-Film written and directed by Hirokazu Kore-eda-
เราไม่ได้เดินผ่านพายุออกไป
บางครั้งพายุเองต่างหากที่พัดผ่านเราไป
ในช่วงตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา
เราถามตัวเองในใจตลอด
ว่ากำลังทำอะไรอยู่
ความสุขเรียบง่ายก็จริง
แต่ทำไมบางครั้งมันถึงยากเย็นขนาดนี้
สิ่งที่เราทำกำลังพาตัวเราเองไปสู่จุดไหน
เราต้องการในสิ่งที่เราคิด
ว่าตัวเองต้องการจริงไหม
เรากำลังไขว่คว้าหาความสุข
ที่เราไม่ได้รู้สึกสุขกับมันจริงๆหรือเปล่า
คิดวนไปวนมามากพอกับที่เดินเตะฝุ่นไปวันๆ
รู้ตัวอีกทีคนว่างงานอย่างเรา
ก็มาลงเอยอยู่ที่โรงหนังซะงั้น
.
อันที่จริงหนังเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในลิสต์เราเลย
เคยเห็นแต่โปสเตอร์
ที่ติดอยู่ในห้องน้ำร้าน Light My Fire
ซึ่งเป็นร้านที่เราชอบไปนั่งดื่มเบียร์
และฟังเพลงตอนอยู่นครปฐมก็เท่านั้น
จำได้ว่าแค่เห็นโปสเตอร์
ก็รู้สึกได้ถึงความเชื่อมโยงบางอย่าง
พอวันนี้บังเอิญผ่านมาเห็นว่ามีเรื่องนี้ฉายอยู่
ก็เลยเข้าไปดูทันที
“มันไม่ง่ายเลยที่จะโตไปเป็นคนแบบที่อยากเป็น”
ตัวเอกในเรื่องพูดประมาณนี้
ตอนที่มีเรื่องกับเด็กมัธยมคนหนึ่ง
เพื่อตอกกลับประโยคที่เด็กคนนั้น
ตะโกนใส่หน้าไอ้ขี้แพ้อย่างเขาว่า
“ผมไม่มีวันโตไปเป็นผู้ใหญ่แบบคุณแน่!”
ในเรื่อง เด็กคนนั้นเดินออกจากบทสนทนาไป
ส่วนในความจริง เราร้องไห้ออกมาซะอย่างงั้น
อันที่จริง conflict ในช่วงนี้ของเราคงเป็น
“ฉันจะเติบโตไปเป็นคนแบบไหนนะ” มากกว่า
.
เล่าคร่าวๆก่อนว่า
ตอนเด็กๆเราเคยพูดไว้บ่อยมาก
ว่าจะไม่โตไปเป็นผู้ใหญ่แบบนั้นแบบนี้
แต่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านๆมา
เรามีโอกาสได้ไปช่วยงาน
ที่ต้องคลุกคลีอยู่กับเด็กหลายครั้ง
.
เด็กหลายคนสะท้อนตัวเราในวัยเด็กกลับมา
ขบถ ดื้อรั้น เชื่อมั่นในความฝันที่ตัวเองมี
พร้อมๆกับที่เด็กกลุ่มเดียวกัน
สะท้อนกลับแววตาของเรา
ที่เป็นผู้ใหญ่ในตอนนี้
ซึ่งทำให้เรารู้สึกละอาย
เมื่อพบว่าแววตาของเด็กเหล่านั้น
เป็นแววตาที่คล้ายคลึงกับแววตาของเรา
ที่เคยมองผู้ใหญ่หลายคน
ซึ่งต่อมาเราบอกตัวเองว่า
ไม่อยากเป็นแบบนั้น
นั่นสิ เรากำลังกลายเป็นใครนะ
.
อันที่จริงสิ่งที่เรากำลังเขียน
ก็ไม่ได้เกี่ยวกับหนังเรื่องนี้สักเท่าไหร่
เพียงแค่อยากบันทึกไว้ว่าในวันนี้
หนังเรื่องนี้ทำให้เรากลับมาสงบ
กับพายุแห่งตัวตนที่เรากำลังเผชิญอยู่อีกครั้ง
.
ท่ามกลางชีวิต
ที่ค่อยๆถูกพายุลูกแล้วลูกเล่าซัดให้หลงทาง
เรานึกถึงถ้อยคำของแม่ตัวเอกที่พูดถึงผู้ชาย
ว่าทำไมพวกเขาถึงไม่แค่
มีความสุขกับปัจจุบัน
ทำไมถึงได้แต่มีความสุขอยู่กับ
อดีตและอนาคตที่ไม่รู้ว่ามีจริงไหมเท่านั้นล่ะ
.
เรียบง่ายเหมือนทุกครั้ง
แต่ก็ยากเหมือนทุกครั้งจริงๆ
.
ในเรื่อง พายุไต้ฝุ่นผ่านคืนนั้นไป
ฉากสุดท้าย
ตัวเอกยืนอยู่บนถนนที่มีร่มผุพังถูกโยนทิ้งไว้
เราไม่ได้เป็นเพียงแค่คนเดียว
ที่กำลังฝ่าพายุฝนลูกนั้น
.
บางครั้งเราไม่สามารถสั่งให้พายุบางลูกหยุดได้ดังใจ
เราเพียงแค่ต้องหาวิธี
ข้ามผ่านช่วงเวลาที่พายุฝนกระหน่ำไปให้ได้
อย่างมีความสุข
อย่างยอมรับ
อย่างเติบโต
.
ก้าวต่อไป
นั่นล่ะที่เรื่องนี้บอกเรา
(แนบเพลงประกอบหนังที่ชอบมาก)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in