เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
#Fictober Challengejunejanggi
Day 1 - Faster than the storm
  • -SWIFT-

    ความสัมพันธ์ของเราสอง ช่างรวดเร็วเหมือนพายุพัดที่โหมกระหน่ำกลางพลบค่ำของฤดูร้อน 

    เสียงฝนซาไปนานแล้วเหลือแค่กลิ่นไอดินที่อบอวลอยู่รอบๆ  อากาศยังคงชื้นอยู่ยิ่งทำให้เจ้าของร่างเล็กบนเตียงนุ่มเลือกที่จะปิดเปลือกตาสีมุกแล้วมุดเข้าซุกอกแกร่งของคนข้างๆแทนที่จะลุกออกไปอาบน้ำตามที่ตัวเองตั้งใจไว้  ซึ่งนั่นยิ่งสร้างความพอใจให้กับหนุ่มสัญชาติอเมริกันไม่น้อย 

    "แบม..หนาวเหรอ?"

    "อื้อ มาร์คกอด .."


    เจ้าของเสียงหวานพูดอู้อี้อยู่ในลำคอชั่วครู่ก็หลับตาต่อ มาร์คยิ้มขำในความขี้อ้อนปนขี้เซา แขนแกร่งกระชับกอดร่างนั้นให้แน่นขึ้น ใช้มือเกลี่ยผมที่ปรกออกพร้อมกับสำรวจดูใบหน้าของคนรัก ตั้งแต่หน้าผากมน ไล่ลงที่ดวงตากลมโตเมื่อเจ้าตัวยิ้มมันมักจะหยีเป็นสระอิเห็นแล้วละสายตาไม่ได้ทุกครั้ง หรือแม้กระทั่งจมูกนิดที่รับกับปากอวบอิ่มคล้ายเยลลี่สีสดที่เขาเคยฝังรอยจูบไว้ ทุกอย่างดูน่าหลงใหล และใช่เขาชอบ... ไม่สิ เรียกว่าคลั่งไคล้คงจะถูกกว่า



    เราทั้งสองเพิ่งเจอกันได้ไม่กี่เดือน


    ใครต่อใครจึงมักตั้งคำถามจำพวกว่า 'ทำไมถึงตัดสินใจคบกันเลยไม่คิดจะศึกษาดูใจกันหน่อยเหรอ เร็วไปรึเปล่า ถ้ารับนิสัยกันไม่ได้บอกเลิกกันจะเสียเวลาเปล่าๆ'

    เป็นคำถามที่ถูกจัดในหมวด คำถามโง่ๆ

     และใช่มาร์คกับแบมแบมเลือกที่จะเลี่ยงไม่ตอบ ทำแค่ส่งรอยยิ้ม เดินจูงมือกันผละออกมาจากสถานการณ์ตรงนั้น  เพราะถึงจะบอกเหตุผลไปคนเหล่านั้นก็คงไม่เข้าใจวิธีการก่อหวอดของพายุหรอก


    แรกเริ่มนั้นมาจากสายลมที่แผ่วเบา...

    ความบังเอิญในร้านกาแฟตอนที่บริษัททั้งสองโคกันเพื่อทำโปรเจ็คใหญ่ 

    แบมแบมฝ่ายมิเดียร์อาร์ต นั่งตรงข้ามกับ มาร์คต้วนฝ่ายกราฟฟิค

    ทั้งสองทำความรู้จักกัน

    แบมแบมชวนคุยพลางยิ้มให้เขาจนตาหยี มันเป็นยิ้มที่กระตุกหัวใจให้วูบลง 
    มันเป็นยิ้มที่สดใสเหมือนกับแสงอาทิตย์แรกแย้มในช่วงปลายฤดูหนาว
    เป็นครั้งแรกในชีวิตที่มาร์ครู้สึกสมองมึนเบลอไปครู่ใหญ่ตลอดบทสนทนาทั้งหมดเขาจับใจความได้แค่เสียงหวานๆ ใบหน้าที่มองแล้วไม่เบื่อ และรอยยิ้มนั่น

    เขาจึงตั้งชื่อรอยยิ้มนี้ว่า
    That damn smile


    แบมแบมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนไหนที่มาร์คเริ่มใกล้ชิดมากขึ้นเรื่อยๆ  รู้ตัวอีกทีก็ตอนเจ้าตัวบ่นว่าเหนื่อยพร้อมทิ้งตัวซบหัวลงที่ไหล่เขา ไม่นานก็ย้ายหัวทุยๆมาที่ตัก เพราะงานที่ยังคาอยู่ทั้งสองจึงตัดสินใจนอนเบียดบนโซฟาสีอ่อนในห้องสตูดิโอ คืนนั้นทำให้มาร์ครู้อีกอย่างหนึ่งว่าตัวของแบมนั้นหอมและนุ่มนิ่มมากแค่ไหน  การห้ามใจตัวเองไม่ให้เผลอเนียนกอดจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำเมื่อสบโอกาส


    นั่นคือวันที่เมฆฝนเริ่มก่อตัว

  • ระลอกของพายุเริ่มพัดเข้าชายฝั่งในงานวันเกิดของมาร์ค 

    เรามีปาร์ตี้เล็กๆกัน
    แค่เราสองคน
    กับไวน์และอาหารฝรั่งอีกไม่กี่อย่าง

    นั่งคุยไปดื่มไปจนเริ่มกรึ่มๆ
    แอลกอฮอล์ในเลือดยิ่งพลุ่งพล่าน

    ตอนที่กลิ่นไวน์ในมือกับกลิ่นครีมอาบน้ำอ่อนๆของคนข้างกายอบอวลปนเปอยู่ในอากาศ เมื่อลมหายใจแบมแบมผ่อนลงมาตามลำคอเขาอีกครั้ง มาร์คไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกนี้ว่าอะไร รู้ตัวอีกทีนิ้วเรียวยาวของตัวเองก็ไล่ไปตามกรอบหน้าหวานอย่างเนิบเนิ่น  ลูบเบาๆตรงปากอิ่ม


    แล้วหยาดฝนเม็ดแรกก็กระทบหน้าต่างพร้อมๆกับริมฝีปากของมาร์คที่ฉกชิงความหวานจากปากเขาไป เราจูบกันในห้องนั่งเล่น มันเป็นจูบแรกที่รวดเร็วและแผ่วบาง แต่กลับทำให้ก้อนเนื้อในอกเต้นอย่างบ้าคลั่ง ด้วยอะไรหลายๆอย่างอีกไม่กี่นาทีต่อมาจูบสองที่เนิ่นนานล้ำลึกกว่าเดิมจึงเริ่มต้นขึ้น และมันไม่ได้จบที่จูบสองจูบนั่น


    เริ่มเข้าเดือนที่ึ4 ของการคบกัน

    ไม่รู้สิ

    อนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไรก็ไม่อาจคาดเดาได้ 


    แต่


    มาร์คว่าเขาตัดสินใจถูก ตัดสินใจถูกตั้งแต่ได้สบตาครั้งแรกกัน 
    เพียงเสี้ยววินาที 
    เขาว่าเขาเห็น
    มาร์คเห็นอนาคตของตัวเองที่ส่อประกายออกมาจากแววตาของแบมแบม


    ความสัมพันธ์ของเราสองอาจรวดเร็วเหมือนพายุ แต่ถ้าถามถึงการยุติคงรอให้หิมะตกกลางฤดูร้อนก่อนกระมัง



Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in