เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Journal in my mindpanpanmeme
audio Journal - 2 : when mom appeared from the odour ; absolutely food!
  • audio journal - 2
    บันทึกครั้งนี้ ไม่ได้เกิดจากการเดินทางไปเที่ยวที่ไหนไกลๆ เลย แต่เกิดจากการเดินไปบนถนนเส้นเดิมที่เดินอยู่ทุกวัน เพียงแต่วันนี้ สิ่งต่างๆ รอบตัว มันทำงานกับหัวใจของเรามากกว่าปกติ

    เเละสิ่งที่คิดถึงขึ้นมาก็คือ 'แม่'

    ไหนๆก็เขียนแล้วหาคำตอบให้ตัวเองแล้วก็ถือว่าเป็นการส่งการบ้านให้ counselor  ไปด้วยเลยแล้วกัน / แปะลิงค์ยูทูปไว้ด้วยเผื่อใครขี้เกียจอ่าน 

    https://youtu.be/aLhNNCIG7yk
    Youtube Channel : panpanmeme




    / ในเช้าวันนี้ /

    ความทรงจำเกี่ยวกับแม่ปรากฏกายขึ้นพร้อมกับกลิ่น —และแน่นอนที่สุด มันคือกลิ่นของอาหาร

    • ท้องถนนเงียบสงัด แปลกจากวันอื่น
    ถนนเส้นนี้ไม่ได้ส่งเสียงเหมือนที่เคยเป็น
    สภาพแวดล้อมไม่ได้ทำงานหรือสื่อสารอะไรกับฉันเป็นพิเศษ — มีเพียงร้านอาหารไทย จีน ที่ส่งกลิ่นจางๆ จากหม้อน้ำซุป 

    ฉันเดินผ่านร้านนี้ทุกเช้า แต่เช้านี้ กลิ่นน้ำซุปกลับทำงานร่วมกับประสาทรับรู้
    และกระชากเอาความทรงจำเกี่ยวกับแม่เข้ามาอย่างจัง

    อาจจะเพราะความเงียบเป็นพิเศษของวันนี้
    หรือเป็นเพราะความคิดถึงจากความห่างเหิน
    และเพราะความห่างไกล 

    • ฉันขาดจากช่วงเวลาบนโต๊ะอาหารกับแม่ 
    (แบบที่มีแค่เราสองคน) มานานนับสิบปี 
    ฉันคิดถึงภาพโต๊ะอาหารในเช้าวันหนึ่ง 
    ที่แม่ทำข้าวต้มใส่กุ้งในแบบที่ฉันชอบ 
    ฉันจำไม่ได้ว่า มันคือช่วงไหนของความทรงจำ 

    แต่มันแปลกพิลึก ที่กลิ่นนั่นมันทำให้นึกถึงวันธรรมดาๆที่ฉันลืมไปแล้ว — อันที่จริง อดีตหน่ะ ก็มักมีลักษณะพิเศษแบบนี้เสมอ เราไม่จำเป็นต้องนั่งระลึกถึงมันเลย แต่เมื่อถึงเวลา มันก็จะวิ่งปรู้ดเข้ามาทักทายเราเอง


    พอมีเรื่องให้จำได้
    ก็มีเรื่องที่เราคงลืมไปแล้วด้วยเหมือนกัน

    แม่ : 
    แม่เป็นคนที่มหัศจรรย์คนหนึ่ง
    แม่ทำงานหาเงินเก่ง ทำงานบ้านเก่ง เป็นนักจัดบ้าน เป็นนัก DIY ทำอาหาร ร้องเพลง แม่ดีดกีต้าร์เป็นจังหวะสามช่าได้ด้วย

    แม่เก่งเรื่องจัดการความรู้สึกตัวเอง
    [ อันที่จริง ฉันน่าจะเรียนรู้เรื่องนี้มาจากแม่บ้าง
    แต่ไม่เลย ฉันเก็บความรู้สึกไม่ได้และจัดการไม่ได้ด้วย ]

    แม่และฉันเคยสนิทกันมาก มากเหมือนเพื่อนสนิทคนนึง ที่คุยกันได้ทุกเรื่อง ทุกเรื่องจริงๆ และฉันก็แคร์แม่มากๆ ตอนที่พ่อปล่อยเราไว้สองคน ฉันไม่ร้องไห้สักนิด ฉันคิดว่าตัวเองต้องเข้มแข็งจะอ่อนแอไม่ได้

    สิ่งที่กลัวที่สุดคือ กลัวแม่เสียใจ
    ฉันรักษาชีวิตตัวเองมาตลอดไม่ให้เหลวไหล 
    เลี่ยงทุกอย่างที่มีแนวโน้มที่แม่อาจจะผิดหวัง 
    ( มันผิดถนัด ฉันกำลังทำร้ายตัวเองเข้าอย่างจัง ) 
    น่าแปลกที่ ฉันทำเพื่อรักษาใจแม่ แต่ความสัมพันธ์ที่เหมือนเพื่อนของฉันกับแม่กลับดูค่อยๆถอยห่างออกไป เรามีสเปซระหว่างกันมากขึ้น แล้วมันมากขึ้นเรื่อยๆ 




    [ จนกลายเป็นพื้นที่ระหว่างหัวใจอันเวิ้งว้าง ]




    สิ่งที่เห็นคือ เรากำลังทำเรื่องที่คิดว่าดี แต่ไม่จริงต่อใจของกันและกัน เพราะฉันคิดเอาเองว่าตัวเองควรทำอะไรโดยไม่ถามแม่สักคำ ; นิสัยแบบนี้มันก็เลยติดมากับการใช้ชีวิตในความสัมพันธ์อื่นๆไปด้วย ; กลายเป็นจอมเจ้ากี้เจ้าการ ชอบจัดการ ชอบคิดแทน ไปโดยอัตโนมัติ 

    บางทีเราอาจจะมีช่วงเวลาที่สนิทกับใครสักคนมากๆได้เพียงชั่วขณะเท่านั้น แม้คนนั้นจะเป็นแม่ หรือคนที่เราเคยสนิทมากๆ คนหนึ่ง 

    และนั่นคือ ความสัมพันธ์
    มีชิดใกล้ มีห่างเหิน

    [ แม่จะรู้ตัวมั้ยนะ
    ว่าฉันกำลังเขียนถึงแม่อยู่
    จริงๆ ถ้าคิดถึงก็แค่โทรหา หรือกลับไปหา 
    แต่การตั้งใจมานั่งเขียนถึงมันก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับ
    เรา + ความทรงจำเกี่ยวกับแม่ใช่มั้ยล่ะ 
    แม่อาจจะลืมเรื่องข้าวต้มกุ้งไปแล้ว
    แต่จำเรื่องอื่นแทน เรื่องที่เราเองก็ลืมไปแล้วหน่ะ
    นั่นสินะ ถึงเรียกว่าความสัมพันธ์ ]

    • ในความทรงจำหลัก
    ฉันจำว่าพ่อ ทำอาหารเก่งกว่่า
    ถึงแม่จะทำบ่อยกว่่า แต่บอกตรงๆว่า
    แม่ต้องยอมรับนะว่าพ่อเก่งกว่าในเรื่องรสชาติ
    แต่พ่อก็คงต้องยอมรับว่าแม่เก่งกว่าในเรื่องการดูแลทั้งฉันและพ่อ 

    พอพ่อไม่อยู่
    เรื่องอาหารก็เป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น ไม่ปราณีต ไม่คิดเยอะ
    ฉันคิดเกี่ยวกับอาหารน้อยลง เพราะไม่อยากเพิ่มภาระให้แม่  พอแม่แต่งงานใหม่ สามีของแม่ก็เป็นฝ่ายทำอาหารให้เราสองคน แม่ก็วางมือจากกะทะตะหลิวยาวๆ และทำงานอย่างอื่นทำแทน จนกลายเป็นว่า ฉันลืมไปแล้ว ว่าแม่ก็ทำอาหารเก่งเหมือนกัน

    ลืมไปแล้วว่ารสมือของแม่เป็นแบบไหน
    อาจจะจำได้ แต่ก็เลือนลางเต็มที

    อันที่จริง
    พอไม่ได้กินอาหารฝีมือแม่เลย
    แม้จะเป็นรสชาติธรรมดาๆ แต่พอห่างเหินออกมามันกลับสร้างหลุมกว้าง ที่อ้างว้างภายในใจให้กับฉันได้เหมือนกัน — ฉันรู้ตัวว่าคิดถึงมากๆ  ก็ตอนได้กลิ่นน้ำซุปของร้านอาหารเมื่อเช้าที่เดินผ่านนี่เอง

    • ยอมรับ ว่ามีเรื่องที่โกรธอยู่
    มีเรื่องที่แม่ทำให้ฉันเจ็บด้วย
    ต่อให้เราเคยสนิทกันจนเหมือนเพื่อน
    แต่สุดท้ายแล้ว — ถึงตอนนี้จะไม่สนิท
    เราก็แค่ถอยห่างออกมา 
    คงความสัมพันธ์แบบ แม่ ลูก 
    แล้วต่างก็ไปสัมพันธ์สนิทกับชีวิตของตัวเอง

    แม่ก็มีคนที่ต้องสนิทด้วยในตอนนี้
    ฉันเองก็เช่นกัน

    • การโหยหาอดีต คงไม่อาจเติมเต็ม
    การไขว่คว้าอนาคต ที่ยังมาไม่ถึง ก็คงไม่อาจเติมเต็มเช่นกัน มิหนำซ้ำ อาจสร้างหลุมกว้างในใจไปมากกว่าเดิม — แต่การเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายคือ การไม่เติมอะไรลงไป แล้วยอมรับจุดที่เกิดขึ้น ปล่อยให้ความเว้าแหว่งนั้นมันสมานตัวเองไป กลายเป็นรูปร่างรูปทรง ที่ฟอร์มขึ้นเป็นเรา เพราะแบบนั้นจึงมีแค่เราเพียงคนเดียวที่เป็นเรา ในโลกใบนี้

    เสน่ห์ของชีวิตคือการเดินก้าวไปพร้อมกับความสมบูรณ์และความไม่สมบูรณ์ แน่นอนทีเดียวว่า เราเคยมีช่วงชีวิตที่สุขสุดๆ แต่มันเป็นช่วงหนึ่ง 
    — เหมือนความสุขที่เกิดจากการได้เห็นความงามของพระจันทร์และโลก ที่โคจรเข้ามาใกล้กัน แต่ท้ายที่สุด ทั้งโลกและพระจันทร์ต้องยึดเอาวงโคจรของตัวเองเป็นหลัก แล้วหมุนไป ในแบบของตัวเอง — นั่นเป็นเหตุให้ มีการเคลื่อนโคจรหมุนห่างกันออกไป และกลับเข้ามาใหม่ เมื่อถึงเวลา

    แต่ถ้าวันผ่านไปแล้ว
    ก็ไม่มีทางกลับมาเหมือนเดิมอีก

    ฉันในวันนี้ โคจรเหินห่างจากแม่เหลือเกิน
    วันที่พ้นผ่าน ทิ้งร่องรอยไว้ให้คิดถึง
    การได้โอบกอดสิ่งที่ผ่านเข้ามา
    และอ้าแขนปลดปล่อยออกไปเมื่อถึงเวลา
    ก็คุ้มค่าแล้ว สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้น
     ในช่วงเวลานั้น สำหรับกันและกัน 

    ปล่อยเพื่อโอบรับสิ่งใหม่เข้ามา
    แม่เป็นแม่เสมอ
    แต่เราไม่มีพันธะต่อกัน
    แม่เฝ้ามองฉันเสมอได้
    แต่ไม่อาจครอบครองฉันได้
    เหมือนที่ฉันโหยหาแม่ได้ 
    แต่ไม่อาจจะเรียกร้องให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ 

    — เราเป็นอิสระจากกันด้วยความรัก 

    • ฉันจึงไม่อาจวิพากษ์วิจารณ์ถึงสิ่งที่แม่เลือกสำหรับทางเดินของตัวเองในตอนนี้ได้ ; เพราะแม่ก็ต้องใช้ชีวิตของตัวเองเหมือนกัน (และฉันก็เอาใจช่วยแม่เสมอ ให้พบเจอกับเรื่องที่สุขใจ)

    พอคิดมาถึงตอนนี้ ที่ผ่านมา ตัวฉัน ที่กลัวแม่จะเสียใจเพราะฉันมาตลอด ก็รู้สึกเบาสบายมากขึ้น ฉันที่ปกปิดและพยายามจะสมบูรณ์แบบต่อหน้าแม่มาเสมอก็กล้าที่จะเป็นตัวเองมากขึ้น ; เพราะฉันก็กำลังใช้ชีวิตของตัวเอง ฉันไม่อาจจะยืนยันได้ว่าฉันจะทำให้แม่สมหวัง 

    แต่ฉันกล้ายืนยันกับแม่ว่า ‘การอยู่ของฉันมันจะมีความหมาย’ และขอบคุณสำหรับช่วงเวลาที่ผ่านมาที่เรามีร่วมกัน ฉันกล่าวขอบคุณตรงนี้แล้วทิ้งอดีตเอาไว้ 

    ฉันอยากเดินไปกับแม่ด้วยการเริ่มต้นความรู้สึกใหม่

    แม้ฉันจะคิดถึงแม่ ในวันที่ทำข้าวต้มกุ้งจนจับหัวใจ
    แต่มันคงไม่มีวันข้าวต้มกุ้งแบบนั้นแล้ว
    ต่อให้แม่ทำข้าวต้มกุ้งให้อีก
    วันแบบนั้น...ที่ฉันนั่งกินก่อนไปโรงเรียน
    ก็คงมีแค่วันนั้นเท่านั้น
    ถ้าได้มีวันที่แม่ทำข้าวต้มกุ้งอีก
    มันก็คงเป็นวันข้าวต้มกุ้งกับความทรงจำใหม่แล้ว
    วันข้าวต้มกุ้งกับการทักทอชีวิตขึ้นใหม่
    กับการเติบโตขึ้นไปของกันและกัน

    • ฉัน : บอกกับ Counselor เอาไว้ว่า
    ‘อยากกลับไปสนิทกับแม่เหมือนเดิม’
    แต่ตอนนี้รู้แล้วว่า “มันจะไม่มีอะไรเหมือนเดิม”

    อยากจะสนิทกับแม่อีกครั้งได้
    แต่มันจะไม่เหมือนเดิมแล้ว

    เพราะฉะนั้น ก็เปลี่ยนเป้าหมาย เป็น : 
    อยากสนิทกับแม่ให้ได้อีกครั้ง ก็แล้วกันนะ
    เพราะฉันรู้ว่า แม่รักฉันมากแค่ไหน
    และฉันเองก็ รักแม่เหมือนกัน
    ต่อให้ฉันจะต้องเติบโตขึ้นมีชีวิตของตัวเอง
    ต้องสัมพันธ์กับมนุษย์คนอื่นๆ 
    แต่แม่คือผู้หญิงที่ ฉันแคร์มากที่สุด ฉันกลัวแม่จะเสียใจที่สุด 

    ฉันกลัวน้ำตาของแม่
    มันทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองจะแตกสลาย 
    รอยยิ้มของแม่มีความหมายสำหรับฉันที่สุด

    เพราะฉะนั้นต่อให้ยังไง
    ฉันคงปล่อยแม่ไปจากชีวิตฉันไม่ได้
    แค่คิดก็ปวดร้าวในใจแล้ว



    • ทั้งหมดที่เขียนมา
    เป็นการเดินทาง
    เพื่อกลับไปสู่อดีต
    และความทรงจำ

    เหมือนกับการกลับไปจัดการตู้เสื้อผ้ารกๆ ที่บ้านเกิด
    ที่เราเก็บเสื้อผ้าตัวโปรดเอาไว้
    แม้เราจะใส่มันไม่ได้อีกแล้ว
    แม้เราลืมไปแล้วว่ามีเสื้อตัวนี้อยู่
    แต่เมื่อเราพบเจอมัน 
    ก็คงต้องตัดสินใจว่าจะทำยังไงกับมันดี

    นี่อาจเป็นความหมายของการทำ Konmari ในแบบที่ คุณมาริเอะ คอนโดะ กำลังบอกเราก็ได้

    - รื้อทุกอย่างออกมากองรวมกัน
    - ขอบคุณสิ่งเหล่านี้
    - และตัดสินใจทิ้ง / หรือเก็บ

    และตอนนี้ฉันเลือกที่จะพับเก็บความทรงจำเกี่ยวกับข้าวต้มกุ้งเอาไว้ / ยอมรับความโกรธเคืองและเจ็บปวด/ ตัดสินใจทิ้งเรื่องที่ฉันเคืองแม่เอาไว้ / จัดเรียงความรู้สึกที่ตัวเองมีต่อชีวิตแม่ และ ชีวิตตัวเอง อย่างที่อยากให้เป็น 

    [ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า แค่กลิ่นของน้ำซุป จะทำงานกับจิตใจและความทรงจำของฉันได้มากขนาดนี้ - ขอบคุณนะ ขอบคุณทุกอย่างเลย ] 

    ฉันค่อยๆ เติมข้อความลงไว้ใน log ตั้งแต่เช้า 
    จวบจนเย็นค่ำ และตัดสินใจว่าพอแล้ว ฉันต้องใช้ชีวิตต่อไป ฉันกด Save
    หมดเวลาสำหรับวันนี้แล้ว —

    แม้วันนี้จะเป็นวันศุกร์ที่เงียบสงัด อึมครึมเหลือเกิน 
    และฝนยังตกกระหน่ำ 
    หนำซ้ำในใจก็ว้าวุ่นไปด้วยกองทัพของความทรงจำ 
     — ยังไงก็ตามแต่ วันนี้จะผ่านไป อีกไม่นานค่ำคืนจะผ่านไปและเช้าวันใหม่ก็จะมาถึง

    หวังว่าพรุ่งนี้จะพอมีแดดกับเขาบ้าง ?





















Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in