"สัญญากันนะ ว่าจะกลับมาเจอกันอีก" คำพูดของเด็กชายไม่คุ้นหน้าบอกกับผม
"..." ไม่มีคำตอบจากผม ทั้ง ๆ ที่อยากจะตอบใจจะขาดว่าจะกลับมาอีก วันนี้เล่นด้วยกันสนุกมากเลยนะ
มันเหมือนกับไม่สามารถควบคุมให้ตัวเองทำอะไรตามใจได้เลย พูดไม่ได้ จับมือไม่ได้ ดึงเขาเข้ามากอดก็ทำไม่ได้ สิ่งที่ทำได้ตรงนั้นมีเพียงแต่ยืนนิ่ง และเพียงสายตาเพ่งมองไปที่ใบหน้าของเขาเท่านั้น
มันเป็นความรู้สึกที่ดีมากที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในชีวิตของผม การที่เราใช้เวลาวิ่งเล่นไปในที่ ๆ เราทั้งสองคนไม่รู้จัก ขโมยขนมปังที่ร้านขายของชำ เอามันไปแบ่งเป็นชิ้นเล็ก ๆ เพื่อไปโยนให้ปลาในลำธารหลังภูเขากิน พับจรวดกระดาษและปามันเล่นราวกับว่าเราสองคนเป็นเจ้าของท้องเวหา ปีนต้นไม้สูงใหญ่เพื่อไปขโมยไข่นกในรังและโยนมันใส่กัน ยิ่งคิดว่าจะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่ยิ่งตื่นเต้นที่จะได้เล่นด้วยกันอีก ทั้ง ๆ นี่แค่เป็นครั้งแรกที่เราเจอกันแค่นั้นเอง
"สัญญากันนะ ว่าจะกลับมาเจอกันอีก" คำพูดของเด็กชายคนหนึ่งที่ผมไม่คุ้นหน้า แต่ผมสนุกมากที่ได้ใช้เวลากับเขา ถึงแม้มันจะป็นเพียงวัน ๆ เดียวเท่านั้นเอง ผมไม่อยากจะบอกลากับเขาเลย แต่มันทำไม่ได้จริง ๆ และผมไม่สามารถรับคำสัญญานั้นได้เช่นกัน เพราะผมไม่สามารถรู้ได้เลยว่าอีกกี่วัน อีกกี่เดือน หรืออีกกี่ปีที่ผมจะได้พบกับเขาอีก ที่หน้าร้านขายของชำในความฝันแห่งนี้
ผมในวัย 22 ปีตื่นมาพร้อมกับเสียงนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์มือถือ ภาระหน้าที่ที่ต้องทำในแต่ละวันเรียกร้องแกมบังคับให้รีบจัดการธุระส่วนตัวทั้งหมดให้เสร็จภายใน 30 นาทีก่อนออกไปเรียนหนังสือและสานต่อความฝันของตัวเองให้สำเร็จ เวล 30 นาทีในรถโดยสารประจำทางเป็นเวลาที่น่าเบื่อ และวุ่นวายเสียเหลือเกิน ผมมักจะใช้เวลานี้ในการไถหน้าจอโทรศัพท์เพื่อเสพข่าวสารต่าง ๆ มีฟังเพลงและเล่นเกมบ้างตามประสา แต่พอมาสังเกตดี ๆ แล้ววันนี้คนในรถโดยสารโล่งผิดปกติ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะผมได้ที่นั่งแล้ว จนกระทั่งผมเบื่อกับหน้าจอมือถือ ผมจึงวางมันลงและคิดถึงเรื่องราวในความฝันที่เกิดขึ้นเมื่อคืน
มันช่างเป็นความสุขที่เจ็บปวดเสียเหลือเกิน ผมไม่สนใจหรอกว่ามันจะเป็นความฝันหรือเป็นความจริง แต่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจของผมมันเด่นชัดมาก ๆ ว่าผมสนุกที่ได้เล่นกับเขา และผมเสียใจมาก ๆ เช่นกันที่ผมต้องลาจากกับเขาโดยไม่มีทางรู้ได้เวลาว่าอีกนานแค่ไหนผมจะได้เจอเขาอีก ผมไม่มีความรู้สึกนี้เกิดขึ้นมานานมากแล้ว ผมจึงสงสัยว่าเขาคนนั้นชื่ออะไร เขาเป็นใคร หน้าตาเป็นอย่างไร มันบ้ามาก คุณคงรู้ว่าการเรียกความทรงจำเลือน ๆ จากความฝันนั้นมันยากเย็นแค่ไหน และไม่มีประโยชน์อะไร เพราะมันยังไงมันก็เป็นความฝัน คน ๆ นั้นไม่ได้มีตัวตนในชีวิตจริง
รถโดยสารค่อย ๆ ชะลอและหยุดลงที่สถานีหน้ามหาวิทยาลัย เป็นสัญญาณอย่างดีว่าผมควรหยุดคิดถึงเขาได้แล้ว ก้าวแรกที่ลงจากรถโดยสารคือก้าวแรกที่จะต้องเหยียบโลกบนโลกแห่งความเป็นจริงได้เสียที เสี้ยวเวลาสั้น ๆ ก่อนที่เท้าของผมจะยื่นออกจากประตูรถโดยสาร คำพูดของเขาดังขึ้นมาในหัวอีกครั้ง "สัญญากันนะ ว่าจะกลับมาเจอกันอีก" ผมชะงักไปชั่วครู่หนึ่งและตอบกับเขาในความคิดของตัวผมเองว่า "ไม่ล่ะ เราไม่อยากเจอนายแล้วแหละ นายทำให้เรามีความสุขมาก ๆ เลยนะ แต่เราต้องใช้ชีวิตบนความเป็นจริงของเรา ล่าสุดนายพึ่งเอาเวลาเกือบครึ่งชั่วโมงของเราไป" และผมหวังว่านั่นจะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ผมได้ตอบเขาไป
"อิสัส กูนึกว่ามึงจะไม่มาเรียนแล้ว" เพื่อนคนสำคัญในชีวิตจริงทักทายผมด้วยประโยคที่ทักกันทุกวัน
"อือ กูแม่งฝันดีไปหน่อยเมื่อคืน นอนยาวเลยว่ะ" เอาเข้าจริง ๆ ผมก็ยังอยากเจอเขาอยู่แหละ อย่างน้อยก็ได้ขอบคุณเขาที่ทำให้ผมมีความสุข ถึงแม้มันจะอยู่ในความฝันก็เถอะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in