เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
exhibisyeonprovdtha
[EVERGLOW] นักรบแห่งแสงสว่าง, เราเดินทางข้ามกาลเวลาเพื่อ "กอบกู้โลก"


  • บทวิเคราะห์สตอรี่วง EVERGLOW (เนื้อหาอัพเดทถึงเพลงล่าสุดคือ First เท่านั้น)



    ตั้งแต่เปิดตัวด้วย Bon Bon Chocolat มาจนถึงปัจจุบันในเพลง First เอ็มวีของทุกเพลงที่ผ่านมาดูจะมีสตอรี่บางอย่างที่กระจัดกระจายไม่รู้จะเชื่อมโยงยังไง เราขอเล่าทฤษฎีที่ตัวเองคิดขึ้นหลังจากนั่งส่ององค์ประกอบเล็กๆ น้อยๆ ที่ค่ายแอบใส่เข้ามาในเอ็มวี, ทีเซอร์, เนื้อเพลง, คอสตูม, โลโก้วง, physical albums และอื่นๆ เหมือนเอาจิ๊กซอว์มาต่อกันทีละชิ้นๆ จนเห็นเป็นภาพใหญ่ 



    ขอลิสต์ไว้เป็นลำดับแรกว่าสตอรี่วง EVERGLOW เกี่ยวข้องกับ:

    - แสงสว่างและความมืด

    - ดวงจันทร์ (และด้านหลังของมัน)

    - หลุมดำ

    - สุริยุปราคา

    - ทวีปแอนตาร์กติกา

    - การย้อนเวลา



    และรวบยอดได้ว่า EVERGLOW เป็น “นักรบแห่งแสงสว่าง” 

    (แอบอมยิ้มตอนพิมพ์นิดนึง แต่ก็ อันนี้แหละ /กลั้นขำ)


    เราจะแปะรูปที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลที่ใช้วิเคราะห์มารวมกันก่อน แล้วจะอธิบายในลำดับถัดไป แต่ทุกคนพอดูด้านล่างพวกนี้แล้วอาจจะเชื่อมโยงอะไรได้บ้างแล้วก็ได้ โดยเราจะแยกเป็นส่วนๆ คือ
    1) เวลาของเส้นเรื่องทั้งหมด
    2) เวลาของแต่ละเอ็มวี
    3) สถานที่ที่ดำเนินเรื่อง
    4) แสง-สี-สัญลักษณ์ประจำตัวของเมมเบอร์ และการสับเปลี่ยน
    5) ทำไม Everglow ถึงดูเหมือนจะมีเมมเบอร์ 7 คน
    6) ทฤษฎีวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง 
    7) สรุป


    *****


    ส่วนที่ 1) เวลาของเส้นเรื่องทั้งหมด

    โลโก้วงเรียงจากซ้ายไปขวา ตั้งแต่เดบิวต์จนเพลงล่าสุด

    “สังเกตว่า โลโก้หมุนทวนเข็มนาฬิกา” (credit: @sihyeoniverse)



    ดิถีของดวงจันทร์ หรือข้างขึ้น-ข้างแรม
    “สังเกตว่า วิถีแสงของดวงจันทร์ตามภาพสาธิตนี้ หมุนทวนเข็มนาฬิกา” (credit: timeanddate.com)


    ทำไมถึงเอาดวงจันทร์มาเกี่ยว เพราะในอัลบั้มแรกมีเพลงที่ชื่อว่า Moon (달아) และดูในเทรลเลอร์คัมแบค First เครื่องประดับหัวของอนดาเป็นรูปจันทร์ข้างขึ้น (Waxing Crescent | 초승달)


    รูปจำลองที่เราทำเอง จำลองมาจากโลโก้ของวง กและเครื่องหมายนิรันดร์-อินฟินิตี้ (∞) เพื่อบอกถึง “เส้นเวลา” ของการดำเนินสตอรี่นี้ โดยที่ สถานที่ หรือ เวลา ในเอ็มวี Bon Bon Chocolat กับเพลงใหม่จะซ้อนทับกัน วงสีน้ำเงินกับสีแดงที่ซ้อนทับกันในรูปข้างล่างนี้เราทำเพื่อหมายถึง มันจะเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ ของ EVERGLOW ทั้งสองครั้ง


    ดังนั้น คอนเสปหลักของเวลาในสตอรี่หรือ “Episode” นี้ คือการ “ย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้น”
    รูปนี้คือ ขอบฟ้าเหตุการณ์ (Event Horizon) ที่อยู่ใน VCR เปิดคอนเสิร์ต The First
    ซึ่งก็คือ ใจกลาง (Singularity) ในรูปที่เราวาดข้างบน คือวงสีน้ำเงินกับสีแดงที่ซ้อนทับกัน


    เหตุผลที่เพลงใหม่ กับ Bon Bon Chocolat จะมาบรรจบทับซ้อนกันก็เพราะซีนจบในเอ็มวี First มันเหมือนกับเสี้ยววินาทีแรกในเอ็มวี Bon Bon Chocolat เลย เป็นไปได้ว่ามันอาจจะ “ต่อกัน”
    (ซ้าย) ซีนจบเอ็มวี First เพลงล่าสุด
    (ขวา) ซีนเริ่มเอ็มวี Bon Bon Chocolat เพลงเดบิวต์


    *****


    ส่วนที่ 2) เวลาของแต่ละเอ็มวี

    1) Bon Bon Chocolat: เอาจริงส่วนตัวเราว่าชื่อเพลงมันค่อนข้าง random มาก เหมือนตั้งมาเพื่อให้สับสนว่าภาษาอังกฤษก็ไม่ใช่ คนฝรั่งเศสอ่านก็อาจจะงง อะไรคือ บงบงช็อกโกล่า (โกอัพทูเดอะสกาย) มันดูไม่มีความหมายทั้งทางตรงและทางอ้อม เอาคำมาสุ่มๆ ต่อกัน เราเลยคิดว่าจริงๆ เราต้องอ่านแบบตัวย่อคือ BBC มากกว่า เพื่อย่อให้เหลือแค่ BC หรือ Before Christ ก่อนคริสตกาล

    2) Adios: ในทำนองเดียวกับข้างบน คือเพิ่งเดบิวต์มาเพลงเดียวก็จะ อาดิโอส (ลาก่อน) แล้วเหรออออออ เราเลยคิดว่าควรย่อแค่สองตัวแรก กลายเป็น AD หรือ Anno Domini คริสตกาล และก็เป็นเอ็มวีที่เหมือนจะมีสตอรี่ซ่อนไว้มากที่สุดแล้ว

    3) Dun Dun: เรื่องชื่อเพลงไม่เกี่ยวแล้ว แต่เวลาในเอ็มวีนี้เป็นเหตุการณ์การสูญพันธุ์ยุคครีเทเชียส-พาลิโอจีน เมื่อ 66 ล้านปีก่อน หรือเหตุการณ์อุกกาบาตพุ่งชนโลกจนไดโนเสาร์สูญพันธุ์อย่างที่เรารู้จักกันดี เป็นการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ล่าสุดของโลกเรา

    4) La Di Da: กระโดดข้ามมายุคปัจจุบัน *ส่วนตัวเราคิดว่าลาดิดาเป็นคัมแบคที่โดดจากเพื่อนที่สุดในทุกๆ แง่ อาจเพราะค่ายจับกระแสเพลงแนว retro 80s ที่กำลังเป็นกระแสช่วงนั้นอยู่เลยออกมาแบบนี้ อย่างไรก็ตาม องค์ประกอบใน physical album ยังใบ้สตอรี่วงมาเหมือนกัน*

    5) First: โลกอนาคตซึ่งเป็นสถานที่ที่แท้จริงที่เมมเบอร์ทุกคนมีชีวิตอยู่ แต่ดันมีเหตุทำให้ทุกคนต้องย้อนเวลากลับไปจุดเริ่มต้นของโลกหลังจากเกิดการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่


    ดูจากการเรียงชื่อของแต่ละอัลบั้ม:
    Arrival of Everglow > Hush > Reminiscence > -77.82X-78.29 > Last Melody
    การมาถึงของเอเวอร์โกลว > ชู่ว > การหวนนึกถึงอดีต > พิกัดของทวีปแอนตาร์กติกา > เมโลดี้สุดท้าย


    บางคนอาจจะงงว่าถ้างั้น เวลาของดันดันก็ต้องมาก่อนอาดิโอส แล้วคัมแบคเพลงดันดันมาหลังอาดิโอสได้ไง เพราะการสูญพันธุ์ใหญ่มันมาก่อนคริสตกาลอยู่แล้ว แต่ถ้าดูจากชื่ออัลบั้ม Reminiscence ของดันดันล่ะก็ แสดงว่าดันดันก็เป็นแค่ “การนึกย้อนกลับไป” ของเมมเบอร์เท่านั้น ซึ่งศัพท์คำนี้ก็แปลตรงๆ ว่านึกย้อนกลับด้วย เลยไม่แปลกที่จะเอาคัมแบคดันดันมาต่อหลังอาดิโอส แม้ว่าเส้นเรื่อง ดันดันจะเกิดก่อนก็ตาม


    อีกทั้งเนื้อเพลงของ First ใบ้เรื่องเวลาที่วนกลับไปจุดเริ่มต้นไว้ (จริงๆ ก็ใบ้สตอรี่ไว้เกือบหมดเลย) เช่น “최후의 be first” = จุดจบคือจุดเริ่มต้น



    *****


    ส่วนที่ 3) สถานที่ที่ดำเนินเรื่อง

    1) Bon Bon Chocolat 
    - ใจกลางของหลุมดำ (Black Hole) สังเกตจากการบิดเบี้ยวของเส้นในฉาก
    ซึ่งในใจกลางหรือภาวะเอกฐาน เรียกว่า Singularity นั้น กาลเวลาและทุกๆ อย่างจะถูกพลังงานมหาศาลทำให้บิดเบี้ยว / ดูจากพื้นและฉากหลัง ที่จริงมันเป็นลู่วิ่ง แต่ฉากหลังเป็นลู่วิ่งหรือเส้นทางที่บิดเบี้ยวไปจากแรงกระทำของหลุมดำ


    2) Adios 
    - ยุค Renaissance ช่วงปี 1350-1620 AD ในยุโรป
    สังเกตจากรูปปั้นต่างๆ และเรเนซองส์ยังหมายถึง การเกิดใหม่ “จากยุคมืด (Dark Age)” ซึ่ง EVERGLOW ก็มีเนื้อเพลงที่บอกว่าตัวเองต้องเผชิญ/ต่อสู่กับความมืดอยู่เนืองๆ


    3) Dun Dun: 
    - ทวีปแอนตาร์กติกา พิกัดที่ -77.82X-78.29
    ทวีปแอนตาร์กติกาเป็นที่ตั้งของขั้วโลกใต้ ซึ่งขั้วโลกใต้นั้นมีทีมนักวิทยาศาสตร์นานาประเทศประจำสำรวจ พวกเขาพบทั้ง “ก้อนหินจากอุกกาบาต” ใต้ชั้นน้ำแข็ง และเกิดปรากฏการณ์ “แสงใต้ หรือออโรร่า” อยู่ประจำ (จำคำว่า แสง ไว้ให้ดีๆ)


    4) La Di Da 
    - โลกยุคปัจจุบัน บรรยากาศ Future Punk ซึ่งโดยมากหลังจากนั้นจะเริ่มเข้าสู่ Dystopia ตามกระแสสื่อบันเทิงหลัก


    5) First 
    - โลกอนาคต Dytopia / จากโฟโต้การ์ดจากอัลบั้ม Reminiscence หรือดันดัน (credit: @Wonny4TW) เวลาที่ Everglow อยู่จริงๆ คือปี ค.ศ. 2118 หรืออีกเกือบ 120 ปีข้างหน้า ส่วนสถานที่นั้นคือยานอวกาศ เนื่องจากโลกมนุษย์ไม่สามารถอาศัยอยู่ได้แล้ว เพราะล่มสลายจากการสูญพันธุ์ครั้งใหม่


    อวกาศ หลุมดำ แสงสว่าง แอนตาร์กติกา?


    *****


    ส่วนที่ 4) แสง-สี-สัญลักษณ์ประจำตัวของเมมเบอร์ และการสับเปลี่ยน

    ชื่อวงเก่าก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็น EVERGLOW คือ Ultra Violet


    สโลแกนแนะนำตัวของวง “Ready? All Light!”



    เรียงอายุเมมเบอร์
    อียู -- ชีฮยอน -- มีอา -- อนดา -- อาชยา -- อี๋เหริน


    จากแผ่นซีดีในอัลบั้ม Arrival of Everglow จะเห็นสีประจำตัวของแต่ละเมมเบอร์
    อียู = ม่วง | ชีฮยอน = แสด | มีอา = ชมพู
    อนดา = น้ำเงิน| อาชยา = เหลือง | อี๋เหริน = แดง

    อีโมจิประจำตัวแต่ละเมมเบอร์
    อียู = ผีเสื้อ? | ชีฮยอน = ส้ม?
    มีอา = สี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดสีคราม? | อนดา = ลูกเจี๊ยบ?
    อาชยา = หัวใจสีเขียว?| อี๋เหริน = ยูนิคอร์น?


    สังเกตว่าสีประจำตัวเมมเบอร์ไม่เรียงตามอายุ และไม่เรียงตามสเปคตรัมของสีรุ้ง (ใน Ultra Violet คือ ม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง แสด แดง) ถ้าเราลองสลับให้ทุกคนมาเรียงใหม่ตามสีประจำตัวกับสีของอีโมจิ เราจะสลับเฉพาะคนที่สีของอีโมจิกับสีประจำตัวไม่ตรงกันเท่านั้น แล้วมาทำให้ตรงตามสีของแสง UV  


    ซึ่งได้ตามนี้ “อียู (ม่วง) -- มีอา (คราม) -- อนดา (น้ำเงิน) -- อาชยา (เขียว) -- ชีฮยอน (แสด) -- อี๋เหริน (แดง)”


    จากข้างบน มีแค่อียูกับอี๋เหรินที่เป็นพี่ใหญ่กับน้องเล็กเท่านั้นที่ไม่สลับที่ เริ่มหัว-ปิดท้ายเพื่อให้รู้ว่าถ้ามีการเปลี่ยนแปลงอะไร มันจะสลับแค่ 4 คนข้างในเท่านั้น


    ถ้าเกิด EVERGLOW เกือบจะได้ชื่อ Ultra Violet จริงๆ
    แถมมีสีประจำตัวครบทุกคน แสดงว่ามันยังมีส่วนที่ขาดหายไป
    คือ แสงขาว และ สีเหลือง



    EVERGLOW กับการไขว่คว้าหาแสงสีขาว
    (ข้อสังเกตโดย @Wkimbap)



    *****


    ส่วนที่ 5) ทำไม Everglow ถึงดูเหมือนจะมีเมมเบอร์ 7 คน

    ไม่ใช่แค่เหตุผลทางธุรกิจที่ทำให้เอเวอร์โกลวน่าจะมีเมมเบอร์ 7 คน แต่สตอรี่ตั้งใจปูมาเพื่อที่จะมีเมมเบอร์คนที่ 7 อย่างชัดเจน ชัดมากกกกกกกด้วย แบบช้าดดดดดดดด *เน้นเสียง* ถ้าค่ายไม่พับแผนนี้ทิ้งไปซะก่อนเราก็อาจจะเห็นอะไรว้าวๆ ในเพลงใหม่ แต่ถ้าค่ายเกิดเปลี่ยนแผนกะทันหันก็ไม่เป็นไร เข้าใจได้ เพราะเปอร์เซ็นต์ก็ดูจะยากและค่ายก็คงค่อยๆ เปลี่ยนแผนอยู่ เราก็รอดูอยู่ว่าค่ายจะหาทางลงกับสตอรี่ที่ปูมาแล้วยังไง จะเพิ่มเติมสตอรี่ยังไงให้ดูลงสวยที่สุด แต่ที่จะเล่าต่อไปนี้คือยึดตามสตอรี่เก่าที่รวมๆ มาได้ก่อนนะคะ ถ้าในอนาคตเปลี่ยนแปลงยังไงก็...ตามนั้นค่ะ ฮ่า


    คือแบบนี้ ภารกิจของเอเวอร์โกลวมี 3 อย่าง
    1) ตามหาสีอีกสีนึง 
    2) ตามหาแสงที่หายไป
    3) กอบกู้โลกโดยการย้อนเวลากลับไปอดีต (ที่มา งานโชว์เคสคัมแบค Dun Dun อัลบั้ม Reminiscence ชีฮยอนเริ่มอธิบายนาทีที่ 36.18 “พวกเรามีเรื่องราวและจักรวาลเป็นของตัวเองค่ะ จักรวาลของเราคือ EVERGLOW นั้นมาจากอนาคตเพื่อกอบกู้และเยียวยาบาดแผลของโลกที่ถูกทำลายไปด้วยปัจจัยต่างๆ อย่างเช่นมลภาวะค่ะ คุณจะรู้ได้เลยจากการอ่านเนื้อเพลงเพลง No Lie”)


    ส่วนตัวเรา ถ้าค่ายไม่เพิ่มเมมเบอร์ใหม่ ก็ตัดข้อ 1 ออกไปได้ จะเพิ่มเมมเบอร์ที่พวกเราไม่คาดคิดมาแทนก็ได้ หรือต่อให้มีเมมเบอร์ 6 ก็ไม่กระทบข้อ 3 ซึ่งเป็นภารกิจหลักอยู่แล้ว จะตัด 2 ข้อแรกทิ้งไปดื้อๆ เลยก็ได้ เพราะสตอรี่ไม่ได้ใบ้ชัดเจนในตัวงานเพลง/เอ็มวีขนาดนั้น แต่เราคิดว่าข้อ 2 ก็กึ่งๆ จะตัดก็ได้ แต่ไม่ตัดจะดีกว่า เพราะมันก็เป็นกิมมิคของวง นั่นคือการตามหา “แสงขาว” ที่หายไป ทำไมถึงเป็นแสงขาว? คำตอบคือเพราะมันเป็นแสงที่เกิดจากสีทั้ง 7 หักเหผ่านปริซึมกระจก

    (credit: researchgate.net)


    ตัวอย่างฉากปรึซึมกระจกในเอ็มวี Bon Bon Chocolat 


    แสงขาวเป็นสิ่งที่จะใช้ต่อสู้กับความมืดมิด เพื่อนำพาทุกคนไปกอบกู้โลกได้
    แต่มันจะเป็นแสงขาวไม่ได้ ถ้าขาดสีใดสีหนึ่งไป
    รอดูกันว่า...เอเวอร์โกลวจะตามหา “สีสุดท้าย” ของตัวเองเจอไหม


    นอกจากเรื่องสีแล้ว ยังมีเรื่องดวงจันทร์ด้วย ลืมกันหรือยังนะ
    เราคิดว่า สีสุดท้าย = สีเหลือง = ดวงจันทร์
    ขอรีรันอีกรอบ




    ถ้าเกิดว่าการตามหาสีสุดท้ายเป็นก้าวแรกของภารกิจกู้โลก
    ดูที่ New Moon คือ จันทร์ดับ
    มันไปตรงกับความแตกตื่นของเราๆ ตรงที่ว่า ทำไมในเอ็มวีดันดันถึงมีดาว 7 ดวง แต่พอเอ็มวีเฟิร์สดันเหลือแค่ 6 ดวง ดาวที่ปลายแถวหายไปไหนแล้ว?


    DUN DUN

    FIRST

    ดาวดวงใหญ่ที่สุด = แสงขาว, ล้อมรอบด้วยบริวารอีก 7 ดวง


    แสดงว่าจริงๆ ดาวดวงนั้นมันไม่ได้หายไปไหนหรอก มันก็อยู่ตรงนั้นที่เดิม แต่แค่แสงมันดับไปเฉยๆ ซึ่งดาวดวงที่ดับแสงไป เราคิดว่าคืออี๋เหริน เพราะอยู่ปลายแถวสุดด้วยความเป็นน้องเล็ก บวกกับเป็นคนที่ต้องพรากจากเพื่อนๆ ในคราวแรกโดยลำพัง 

    ทำไมอี๋เหรินถึงกลายเป็นดาวที่ดับไป? จากไป? ไปไหน?



    *****



    ส่วนที่ 6) ทฤษฎีวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง 

    ข้างบนพูดถึงสีของแสง UV และปริซึมไปแล้ว มันก็จะเหลือ
    1) หลุมดำ -- ขอบฟ้าเหตุการณ์ -- ใจกลางของหลุมดำ
    2) สุริยุปราคา (ที่โผล่มาในต้นเทรลเลอร์คัมแบค First)


    ขอขอบคุณข้อมูลจาก -- มีอะไรอยู่ในหลุมดำของ Hawking 
    https://spaceth.co/what-is-inside-hawkings-backhole/
     เขียนโดย Jirasin Aswakool

    - หลุมดำ (Black Hole) = พื้นที่ในเอกภพที่มีแรงโน้มถ่วงสูงมาก แรงนั้นดึงดูดทุกอย่างเข้าไปหามันแม้กระทั่งแสง ซึ่งแม้แต่แสงที่เป็นพลังงานที่เคลื่อนที่เร็วที่สุดในเอกภพก็ไม่สามารถหนีไปจากหลุมดำได้

    - ขอบฟ้าเหตุการณ์ (Event Horizon) = ขอบเขตรอบๆ หลุมดำ ถ้าวัตถุ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือพลังงานใดๆ ผ่านขอบฟ้าเหตุการณ์ไปแล้วจะกลับออกมาไม่ได้ การเคลื่อนที่ดูเหมือนจะช้าลง และถูกแรงโน้มถ่วงของหลุมดำบีบอัดจนแหลกสลายกลายเป็นมวลอะตอม หน้าตาเหมือนที่เราแคปจาก VCR คอนเสิร์ตเลย หรือใครเคยดูหนัง Interstellar (2014) ก็จะนึกออก 

    เราคิดว่าสตอรี่ของวงได้แรงบันดาลใจอย่างมากมาจากทฤษฎีของสตีเฟน ฮอว์คิงที่ Interstellar นำเสนอผ่านหนัง คือ ทฤษฎีที่ว่าด้วยถ้าวัตถุใดๆ วิ่งเข้าใกล้ขอบฟ้าเหตุการณ์ มันจะถูกแรงโน้มถ่วงฉีกออกเป็น 2 ส่วน ส่วนนึงหลุดเข้าไปในหลุมดำ อีกส่วนนึงหนีออกไปจากขอบฟ้าเหตุการณ์ได้ ถ้าใครดูหนังเรื่องนี้คงจะจำฉากนั้นได้ว่าการถูกแบ่งออกเป็นสองคือแบบไหนนะ

    - ภาวะเอกฐานในใจกลางของหลุมดำ (Singularity) = พื้นที่ใจกลางของหลุมดำที่ถูกแรงโน้มถ่วงมหาศาลบีบอัดอยู่ข้างใน จนอะไรที่หลุดเข้าไปในพื้นที่นี้ก็จะไม่ทราบชะตากรรม อาจแหลกเหลว ระเบิดกระจุย หรือแม้แต่พื้นที่ตรงนั้นมันถูกบีบจนพาเราไปโผล่ที่อื่นในเอกภพ 

    - สุริยุปราคาเต็มดวง (Total Solar Eclipse) = เกิดจากดวงจันทร์เคลื่อนเข้าไปบังแสงดวงอาทิตย์ทั้งดวงในมุมองศาที่ดวงอาทิตย์ดูดวงเล็กลง ทำให้ผู้สังเกตบนโลกเห็นว่าดังจันทร์เคลื่อนบังอาทิตย์ได้ทั้งดวง



    *****


    ส่วนที่ 7) สรุป


    EVERGLOW คือ กลุ่มนักรบหญิงแห่งแสงสว่าง ที่มีชีวิตและอาศัยอยู่บนยานอวกาศในปี ค.ศ. 2118 หลังจากโลกเกิดการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่อีกครั้งนึงจนมนุษย์ไม่สามารถใช้ชีวิตบนโลกต่อไปได้ 


    เรื่องของปริภูมิ-เวลา หรือ Space and Time ได้รับการพัฒนาถึงขีดสุด มนุษย์เชื่อว่าเราสามารถเดินทางท่องเวลาได้ผ่านรูหนอน รูหนอนอาจจะพาเราไปที่ไหนและเวลาไหนก็ได้ แต่มันก็ไม่ได้พาเรากลับไปเจออดีตของโลกเราที่สิ้นสลายไปแล้ว เราคงต้องทำมากกว่าเดินทางเข้าสู่รูหนอน คือการเสี่ยงเข้าไปในหลุมดำที่ไม่รู้ปลายทางนั่นเอง แต่เพราะด้วยความเป็นปริศนาของมัน และแรงกระทำภายในหลุมดำที่มหาศาลจนจินตนาการไม่ออก มันทำอะไรกับมวลและพลังงานทุกอย่างที่มีในเอกภพได้ ถ้าลองเสี่ยงดูก็อาจจะสำเร็จหรือล้มเหลวทั้งนั้น แต่ไม่ลองก็คงไม่รู้ 


    เพราะฉะนั้นนักรบสาวแห่งแสง EVERGLOW ผู้ต้องการจะกอบกู้โลกมนุษย์ใบเดิมกลับมา ก็ต้องหาทางย้อนเวลากลับไปดูที่ต้นเหตุว่ามันเกิดอะไรขึ้น แล้วยับยั้งไม่ให้โลกของเราต้องพบเจอภัยร้ายแรง พวกเธอจึงเดินทางด้วยยานอวกาศไปถึงหลุมดำแห่งหนึ่งในเอกภพ ทว่าเมื่อเข้าใกล้ขอบฟ้าเหตุการณ์แล้ว ยานของพวกเธอถูกแยกส่วนออกเป็นสอง ส่วนหนึ่งหลุดเข้าไปในใจกลางของหลุมดำ อีกส่วนหนึ่งหลุดออกไปจากขอบฟ้าเหตุการณ์ได้


    ส่วนที่ถูกดูดเข้าไปใน Singularity คือ “อี๋เหริน” เพื่อนๆ อีกห้าคนคงไม่รู้ว่ามันสำเร็จจริงๆ น้องเล็กของกลุ่ม “ย้อนกลับ” ไปในช่วงที่สิ่งมีชีวิตทั้งหมดสูญพันธ์เมื่อ 66 ล้านปีก่อนได้ในที่สุด อี๋เหรินในคราบของอุกกาบาตตกลงมาในทวีปแอนตาร์กติกา พิกัด -77.82X-78.29 และหลับใหลอยู่ใต้ธารน้ำแข็งนับกาลนาน แทบจะเรียกได้ว่าเป็นนิรันดร์


    “‪하얀 눈꽃 위에 Stranger‬‬
    ‪마른 땅을 느낀 Ghost‬
    ‪다친 맘에 던져 Lonely in the night‬‬
    ‪왜 넌 떠났는지 Danger‬
    ‪And you got nowhere to go‬‬
    Truth is, we were in the Antarctica
    คนแปลกหน้าบนยอดแห่งหิมะขาว
    ภูติตนนั้นสัมผัสได้ถึงแผ่นดินแห้งแล้ง
    นึกถึงแต่หัวใจที่ปวดร้าวในค่ำคืนแสนเงียบเหงา
    ทำไมเธอถึงจากไป แล้วทิ้งฉันไว้ในที่อันตรายแบบนี้คนเดียว?
    ทั้งที่เธอก็ไม่มีที่อื่นให้ไปแล้ว
    เชื่อเถอะว่าพวกเราเคยอยู่ในแอนตาร์ติกา”
    ㅡ No Lie




    ระหว่างที่หลับไป อี๋เหรินยังคงฝันถึงเพื่อนๆ ของเธอไม่หยุดหย่อน ความฝันที่แปร่งประหลาดชวนสับสนแต่บางครั้งก็กลายเป็นฝันหวาน


    It’s not bad
    암흑 속을 지나 날아
    매일 상상했던 Twinkle star
    It’s not bad
    너를 만날 생각에 난
    아픔조차 못 느껴졌어 
    มันไม่ได้แย่นัก
    ระหว่างที่โผบินไปในความมืด
    ฉันนึกถึงแต่ดวงดาวระยิบระยับ
    มันก็ไม่ได้แย่หรอก
    แค่คิดว่าถ้าได้เจอเธอ ฉันก็ไม่เจ็บปวดแล้ว
    ㅡ Hush


    ดาวที่ดับแสงไปตอนเริ่มต้นเอ็มวี Dun Dun กับ First ก็คืออี๋เหรินที่หลุดเข้าไปในหลุมดำนั่นเอง ส่วนเพื่อนๆ อีกห้าคนนั้นคิดว่าตัวเองตัดสินใจถูกไหม จะตามอี๋เหรินกลับมาดีไหม ถ้าน้องเล็กกลับมา เธอยังจะเป็นคนเดิมอยู่หรือเปล่า? 




    Ah, we keep singing, this will be the last time
    Oh ah 우리 노래 퍼져 파편으로 맴돌아
    저물어갈 선율로 가득 채워질
    우리들의 Antarctica 슬프도록 빛나니까
    No no more goodbye
    เราเอาแต่ร้องเพลงเหมือนมันจะเป็นครั้งสุดท้าย
    บทเพลงของเรามันกระจายและโคจรไปรอบๆ เศษเสี้ยวพวกนั้น
    ที่นั่น...จะถูกเติมเต็มด้วยเมโลดี้ตัวหนึ่ง
    ที่นั่น...ที่แอนตาร์ติกาจะเปล่งแสงอย่างเศร้าสร้อย
    ได้โปรด อย่าพูดคำว่าลาก่อนอีกเลย”
    ㅡ Please Please


    พวกเธอควรต้องไปช่วยอี๋เหรินในฐานะทีมอยู่แล้ว แต่ไอ้หลุมดำนี่มันน่ากลัวนะ แล้วถ้าพวกเราเข้าไป เราจะได้ไปเจออี๋เหรินที่ปลายทางหรือเปล่า มวลดำมืดมหึมาซึ่งดูดแม้กระทั่งแสงสว่างจะทำลายตัวตนของพวกเราทิ้งไปไหม ก็เราเป็นนักรบแห่งแสงนี่? แต่ท้ายที่สุดแล้วอีกห้าคนที่เหลือก็ตัดสินใจก้าวข้ามผ่านความกลัว จับมือกันเพื่อเผชิญความมืดของเส้นทางที่ไม่เคยมีใครกล้าก้าวผ่าน เพราะพวกเธอขาดสีสุดท้ายอยู่แล้ว จะเสียอี๋เหรินเพิ่มไปอีกไม่ได้ ดังนั้น EVERGLOW อีกห้าคนจึงตามมาสมทบกับอี๋เหรินในที่สุด หลับใหล และรอเวลาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง


    끝이 없던 터널 끝에 숨겨둔 
    너를 위한 세상을 기대해

    ซ่อนตัวอยู่ที่ปลายทางของอุโมงค์อันไร้จุดสิ้นสุด
    เฝ้ารอคอยโลกใบที่ซ่อนตัวเธอไว้”
    ㅡ Bon Bon Chocolat

    참 길고 길었지 여기 우리 지금까지
    혼자 헤매이던 밤들과 끝 없어 보이던 길로
    널 만난 거야 반짝이며 날 비춰 준
    그 순간 시작됐던 우리 이야기의 시작

    มันนาน...นานมากเหลือเกิน
    ค่ำคืนที่ฉันต้องเดินทางลำพัง บนถนนที่ดูเหมือนจะไม่มีปลายทาง
    กระทั่งฉันได้พบเธอ เธอส่องแสงประกายมาที่ฉัน
    ณ เวลานั้น นั่นแหละคือจุดเริ่มต้นเรื่องราวของพวกเรา“
    ㅡ D+1




    잠들었던 꿈을 깨워 볼 차례
    눈이 부신 날들을 기대해
    늘 꿈 꿔왔던 너를 그려 봐
    너도 몰랐던 널 마주
    하게 되는 Time

    อี๋เหริน - ถึงเวลาตื่นจากฝันแล้วนะ
    ชีฮยอน - เฝ้ารอวันที่สดใสกำลังส่องประกาย
    อนดา - จงวาดภาพตัวเองอย่างที่ฝันไว้
    อาชยา,อียู - ถึงเวลาเผชิญหน้ากับตัวเองที่เธอไม่เคยรู้จักแล้วล่ะ”
    ㅡ Bon Bon Chocolat


    (ภาพ: เริ่มออกตัวบนลู่วิ่งใน Bon Bon Chocolat)


    이 순간을 기다린
    심장의 쿵쿵 떨림을
    더 크게 외쳐 Say
    준비가 됐어 준비가 됐어

    มีอา - รอเวลานี้มานาน
    ชีฮยอน - หัวใจมันเต้นด้วยความกังวล
    อนดา - แต่ตะโกนออกมาซะ
    มีอา - ว่าพวกเราพร้อมแล้ว เราพร้อมแล้ว!”
    ㅡ Bon Bon Chocolat


    Ah 새 하얗게 물든 캔버스에
    Ah 무지개 꿈 너를 그려 볼래

    อนดา - บนผืนผ้าใบสีขาวนั้น
    ฉันอยากจะวาดเธอลงในความฝันสีรุ้ง
    ㅡ Bon Bon Chocolat


    ในที่สุด EVERGLOW ก็ตื่นขึ้น และพร้อมออกเดินทางอีกครั้งในเพลง Bon Bon Chocolat (ฺBC - ก่อนคริสตกาล) และเมื่อมาถึงปี AD - Anno Domini - คริสตกาล หรือ Adios คุณจะรับรู้ได้เลยว่า “ตัวเราที่พวกเราไม่เคยรู้จัก” เป็นอย่างไร การเดินทางผ่านความมืดมิดของหลุมดำได้ทำลายตัวตนของพวกเธอไปมากแค่ไหน เนื้อเพลงของ Adios ทั้งเพลงราวกับคนที่ต้องต่อสู้กับความคิดในหัวตลอดเวลา พวกเธอกำลังสับสน เดี๋ยวยิ้ม หัวเราะ เสียใจ เศร้าสร้อย EVERGLOW กำลังเผชิญกับความไม่มั่นคงในจิตใจ ทั้งผลักไสตัวเอง แต่ก็ไม่อยากปล่อยหัวใจตัวเองไปเช่นกัน


    ใน Dun Dun เนื้อเพลงก็เล่าถึง “ความมืด” ที่กำลังเกาะกินหัวใจพวกเธอระหว่างการหลับใหลอันยาวนาน ความฝันที่ไร้แสงสว่างกำลังถือไพ่เหนือกว่านักรบแห่งแสง มันน่ากลัวซะจนธารน้ำแข็งยังป่นปี้และเหือดแห้งกลายเป็นทะเลทราย ไม่กล้าจะขยับตัวไปไหนทั้งนั้น 


    ความมืดไม่ได้ทำลายพวกเธอตรงๆ แต่สร้างความกลัวและเกลียดที่น่ากลัวยิ่งกว่าการทำร้ายรูปแบบไหนๆ ทว่า EVERGLOW ก็ค่อยๆ ฟื้นฟูจิตใจใน La Di Da สู้รบกับความรู้สึกแย่เหล่านั้นที่ความมืดของหลุมดำได้ฝากเอาไว้ พวกเธอกำลังเรียกสติตัวเองว่ามันจะไม่เหลือเวลาแล้ว อย่าไปฟังเสียงด้านลบในใจตัวเอง เลิก พอ แล้วรีบๆ ทำภารกิจต่อไปสักที ท้ายที่สุดจุดเริ่มต้นการกลับมาอย่างเต็มรูปแบบของนักรบแห่งแสงก็เกิดขึ้นในวันที่จันทร์เต็มดวง


    คุณรู้ใช่ไหมว่า ในยามค่ำคืน ทุกอย่างมืดมิดไร้แสงสว่าง อธนการ ช่วงเวลาแห่งความสับสนมืดบอด จะมีสิ่งเดียวที่ส่องสว่างอยู่ท่ามกลางความมืดสนิท นั่นคือ “ดวงจันทร์” เพราะฉะนั้น ดวงจันทร์จึงเป็นสัญลักษณ์ของกลุ่มนักรบแห่งแสงสว่างนาม EVERGLOW 




    แต่เพราะว่าพวกเธอยังขาด “สีสุดท้าย” อยู่ 


    그래 마지막 선율
    너를 구할 구할 구할
    อี๋เหริน - ใช่แล้ว โน้ตตัวสุดท้ายจะช่วยเธอเอง”   
    ㅡ First


    พวกเธอจำเป็นต้องมีโน้ตตัวสุดท้ายนั้น หรือก็สีสุดท้ายเพื่อให้ทีมของเธอสมบูรณ์แบบ แล้วโน้ต/สีสุดท้ายนั้นไปอยู่ที่ไหนซะล่ะ? จากเทรลเลอร์คัมแบค First ก็ฉายภาพ “สุริยุปราคา” ที่จันทร์เคลื่อนไปบดบังอาทิตย์อีกด้วย ไม่แน่ว่า...  




    이유 없이 자꾸만 니가 궁금해 매일
    그 어딘가 언제나 반쯤 가리어진
    달의 뒤쪽
    อาชยา - ฉันเอาแต่คิดถึงเธอไม่หยุดหย่อนอย่างไร้เหตุผล
    มีอา - เธอคนที่ซ่อนตัวครึ่งๆ กลางๆ
    อนดา - อยู่ด้านหลังของดวงจันทร์”
    ㅡ Moon


    널 보여줘 더 솔직히
    널 보여줘 더 확실히
    널 보여줘 그 어딘가 언제나 반쯤 가리어진
    달의 뒤쪽
    มีอา - เธอช่วยเปิดเผยอย่างจริงใจกว่านี้หน่อย
    อาชยา - ช่วยแสดงตัวให้ชัดเจนกว่านี้หน่อย
    ชีฮยอน - ช่วยเผยตัวเธอที่เอาแต่หลบๆ ซ่อนๆ
    อี๋เหริน - อยู่ที่ด้านหลังของดวงจันทร์ที”  
    ㅡ Moon


    ไม่แน่ว่า...สีสุดท้ายที่หายไปนั้น อยู่ด้านหลังของดวงจันทร์ที่แสงอาทิตย์ส่องไปไม่ถึง (คุณคงรู้อยู่แล้วว่าดวงจันทร์จะส่องแสงไม่ได้ถ้าไม่มีแสงสะท้อนจากดวงอาทิตย์) อีกอย่างคือ สีของดวงจันทร์ส่วนมากก็มักจะเป็น “สีเหลือง” อยู่แล้ว ตรงกับสีที่ขาดหายไปของทีม EVERGLOW เลยใช่ไหม?


    นี่คือ EVERGLOW บนด้านหลังของดวงจันทร์
    (เฉลยโลโก้แล้วว่า E วงใหญ่กว่า = ดวงอาทิตย์
    ส่วนตัว g วงเล็ก และตัวพิมพ์เล็ก = ดวงจันทร์)


    นอกจากนี้ การเกิดสุริยุปาราคาเป็นครั้งเดียวที่เราจะเห็นว่าดวงจันทร์จะกลายเป็นสีดำ เพราะถูกเงาปกคลุมจากการที่แสงดวงอาทิตย์ส่องไปไม่ถึง ทั้งๆ ที่ไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืน เราจะมองเห็นดวงจันทร์เสมอ เป็นทั้งสีขาว สีเหลือง และอื่นๆ แต่ถึงแม้ว่าสุริยุปราคาจะหมายถึงอาทิตย์ถูกบดบัง แต่ชีฮยอนก็ยืนยันในเพลง First ว่า


    이 세상 어디도 빛은 없단
    거짓에 속지는 말아줘 우리 함께

    อย่าไปหลงเชื่อคำโกหกที่ว่าโลกนี้มันไร้ซึ่งแสงสว่างแล้ว
     



    และอียูบอกว่า “ตรงเส้นแบ่งระหว่างค่ำคืนและรุ่งเช้า ย่ำรุ่งในช่วงตีห้าครึ่ง” นั่นแหละ จะเป็นช่วงเวลาอันน่าสับสนที่สุด เพราะว่าความมืดกำลังจะหมดไป แสงสว่างจะเข้ามาแทนที่ แต่มันก็จะทำให้ดวงจันทร์หรี่แสงลงไป ความครึ่งๆ กลางๆ ชวนอลหม่านของมันนี่แหละจะเป็นสนามสู้รบของพวกเธอ ที่ “โน้ต/สีสุดท้าย” จะปรากฏตัวขึ้นมาเช่นกัน


    ลูกแก้วสีน้ำเงินหมายถึงกลางคืน และลูกแก้วสีแดงหมายถึงกลางวัน ลูกแก้วที่ขนาดเท่ากันบอกถึงความเท่าเทียมของกลางวันและกลางคืนไว้ว่า...หลังจากที่โน้ตตัวสุดท้ายปรากฏตัวจากด้านหลังของดวงจันทร์อันไร้แสง หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ “ความมืด” แล้ว ใครคนนั้นจะรวมตัวกับ EVERGLOW กลายเป็นจันทร์เต็มดวงที่เจิ่ดจ้ายิ่งกว่าครั้งไหนๆ 


    EVERGLOW ในฐานะจันทร์ดวงใหม่จะส่องสว่างเทียบเท่ากับดวงอาทิตย์


    ความร้อนแรงของดวงดาวที่เปล่งแสงจ้าทั้งสองดวง เปลี่ยนสนามธารน้ำแข็งแอนตาร์กติกาให้แห้งขอดลงกลายเป็นทะเลทรายในทันที




    และภารกิจกอบกู้โลกอย่างเต็มรูปแบบของนักรบแห่งแสงสว่าง, ผู้มีจันทร์เต็มดวงเป็นสัญลักษณ์ และส่องประกายดั่งดาวฤกษ์, ก็เริ่มต้นขึ้น


    ดังนั้น คัมแบคหน้าเราอาจจะเห็นภารกิจที่ (1) สีสุดท้าย และ (2) แสงสีขาว สำเร็จแล้ว ส่วนคัมแบคหน้าโน้นก็คงเริ่มต้นเล่าถึงภารกิจที่ทำให้พวกเธอต้องย้อนเวลากลับมากอบกู้โลกสักที


    สรุปอีกทีจากรูปนี้ ดูตามลูกศรนะคะ เริ่มต้นที่ First ก่อน
    1) มนุษย์อาศัยอยู่บนโลกไม่ได้แล้ว EVERGLOW จึงหาทางย้อนเวลากลับมากอบกู้ (First)
    2) อี๋เหรินและเพื่อนเดินทางผ่านหลุมดำ (Bon Bon Chocolat)
    3) EVERGLOW ที่ตื่นขึ้นแล้ว และเริ่มสับสนในตัวเอง (Adios)
    4) เล่าย้อนไปช่วงก่อนอาดิโอส ตอนที่พวกเธอหลับใหลอยู่ในแอนตาร์กติกา (Dun Dun) ตามชื่ออัลบั้มว่า Reminiscence
    5) EVERGLOW ตื่นขึ้นอีกครั้งจากความสับสนและมืดมิดในใจตัวเอง (Bon Bon Chocolat)
    6) พวกเธอสลัดทิ้งความรู้สึกลบในใจได้ (La Di Da)
    7) เทรลเลอร์คัมแบคใบ้ว่าพวกเธอได้เดินทางไปยังด้านหลังของดวงจันทร์แล้ว (First) 
    8) การปรากฏตัวของโน้ต/สีสุดท้าย รวมกันเป็นแสงสีขาว (เพลงใหม่) ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นครั้งที่สามของ EVERGLOW เพื่อทำภารกิจหลักด้วย


    เป็นการวิเคราะห์จากสิ่งที่เชื่อมโยงจากองค์ประกอบเล็กๆ น้อยๆ รายทาง และไม่ยืนยันว่าเราจะจิ้นตรงกับแผนของค่ายนะคะ มาแค่เดาสนุกๆ ซึ่งค่ายก็คงมีคุยเรื่องสตอรี่วงกันอยู่ตลอดเพื่ออัพเดทตามสถานการณ์จริง ถ้ามันไม่ตรงกับที่เราคิดในงานชิ้นนี้ก็ถือว่าอ่านนิยายสักเรื่องก็แล้วกันนะคะ ฮ่า


    ขอบคุณที่อ่านมากๆ ค่ะ ขอให้สนุกกับผลงานของ EVERGLOW นะคะ 




Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in