เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เรื่องราวของฉัน AMEYUKIปลาเค็มๆควีน
รีวิว:SUGIZO LIVE 2019 COSMIC DANCE IN BANGKOK
    • ไหนๆก็อยากเปิดงานเขียนบทความเรื่องราวต่างๆด้วยมุมมองของเรามานานแล้ว ก็ขอเปิดด้วยงานเขียนรีวิวคอนเสริ์ตที่ไปครั้งล่าสุดเป็นการเริ่มต้นไปด้วยเลยทีเดียวเลยล่ะกัน ให้เป็นชิ้นเป็นอันและเก็บเป็นความทรงจำครั้งหนึ่งในชีวิตด้วยเลย

    • หลังจากเมื่อวานที่เหน็ดเหนื่อยจากคอนเสร์ตจนสลบ จนพอมีแรงก็เลยมาเขียนรีวิวจากเมื่อคืนให้ทุกคนฟัง มันคือวันที่ฉันที่ได้สนุกและทราบซึ้งไปในขณะเดียวกัน


    • ขอเกริ่นก่อนว่ากับงานคอนเสริ์ตครั้งนี้มีความกังวลใจอย่างมากในตอนแรก ที่มีการเปลี่ยนแปลงและเกิดดราม่า(หากมีใครได้ติดตาม) ก็เสียความรู้สึกไปเหมือนกัน แต่เมื่อทุกอย่างประกาศมาอีกครั้งว่าจะจัดเป็นรูปแบบคอนเสริ์ตและtalk seasonด้วยก็มีความหวังขึ้นมาที่จะพบคุณ SUGIZO อีกครั้ง

    • อีกครั้ง? หมายความว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกของฉัน ใช่แล้วค่ะ ฉันพบคุณSUGIZOครั้งแรกที่คอนเสร์ตวง LUNA SEA เมื่อปี 2013 ที่ตัวฉันยังเป็นเด็กสาวมัธยมปลาย ในวันนั้นฉันก็หลงรักดนตรีที่เป็นJROCKมากยิ่งขึ้น และในวันนั้นที่ได้เห็นการเล่นกีตาร์และการสีไวโอลินที่สง่างามและไพเราะนั้น มันยังคงตราตรึงใจของฉัน จนเป็นความประทับใจที่ฉันมีกำลังใจในการเรียนภาษาญี่ปุ่นและการดำเนินชีวิตของฉัน และฉันก็เผ้ารอคอยที่จะได้พบพวกเขาอีก และเมื่อวานความปราถนาของฉันก็ได้เป็นจริงเมื่อฉันได้พบคุณ SUGIZO อีกครั้งหนึ่งในชีวิต

    • ครั้งนี้คุณSUGIZOก็ได้มาในนามบทเพลงโซโล่เดี่ยวของเขา โดยดนตรีของเขานั้นจะแตกต่างจากที่เคยเล่นไปจากวงX-Japan และวง Luna Sea ถึงแม้จะมีกลิ่นอายความเป็นร็อคแต่ก็มีความผสมผสานดนตรีอิเล็กทรอนิกส์แบบใหม่ ที่กลายเป็นเพลงที่เป็นเอกลักษณ์เขา เมื่อฟังแล้วจะรับรู้ถึงอารมณ์และเทคนิคที่มีการเรียบเรียง จนทำให้ฉันสามารถเข้าใจผ่านบทเพลงท่วงทำนองที่บรรเลงนั้น และได้รับรู้ถึงความรู้สึกทั้งมวลที่เขาส่งผ่านมาอย่างน่าอัศจรรย์ ซึ่งเราอาจจะไม่ได้อธิบายถึงเทคนิคทางดนตรีเขาอย่างลงลึกอย่างผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากเราไม่ได้มีความรู้ทางดนตรีมากนัก แต่ทุกอย่างที่บรรยายนั้นคือสิ่งที่คนธรรมดาๆคนหนึ่งฉันได้รับการส่งผ่านดนตรีที่ราวกับเป็นเวทย์มนต์ของเขา 

    • ซึ่งครั้งนี้คอนเสริ์ตได้จัดขึ้น ณ show Dc ถือว่าเยี่ยมเลยทีเดียว เนื่องจากซาว์ดและแสงสีเสียงนี่คือแน่นและทรงพลังมาก และครั้งนี้เราได้จองบัตรที่อยู่แถวเกือบด้านหน้าเลยก็ว่าได้ ซึ่งรู้สึกใกล้และมองเห็นคุณSUGIZO ชัดแจ่มแจ้งมาก เราตื่นเต้นอย่างมากและรอคอยเวลาที่การแสดงจะเริ่มต้นขึ้น พอแสงไฟมืดลงคุณSUGIZO และสมาชิกก็ปรากฏบนเวที การบรรเลงบทเพลงได้เริ่มต้นขึ้นอย่างตระการตา และมือของเขาก็ได้เรียกเชิญชวนให้ทุกคนลุกขึ้นจากที่นั่งและเริ่มเข้าสู่ห้วงจักรวาลของเขา จนฉันไม่สามารถห้ามตัวเองให้หยุดเต้นและกริ๊ดออกมาจากใจ ทุกอย่างในตัวฉันเหมือนค่อยๆได้รับการปลดปล่อยและร่วมสนุกไปกับบทเพลงที่บรรเลงขึ้นอย่างเมามัน 

    • โดยในคอนก็มีเพลงที่เล่นประมาณนี้
    • เครดิต: LUNA SEA Live in Thailand https://www.setlist.fm/setlist/sugizo/2019/ultra-arena-hall-show-dc-bangkok-thailand-1392d509.htmlใครสนใจอยากฟังลิสต์เพลงในคอนเสริ์ตคลิ๊กลิงค์ด้านบนได้เลย เขาทำsetlistมาให้(ดีงามพระรามแปดมาก ขอบพระคุณ)

    • อยากบอกว่าสนุกมากโดยเฉพาะเพลง Phoenix-hinotori- มันส์กระจายมากจนเต้นไม่หยุดจริง นอกจากความมันแล้วอยากจะบอกว่าในช่วงหนึ่งตอนบทเพลง The Voyage Home ได้บรรเลงขึ้น เสียงไวโอลินที่สีบรรเลงขึ้น มันนุ่มนวลและงดงามมากจนฉันรับรู้ถึงความหมายที่อบอุ่นและไพเราะ มันปลอบประโลมใจฉันที่เต้นระรัวนั้น ความโศกเศร้า ความเจ็บปวด ที่อยู่ภายในที่ถูกท่วงทำนองกระแทกจิตใจจนข้างในตัวฉัน น้ำตาที่คลอเบ้าตาค่อยๆเอ่อล้นออกมาจนไม่สามารถห้ามได้ ฉันไม่อาจละสายตาผู้ชายคนนี้ที่อยู่ตรงหน้าที่สง่างามเกินกว่าความงามใดๆจะพรรณาได้หมด ฉันร้องไห้ออกมา ฉันรู้สึกถึงความรู้สึกบรรเทาและเยียวยา เมื่อบทเพลงที่เขาบรรเลงจบลงนั้น ฉันเพียงได้แต่ตะโกนออกไป 

    •          " SUGIZO ARIGATO"          
    •                                                
    •                "I Love you daisukidesu"            
    •    
    •    "ขอบคุณมากคุณSUGIZO ฉันรักคุณและชอบคุณเหลือเกิน"

    • เกร็ดความรู้เกี่ยวกับคุณSUGIZO
      -บทเพลง The Voyage Home เป็นบทเพลงที่ได้ได้บันทึกเสียงของเด็กๆ ผู้ลี้ภัยในค่ายกลับมาทำผลงานดนตรีเพื่อเผยแพร่เรื่องราวของผู้ลี้ภัย เพื่อส่งเสริมสันติภาพที่ยังรวมถึงความฝันของคุณSUGIZOที่ต้องการให้ทุกคนซึ่งต้องพลัดพรากจากบ้านได้กลับบ้าน ซึ่งรวมถึงชาวญี่ปุ่นเป็นจำนวนมากกว่าแสนรายที่ประสบภัยแผ่นดินไหวและสึนามิเมื่อปี 2554 และต้องอพยพออกจากผืนดินอันเป็นบ้านของพวกเขาจนถึงทุกวันนี้

    • UNHCR กับคุณ SUGIZO
    • -ในปี พ.ศ.2559 คุณSUGIZOได้ร่วมเดินทางกับ UNHCR ประเทศญี่ปุ่นเพื่อเยี่ยมเยือนและเล่นดนตรียังค่ายผู้ลี้ภัยชาวซีเรีย ในประเทศจอร์แดน และในปี 2561 SUGIZOได้เดินทางไปแสดงดนตรียังรัฐปาเลสไตน์
    • เครดิตภาพ: UNHCR ประเทศไทย


  • เสื้อผ้าชุดตอนเล่นเพลง The Voyage Home
         จะเห็นได้ว่าชุดนี้มีรูปภาพของโลกและรูปเด็กๆในค่ายลี้ภัย ที่ตกแต่งประดับชุด้สื้อคลุม ถือได้ว่าเป็นชุดที่สวยงามแล้วยังมีความหมายที่ดี ตอนที่ได้เห็นครั้งแรกอยากบอกว่าชอบชุดนี้มาก
    เครดิตภาพ:Sugizo

    นอกจากจะหล่อเแล้วยังจิตใจดีอีก ยิ่งตอนที่เขาด้ให้สัมภาษณ์ชอบความประทับใจที่เขาได้กล่าวมาว่าเราสามารถให้ผู้อื่นได้ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของ หรือถ้อยคำกำลังใจ และรวมถึงดนตรีที่เขาได้มอบ 

    ด้วยโอกาสที่ดีที่หน้าคอนเสริ์ตก็มีบูทของ UNHCR Thailand ให้ทุกคนช่วยกันเขียนกำลังใจส่งให้ผู้ลี้ภัย เรากไม่พลาด ก็ถือโอกาสสักหน่อยในการเป็นส่วนหนึ่งในการส่งความรู้สึกดีๆให้แก่ผู้อื่น


    FUNNY Moment ช่วงประทับใจของเรา


    มีหลากหลายข่วงมากที่เกิดความประทับใจในคอนเสริ์ตนี้

    Crazy Moment

    ไม่ว่าจะเป็นตอนที่มีคนตะโกนออกมาว่า "I love you" แล้วคุณSUGIZO ก็หยุดชะงักฟัง "หือ อะไรนะครับ" ทุกคนก็ตอบสนั่นกันว่า "I love you ,we love you......"รวมถึงเราที่ตะโกนไปด้วยแล้วเขาก็ตอบกลับมาว่า

    "ผมรักทุกคน"


    อ่อนระทวยตายสงบ ศพสีชมพูกันระนาวทั้งฮอล์เลยก็ว่าได้ แบบฮาร์ทแอ็คแทคจนแบบไปไม่ถูกเลย

    ยังมีช่วงทอล์คคุยกับทุกคนก็มีการถามตอบหลายคำถาม ประมาณนี้

    1. ก่อนเริ่ม Talk Session อ.ปราชญ์บอกว่า ช่วงนี้เป็นช่วงที่คุณสุหงิโซะรีเควสมา หลังจากที่ตกลงกันแล้วว่าจะจัดคอนเสิร์ต เพราะต้องการที่จะพูดคุยกับแฟนๆ


    2. คุณสุหงิอยากพูดอะไรกับแฟนๆ
    "ผมคิดถึงเมืองไทย คิดถึงพวกคุณมาก"


    3. ตอนเด็กๆเคยถูกผู้ปกครองบังคับให้เรียนดนตรี เลยไม่ชอบ ทำให้กลัวไม่อยากเล่นดนตรี พออายุสิบขวบเลยเริ่มทำดนตรีเอง คือไม่ชอบโดนบังคับให้ทำในสิ่งที่คนอื่นสร้างขึ้น


    4. ตอนวัยรุ่นที่เริ่มเล่นดนตรีใหม่ๆ เกเร นักเลงมาก โกรธไปทุกสิ่งตลอดเวลา ก็เลยดื่ม ทำลายข้าวของ


    5. จุดเปลี่ยนทุกอย่างคือ ตอนที่ลูกสาวเกิดมา ทำให้รู้จักความรัก ช่วยเติมเต็มบาดแผลที่เคยเกิดขึ้นในช่วงวัยรุ่น จึงทำให้คิดว่าที่ผ่านมาทำร้ายสังคม ทำไม่ดีมาเยอะ จึงอยากหันมาช่วยเหลือสังคม


    6. เมื่อไหร่ที่เรารู้สึกรักใครที่สามารถรักใครได้ด้วยชีวิต(จะในรูปแบบความสัมพันธ์ใดก็ตาม) คนเราจะเปลี่ยนไปจนหันมาให้ความรักเพื่อโลก เพื่อสังคมได้


    7. พิธีกรถามเรื่องที่เคยเจอมรสุมชีวิต ไปเซ็นต์ค้ำประกันให้คนอื่นจนหมดตัว แล้วกลับมาได้ยังไง >> คุณสุหงิ : ตอนนั้นเสียทั้งชื่อเสียง เงินทอง และศักดิ์ศรี เหตุผลที่ยังทำให้มีชีวิตอยู่ได้คือต้องส่งงเงินให้ลูกสาว ลูกสาวคือสิ่งที่ดึงให้เขากลับมาได้


    8. แม้จะเจอมรสุม แต่สิ่งที่ไม่เคยเลิกทำเลยคือการทำเพลง ทำผลงานเพลงตลอด ไม่ว่าจะขายได้หรือไม่ การทำเพลงทำให้หลุดพ้นจากความทรมาน เค้าไม่เคยล้มเลิกความตั้งใจในการทำงานดนตรีเลย ทุกอย่างเกิดจากความรักที่มีให้ดนตรีโดยตลอดมา


    9. พูดถึงลูกสาว
    ที่จริงเขาก็อายุเกิน 20 แล้ว ผมต้องทำใจออกห่างจากลูกสาวให้ได้ ทุกวันนี้เวลาไลน์ไปลูกไม่ค่อยตอบ เวลาที่เค้าตอบมา ดีใจมาก


    10. ถามว่าอยากมีลูกอีกมั๊ย
    "อยากมี สัก 3 คน"


    11. ถ้าไม่มีลูกสาว น่าจะฆ่าตัวตายไปแล้ว!
    เคยอยู่ในจุดตกต่ำที่สุดมาแล้ว ไม่เคยตั้งใจที่จะปีนกลับมาเลย แต่ชีวิตที่ได้กลับคืนมาไม่ว่าจากพระเจ้าหรืออะไรก็ตามคือชีวิตใหม่ ชีวิตที่เหลือคือโบนัส


    12. อยากให้ช่วงเวลาที่เหลือทุ่มเทให้กับดนตรี และทำประโยชน์กับสังคม


    13. พิธีกรถามว่า ดนตรีทำให้คุณดีขึ้นได้อย่างไร

    คุณสุหงิ : ตราบที่ยังมีชีวิตอยู่อยากฝึกฝนฝีมือให้ดีขึ้นตลอด คิดว่านี่คือเหตุผลที่ยังมีชีวิตอยู่ อยากทำวันนี้ให้ดีกว่าเมื่อวาน พัฒนาตัวเองตลอดเวลา อยากเก่งขึ้นกว่านี้ ข้ามพ้นลิมิตของตัวเองให้ได้

    14. โชว์วันนี้ก็มีผิดพลาด รู้สึกเสียใจมาก ผมอยากกลับไปฝึกฝนและกลับมาเล่นให้ทุกคนฟังอีก
    สุดท้าย คุณสุหงิโซะให้สัญญาว่าจะกลับมาที่นี่อีก
    เครดิตสัมภาษณ์:We Are X Thailand


    เซลฟี่อลวน

                       พอคุณSUGIZOให้สัมภาษณ์จบ เขาก็บอกกับทุกคนว่า "ผมได้ทำพลาดอะไรบางอย่างกับทุกคนในวันนี้"และเขาก็ล้วงโทรศัพท์ขึ้นมากับทุกคนล่ะบอกว่า "ผมลืมเซลฟี่กับทุกคน"เท่านั้นแหละค่ะ เรานี่วิ่งหน้าตั้งเข้าเฟรมให้ได้ ตอนคอนเสริ์ตLuna Seaฉันก็พลาดแล้ว รอบนี้ต้องอยู่ในเฟรมให้ได้ พยายามไปหน้าสุดของเวที และพยายามเข้าเฟรม สักพักก็มีคนตามหลังมาและแตะไหล่ฉันแล้วเขาบอกว่า "เขาเกาะหน่อยๆ" เราพยายามย่อตัวเพื่อแบ่งปันให้คนข้างหลัง แบบด้วยความรน "ค่ะๆ"เรารีบตอบแล้วพยายามเข้าเฟรม ไม่รู้ว่าจะติดหน้าเราไหมจะรอดูรูปตอนคุณSUGIZOโพสต์ล่ะกัน

    เอารูปเดี่ยวคุณสุงิโซ่ไปก่อนล่ะกัน ตะโกนบอกให้เขาหันมาแบบสุดกำลัง พอเขาหันมาฉันกดรัวถ่ายทันที

    หันมาทางนี้หน่อยค่ะ
    ได้โปรดหันมาหาเราทางนี้ที T^T?

    หันมาแล้ว เย้!!!!!!!!!! (กดถ่ายรัวๆๆๆๆๆๆ)?


    ผู้โชคดีข้างตัว

                        ระหว่างเล่นคอนเสริ์ตคุณSUGIZO ก็มีการโยนปิกกีตาร์ ขวดน้ำให้ แต่เราไม่ได้สักอย่างเลย55 แต่คนข้างๆเราตาดีมาก ได้ปิกคุณโซ่อันหนึ่ง ดีใจแทนเขาด้วยเลยที่โชคดีในวันนั้น

    VIP 2 ที่มีแต่คุ้มและคุ้ม

                         หลังจากเสร็จสิ้นคอนเสร์ตและเสร็จสิ้นการทอล์ค ช่วงเวลาที่ฉันรอคอยอีกช่วงสำคัญก็คือสิทธิวีไอพีที่ดิฉันได้ซื้อมา สิทธิวีไอพีที่ได้นั้น ได้รับริสแบนด์เรืองแสง โปสเตอร์หนึ่งอัน ซีดีอัลบั้มให้ของคุณสุงิโซ่ ที่เซนลายเซนให้กับมือ พร้อมกับปิคกีตาร์จากมือเขาและการจับมือ 

                          ฉันตื่นเต้นมากแบบว่า เหงื่อนี่เต็มมือจนเอามือลูบเสื้อหลายรอบก็เหงื่อแตกตลอดไม่คิดว่าจะตื่นเต้นอะไรขนาดนี้แล้วแบบพอช่วงวินาทีที่ฉันรอต่อแถวจะรับลายเซ็น ฉันค่อยเดินเข้าไปที่โต๊ะเขา ฉันพยายามมองใบหน้าของคุณสุงิโซ่และเตรียมคำพูดที่จะพูดมาเป็นเวลาหลายวันเป็นภาษาญี่ปุ่น ฉันตื่นเต้นมาก ตอนยื่นแผ่นปกซีดีให้เขาฉันจะต้องทักทายเป็นภาษาญี่ปุ่นให้ได้ วันนี้สินะที่ฉันจะต้องบอกความรู้สึกให้เขารับรู้ให้ได้

                          เรา:"こんにちは"
                          ในใจเรา(เอ้าเห้ย ต้องこんばんはสิ ไปสวัสดีเขาตอนกลางวันทำไมนางนี่ นี่สามทุ่มแล้ว)

    อยากจะร้องไห้ที่พูดผิดไปแต่แรก รนมากแต่คุณสุงิโซ่ก็ตอบกลับมาว่า

                          SUGIZO:"こんにちは"
     ขอบคุณที่รีแอคชั่นกลับมาให้ หือๆๆๆ ตอนนั้นพยายามตั้งสติให้มากกว่าเดิม และเขาก็ดูชื่อเราในกระดาษเราแล้วถามเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า...

                           SUGIZO:คุณวรดาใช่ไหมครับ

                           เรา:ค่ะๆ

    เขาก็เริ่มจรดปากกาสีเงินลงบนแผ่นปกซีดีอย่างบรรจงลงบนกระดาษปกซีดี เขาตั้งใจเซ็นมากแบบตื่นเต้นมากตอนที่เขาเขียนแบบชื่อเราอยู่บนปกแล้ว แล้วเขาก็บอกว่าระวังเปื้อน ฉันก็พยักหน้าหงึกๆ แล้วฉันก็รับแผ่นปกซีดีแล้วบอกเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า

                          เรา:ขอบคุณมากค่ะ

    ต่อไปจับมือสินะ ฉันก็ยื่นมือไปข้างหนึ่งให้เขา เพราะอีกข้างถือปกซีดีอยู่ แล้วคุณสุงิโซะก็ยังไม่จับมือเรา เราก็เอ๊ะ อ่าว ต้องทำไงอะ เอ่อฉันทำอะไรผิดเปล่า ฉันก็ยื่นมือไปแล้วนะ แล้วทำไมเขาไม่จับหล่ะ (พูดในใจ) ฉันรนมากตอนนั้นไม่รู้จะทำอย่างไรกับมือเก้ๆกังๆและตัวฉันเหมือนหุ่นยนต์ที่รวนไปหมด ตอนนี้ทำไรไม่ถูกแล้ว 

    ในตอนนั้นเองเขาก็จับมือทั้งสองข้างของฉันและกุมอย่างแน่น มือที่ถูกโอบอุ้มด้วยฝ่ามือที่ผ่านการดีดกีตาร์สีไวโอลินมานั้น เขาจับมือฉัน ไม่สิ เหมือนโอบอุ้มมือฉันทั้งสองอยู่เพียงไม่กี่วิ แต่มันก็ทำให้ฉันได้รับความรู้สึกต่างๆมากมายแล้วฉันก็ ขอบคุณ ขอบคุณ รัวๆใส่เขา เขาก็ยิ้มให้ฉัน 

    จากนั้นเขาก็ปล่อยมือจากฉัน แล้วจับมือข้างหนึ่งที่ฉันแบออก เขายื่นปิกกีตาร์ให้ฉันบนฝ่ามือของฉัน แล้วมือนั้นก็กุมมือฉันให้กำปิกกีตาร์อันนั้นอย่างแนบแน่น ฉันรู้สึกดีใจอย่างมาก ฉันเพียงได้แต่พูดว่า

                          เรา:ขอบคุณมากนะคะ แล้วพบกันใหม่นะคะ

                                  ありがとうございます。またね。

    แล้วฉันก็วิ่งออกไปจากงานรวดเร็ว เพราะมันดึกมากแล้ว ต้องรีบกลับโดยด่วนทันทีเลยจ้า แต่ถึงจะรีบออกไปเท่าไหร่ แต่ในใจฉันมันเหมือนยังคงอยู่ตรงนั้น ฉันยิ้มและร้องไห้ออกมา ดีใจที่ได้พบแต่ก็ต้องจากกันในตอนสุดท้าย 

    แม้ว่าในงานอาจจะมีบางอย่างที่ติดขัดอยู่บ้าง เช่นการประชาสัมพันธ์ต่างๆอาจจะไม่ชัดเจน เพราะมีคนต่างชาติมาร่วมงานด้วย และเรื่องการให้ของศิลปิน ซึ่งเราคิดว่าควรมีกล่องให้ใส่วางหน้างานอย่างมีระบบ ตอนแรกเราก็อยากมีของมาฝาก แต่ก็กลัวจะฝากไม่ได้ แล้วในงานวันนั้นเหมือนใครเอาของมาฝากก็ต้องให้สตาฟ ให้โดยตรงกับคุณสุงิโซ่ไม่ได้ เราเองก็เข้าใจเรื่องความปลอดภัย แต่แฟนคลับเองก็อยากมั่นใจว่าของๆเขาจะไปถึงมือคุณสุงิโซ่ไหม 


    ถึงจะมีความผิดพลาดใดๆบ้าง แต่ว่าฉันรู้สึกขอบคุณมาก ขอบคุณคอนเสริ์ตดีๆที่ทำให้ฉันได้มีกำลังใจและความหวังในชีวิตของฉัน 

    ขอบคุณผู้จัดงานครั้งนี้ขึ้นมาไม่ว่าจะเป็นใครฝ่ายไหน รวมถึงทีมงานทุกคน และแฟนคลับทุกๆคนที่มาชมคอนเสริ์ตแล้วได้สนุกไปด้วยกันในครั้งนี้

    นี่จะเป็นอีกหนึ่งคอนเสร์ตที่ฉันจะจดจำเอาไว้อีกครั้งที่สำคัญ และฉันหวังว่าจะมีครั้งต่อไปเกิดขึ้นอีกในเมืองไทย หรือไม่งั้นฉันจะไปที่ญี่ปุ่น...ก็เป็นได้


    สัญญาแล้วนะค่ะคุณสุงิโซ่ แล้วเจอกันในครั้งต่อไป?

    ด้วยรักและความศรัทธา 

    อาเมะยูกิ




เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in