราที่ลูกสาวของเธอต้องเทียวเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น เพื่อรักษาอาหารปอดอักเสบอันเนื่องมาจากการลำลักอาหารลงหลอดลม เธอปิดปลายข้อต่อของสายยางหลังจากที่น้ำไหลลงจนหมด ก่อนที่จะเข้าไปพยุงขยับให้พิมนั่งพิงกับหมอนหนุนในท่าเอนหลังให้ศีรษะสูง มือของพิมตกลงข้างตัว และขยับเปะปะอย่างอ่อนแรง พยายามที่จะยันกายขึ้น
“หมอบอกว่าต้องขยันทำกายภาพด้วยนะ นี่เห็นว่าเพราะไม่สบายหรอกนะ ถึงได้ให้พัก”แม่จับมือของพิมและเริ่มขยับแขนงอเข้าเหยียดออก คงไม่ดีแน่ถ้าปล่อยให้กล้ามเนื้อแขนลีบไปเหมือนกับร่างกายท่อนล่างอีก ลูกสาวของเธอกลายเป็นอัมพาตตั้งแต่การพยายามฆ่าตัวตายด้วยการ กระโดดสะพานภูมิพล แรงกระแทกกับผิวน้ำทำให้กระดูกสันหลังได้รับการบาดเจ็บอย่างหนักจนกดทับเส้นประสาทไขสันหลัง พิมได้รับการรักษาในโรงพยาบาลนานหลายเดือน แม้จะลงเอยด้วยการที่ต้องเจาะคอและให้อาหารทางหน้าท้อง แต่เธอก็ยังได้ลูกสาวของเธอกลับบ้าน
“ส่วนหนึ่งน่าจะเกิดจากการที่สมองกระทบกระเทือนตอนที่มีการบาดเจ็บอย่างรุนแรง และส่วนหนึ่งก็คงมาจาก….กลไกทางจิตใต้สำนึกของคนไข้ที่ใช้รับมือกับภาวะความผิดหวัง ทางที่ดีญาติคงต้องค่อยๆประคับประคองจิตใจผู้ป่วยให้ค่อยๆปรับตัวรับกับสภาพความเป็นจริง แต่ให้หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เครียด” ผู้เป็นแม่ยังจำคำกล่าวของหนึ่งในทีมแพทย์ที่ดูแลพิมได้ดี และเธอตั้งใจจะดูแลลูกของเธอให้ดีที่สุด สำหรับเธอแล้ว การที่พิมยิ้มได้และหัวเราะไปกับเรื่องราวในจินตนาการก็ดีกว่าตอนที่ลูกซึมเศร้าและเก็บตัวหลังจากที่ผิดหวังจากความรักในคราวนั้น
“แม่ พิมต้องทำงานต่อแล้วล่ะ ตอนนี้หัวกำลังแล่นเลย ต้องรีบพิมพ์ต้นฉบับเก็บไว้”
“ข้อ 6. จง กด เลือก ภาพ ที่มี สีแดง”
เสียงจากโปรแกรมกระตุ้นพัฒนาการประสาทดังซ้ำๆไม่หยุด พิมหันคอไปตามเสียงนั้นแต่แววตาล่องลอย
“วันนี้พักก่อนก็ได้นะพิม ไว้พรุ่งนี้เราค่อยมาฝึกทำกันใหม่นะ”ผู้เป็นแม่ลุกขึ้นไปปิดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ้คที่เปิดค้างไว้อยู่บนโต๊ะล้อเลื่อนข้างเตียง
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in