หลี่เจิ้งไฉ่นั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟายาวสีทองตัวใหญ่ราวกับบัลลังก์ของชุดรับแขกสุดหรู กลางห้องที่ดูเหมือนเป็นห้องทำงานกว้างใหญ่ตกแต่งไว้ในแนวจีนโมเดิร์น รายล้อมด้วยภาพประดับผนังที่แฝงนัยถึงอำนาจอย่างเช่นรูปลายเส้นมังกรสีทองตัวใหญ่ หรือฝูงอาชาที่กำลังวิ่งไปกับเกลียวคลื่น มือของชายชราประสานกันไว้ที่หัวเข่าที่คลุมด้วยชายเสื้อของชุดถังจวงผ้าไหมสีดำสนิท ทอลายมังกรด้วยดิ้นสีทองละเอียดยิบ ท่าทีที่นิ่งเฉยหากใครไม่รู้คงคิดว่าชายชรากำลังนั่งเพื่อผ่อนคลายสบายอารมณ์ แต่อาจูพ่อบ้านคนสนิทและมือขวารู้ดีว่าเจ้านายของเขากำลังตื่นเต้นมากแค่ไหน เพราะนี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่เขาต้องเปลี่ยนถ้วยชาเย็นชืดที่ไม่ได้รับการแตะต้องแม้แต่น้อย
“ชาครับนาย” เสียงพ่อบ้านรายงานแผ่วเบาเมื่อเปลี่ยนชุดชาวางลงบนโต๊ะรับแขกตรงหน้าเจ้านายแทนชุดเก่าที่เย็นชืด
“อืม” ท่านหลี่รับคำสั้นๆ สายตาคมยังคงจับจ้องมุมหนึ่งของห้องที่จัดไว้คล้ายกับห้องพักในโรงพยาบาล เตียงสองเตียงที่ถูกจัดวางไว้คู่กัน ขนาบข้างด้วยเสาเหล็ก อุปกรณ์การแพทย์และจอใสอีกมากมาย
“มีการติดต่อมาบ้างรึยังอาจู” เสียงแหบต่ำแต่ทรงอำนาจถามด้วยน้ำเสียงไม่แสดงความรู้สึก
อาจูแอบยกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยเพราะรู้ว่าคำถามนั้นเป็นแค่การระบายความตื่นเต้น เขาอยู่ในห้องทำงานกับท่านหลี่แทบจะตลอดเวลา ดังนั้นถ้ามีการติดต่อเข้ามามีหรือที่ท่านหลี่จะไม่รู้
“ยะ..” เสียงเตือนที่ข้อมือดังขึ้นก่อนที่อาจูจะทันได้ตอบคำถามของเจ้านาย ใบหน้าชายชราหันมาทางเขาเล็กน้อย อาจูก้มหัวให้ท่านหลี่ก่อนจะเดินไปยังมุมทำงานของตนเองที่ประกอบด้วยชั้นหนังสือบิ้วท์อินขนาดใหญ่และโต๊ะไม้สักชั้นดี ชายวัยกลางคนแตะฝ่ามือของเขาลงบนกระจกโต๊ะ เส้นแสงสีขาวก็กระจายออกเป็นคีย์บอร์ดกับปุ่มอีกมากมาย ชั้นหนังสือบิ้วท์อินเลื่อนเปิดออกเผยให้เห็นจอ CCTV จากกล้องทุกตัวในคฤหาสน์ อาจูพรมนิ้วลงบนคีย์บอร์ด ตามด้วยปุ่มอีกสองสามปุ่ม ภาพโดรนโดยสารขนาดเล็กเหนือคฤหาสน์ที่กำลังรอลงจอดก็ขยายขึ้นกินพื้นที่จอทั้งหมด คนสนิทจึงใส่รหัสปิดระบบป้องกันภัยบางส่วนเพื่อให้โดรนลำเล็กลงจอดอย่างเงียบเชียบ
ชายชราที่นั่งนิ่งอยู่บนโซฟาราวกับไม่สนใจสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ขยับขาที่ไขว่กันลง มือสองข้างยกขึ้นมากอดอกเอาไว้แทน
“เราเริ่มงานได้เร็วที่สุดเมื่อไหร่อาจู” น้ำเสียงที่เคยมั่นคงดูเจือปนไปด้วยความตื่นเต้นและรีบร้อน
“ผมยังไม่ทราบครับ ยังบอกไม่ได้ ผมต้องตรวจ “สินค้า” ของเราให้แน่ใจซะก่อน” น้ำเสียงราบเรียบไม่แยแสกับความตื่นเต้นของผู้เป็นนายรายงานเหตุผลไปตามจริง จนทำให้เจ้านายที่นั่งอยู่พ่นลมออกจมูกเบาๆ อย่างขัดใจ แต่ก็ไม่ได้ต่อความว่าอะไรอีก ได้แต่นั่งเฝ้ารอสิ่งที่กำลังมาถึงอย่างใจจดใจจ่อ
เวลาเพียงแค่ไม่ถึง 10 นาที กลับดูยาวนานยิ่งกว่าหลายชั่วโมง หลี่เจิ้งไฉ่แทบจะระงับความกระวนกระวายของเขาเอาไว้ไม่ไหว ในใจของชายชราร้อนรนยิ่งกว่าเด็กที่เพิ่งได้ของเล่นใหม่ในวันคริสต์มาส สิ่งที่เขาเฝ้ารอมานานแสนนานในที่สุดเขาก็จะได้มาอยู่ในมือแล้ววันนี้ แม้เพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก็ตาม
ในที่สุดเสียงเคาะประตูห้องทำงานก็ดังขึ้น ท่านหลี่ผุดลุกขึ้นจากโซฟา ระหว่างที่อาจูเดินไปเปิดประตู ประตูหนาหนักของห้องทำงานเปิดออกเผยให้เห็นชายร่างยักษ์ในชุดพรางตารัดรูปสีดำสนิท หน้ากากที่พรางใบหน้าถูกถอดร่นขึ้นไปเพื่อเปิดให้เห็นใบหน้าชัดเจนว่าไม่ใช่ใครอื่นที่แฝงตัวเข้ามา บนบ่ามีร่างสีขาวของแองเจิ้ลส์น้อยที่ยังหลับสนิทไม่รู้สึกตัว ผิวขาวจัดมีสีชมพูปนระเรื่อ ผมสีขาวบริสุทธิ์ทิ้งตัวตามแรงโน้มถ่วง
อาจูผายมือไปทางมุมห้องในโซนที่จัดไว้เป็นห้องพยาบาล กู่จิ้นอันพยักหน้ารับแล้วก้าวเดินตรงไปทันที ช่างร่างยักษ์วางร่างของแองเจิ้ลส์สีขาวลงบนเตียงที่เล็กกว่าอย่างแผ่วเบา แล้วจึงหันมาทำความเคารพชายชรารูปร่างกำยำที่ดูคล้ายอยู่ในวัยกลางคนปลายๆ ที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ แต่ชายชรากลับไม่ได้สนใจการทำความเคารพของจิ้นอันสักเท่าไหร่ ท่านหลี่พยักหน้าเพียงเล็กน้อยแล้วเดินผ่านกู่จิ้นอันไปยังเตียงของแองเจิ้ลส์สีขาว สายตาคมกริบเป็นประกายระยิบระยับเมื่อมองแองเจิ้ลส์ที่กำลังหลับสนิทอยู่บนเตียง มือหยาบหนาเอื้อมไปแต่ทว่ากลับไม่กล้าสัมผัส ทำได้เพียงไล่มือหนาที่สั่นระริกไปเหนือร่างสีขาวที่บอบบางราวกับแก้วนั้นเท่านั้น
“โอ้.... สวย.. สวยมาก สวยเหลือเกิน เป็นสีขาวสนิทอย่างที่ว่าจริงๆ ซะด้วย เกิดมาฉันไม่เคยเห็นแองเจิ้ลส์สีนี้มาก่อนเลยในชีวิต น่าเสียดายที่ไม่ยอมกางปีก ฉันอยากจะเห็นนักว่าปีกสีขาวของมันจะสวยมากแค่ไหน จะสู้ปีกของดาร์คกับโกลด์ของฉันได้รึเปล่า น่าเสียดาย น่าเสียดายจริงๆ ที่จะมีชีวิตอยู่ได้อีกแค่ไม่นานแล้ว ถ้าไม่ติดว่าใกล้จะตาย ฉันคงได้ของล้ำค่าไว้ดูเล่นอีกตัวนึงแน่ๆ”
อาจูที่เดินตามเข้ามาหลังสุดจัดการจัดท่าทางของแองเจิ้ลส์บนเตียงให้อยู่ในจุดที่เหมาะสม แล้วล็อคข้อมือและข้อเท้าทั้งสองข้างของเด็กน้อยเอาไว้ด้วยเหล็กพิเศษบนเตียงที่ถูกสั่งทำมาเป็นพิเศษ เหล็กชนิดเดียวกับที่ใช้ทำปลอกคอสีดำของแองเจิ้ลส์ที่สามารถผ่านกระแสไฟฟ้าช็อตได้ทันทีที่มีการขัดขืน แม้จะเป็นแองเจิ้ลส์ที่โตเต็มที่ก็ยังไม่สามารถหลุดจากเตียงนี้ไปได้ง่ายๆ จากนั้นพ่อบ้านคนสนิทก็กดปุ่มหลายๆ ปุ่มข้างเตียง จอใสรอบๆ ก็ปรากฎค่าตัวเลขและกราฟวิ่งไปมาเมื่ออาจูนำแผ่นวงกลมเล็กๆ แปะไปตามจุดต่างๆ ของร่างแองเจิ้ลส์น้อย
“ทำได้ดีมากจิ้นอัน แล้วร่องรอยล่ะ” ชายชราหันมาให้ความสนใจกับชายร่างยักษ์ที่ยืนรออยู่ กู่จิ้นอันก้มหัวทำความเคารพอีกครั้ง
“รับรองได้ว่าไม่มีร่องรอยของเราเหลือครับ คนสนิทของผมถอยออกมาหมดแล้ว ชุดที่ใช้โจมตีเป็นคนใหม่ไม่มีประวัติทั้งหมด ถ้ามีใครถูกจับได้ พวกมันก็รู้อยู่แล้วว่าจะต้องทำยังไง ไม่มีใครรอดเป็นพยานได้แน่นอนครับท่านหลี่”
“ดีมาก แกอยู่ช่วยฉันแล้วก็กบดานอยู่ที่นี่ไปก่อนสักพัก ชุดโจมตีที่รอดมาก็ให้รางวัลไปแล้วส่งกระจายออกไปนอกประเทศให้หมด รางวัลของแกอาจูจะจัดการให้เอง ตอนนี้ไปพักซะ ห้องของแกฉันให้คนจัดห้องเดิมเอาไว้แล้ว”
“ขอบคุณครับท่านหลี่” ร่างยักษ์ของกู่จิ้นอันก้มคำนับอีกครั้งแล้วจึงหันหลังเดินกลับออกไปจากห้อง ท่านหลี่จึงหันกลับมาให้ความสนใจพ่อบ้านที่กำลังเช็คค่าต่างๆ บนจอใสบวกกับพรมนิ้วลงบนคีย์บอร์ดของคอมพิวเตอร์แลปที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ หัวเตียง
“เป็นไงบ้างอาจู เราเริ่มกันเลยได้มั๊ย”
“คงไม่ได้ครับนาย ผมไม่รู้ว่าคนของทางนั้นฉีดอะไรให้แองเจิ้ลส์ ถึงได้หลับสนิทในระดับที่ลึกมากขนาดนี้ แล้วเราก็ไม่รู้ว่าสารที่ฉีดเข้าไป ไปทำปฏิกิริยาอะไรกับเลือดของแองเจิ้ลส์มากแค่ไหน ทางที่ดีเราควรรอให้แองเจิ้ลส์ตื่นกลับมามีสติสมบูรณ์เหมือนปกติซะก่อน เพราะถ้าเราใช้เลือดของมันตอนนี้ อาจจะมีปฏิกิริยาที่เราคาดไม่ถึงจากสารที่ถูกฉีดไว้ก็ได้ครับ” อาจูรายงานทั้งๆ ที่มือยังคงคีย์ข้อมูลไม่หยุด
“ปัดโธ่ อยู่ตรงหน้าแล้วแท้ๆ ไอ้พวกสถาบัน ทำเรื่องให้มันวุ่นวายซะได้... ช่างเถอะ แกจัดการให้เสร็จก็แล้วกัน ได้เมื่อไหร่ก็เรียกฉัน”
“ครับนาย” พ่อบ้านรับคำสั้นๆ ท่านหลี่ยังคงยืนมองแองเจิ้ลส์สีขาวด้วยสายตาอันคมกริบต่อไปอีกสักพัก เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง จึงได้หันหลังกลับและเดินออกจากห้องไป
.
.
.
.
.
แบม.. แบม!!!
ที่นี่ที่ไหนเนี่ย.. แบมอยู่ไหน! แบม!!
ตอบเฮียสิแบม! เรียกเฮียสิ แบม!!!
.
.
.
แจ็คสันสะดุ้งตื่นเพราะความร้อนวาบที่กลางอก ความฝันสีขาวของเขาทิ้งความรู้สึกโหวงเหวงเอาไว้ต่างจากที่เคย เพราะมีเพียงเขาเท่านั้นที่เป็นฝ่ายเรียกหา ไม่มีเสียงเรียกชื่อเขาเหมือนครั้งก่อนๆ ชายหนุ่มมองไปรอบๆ ด้วยความแปลกใจ เขาอยู่ในห้องที่ไม่คุ้นเคย ห้องไม่กว้างมากนัก มีเฟอร์นิเจอร์ที่เรียบง่ายแต่ดูอบอุ่นแค่เพียงไม่กี่ชิ้น ผนังห้องที่ทำด้วยไม้กลับดูคุ้นตาอย่างน่าประหลาด แจ็คสันพยายามลุกขึ้นจากเตียง แต่ความปวดตุบที่ท้ายทอยทำเอาเขามึนงงไปชั่วขณะ ลำดับเหตุการณ์และเวลาดูห่างไกลกว่าที่ควรจะเป็น เขายกมือขึ้นนวดท้ายท้อยและสะบัดหัวเพื่อไล่ความมึนงง ก่อนจะเปิดประตูเพื่อออกไปดูว่าเขาอยู่ที่ไหนกันแน่
ที่นี่เหมือนจะเป็นชั้นสองของบ้านไม้หลังใหญ่ มีประตูลักษณะเดียวกันอยู่อีกสี่ประตู และบันไดสำหรับลงไปชั้นล่าง แจ็คสันได้ยินเสียงอะไรบางอย่างแว่วมาจากข้างล่างจึงตัดสินใจลงบันไดไปตามเสียงนั้นอย่างระมัดระวัง
“อ้าวเฮีย ตื่นแล้วเหรอ” ยูคยอมที่เดินออกจากห้องครัวทักทายเขาผ่านหน้าม้าหน้าเตอะ ชั้นล่างของบ้านทำให้เขาถึงบางอ้อ ว่าที่นี่คือฐานในป่าของ ACRI ที่เขาเคยมาเมื่อครั้งก่อน ตอนนี้คนของแผนกลาดตระเวนเกือบทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า ไรอัน ออสริค ลิซ่า ยองแจ กำลังนั่งคุยกันอยู่ที่โต๊ะ บ๊อบบี้นั่งดูข่าวอยู่ที่โซฟา มีเพียงเจบีเท่านั้นที่เขาไม่เห็นที่ชั้นล่างนี่
“อืม เกิดอะไรขึ้นเนี่ยยูคยอม ทำไมทุกคนมาอยู่ที่นี่กันหมด”
“อ้าว โทษทีนะเฮีย ผมคงลงมือกับเฮียแรงไปหน่อย เฮียก็เลยสลบไปยาวเลย ช่วยไม่ได้นี่นา ก็เฮียแรงเยอะเกินไป ดื้อจะวิ่งเข้าไปในควันพิษนั่นให้ได้ ผมเลยต้องทำแบบนี้ ตอนนี้ที่สถาบันปิดเพราะการโจมตีเมื่อคืน หน่วยเราถึงอพยพมาอยู่กันที่นี่ เจบีฮยองอยู่กับจินยองฮยองที่โรงพยาบาล แต่อีกสักพักก็คงกลับมาที่นี่ล่ะ”
“การโจมตี.. แบมแบม.. แบม!!” เสียงเล่าเรื่องของยูคยอมทำให้เหตุการณ์เมื่อคืนกลับมาแจ่มชัดในสมองของแจ็คสันอีกครั้ง ความร้อนที่กลางอกทำให้เขานึกถึงสิ่งที่ลืมไปได้ แองเจิ้ลส์ของเขากำลังตกอยู่ในอันตราย ไวเท่าความคิดชายหนุ่มจึงพุ่งตัวไปที่ประตู แต่มือของยูคยอมกลับดึงแขนเขาเอาไว้
“เดี๋ยวเฮีย!!”
“ปล่อยนะยูคยอม! ฉันจะต้องไปช่วยแบมแบม! แบมถูกพวกมันเอาตัวไปแล้ว! ฉันต้องไปช่วยเขา!!”
“แล้วเอ็งรู้หรือไงไอ้หนู ว่าแบมแบมอยู่ที่ไหน” เสียงสูงวัยของบ๊อบบี้ดังขึ้นระหว่างที่ทั้งสองกำลังยื้อยุดกัน แจ็คสันชะงักนิ่งไป เขาเห็นแบมแบมครั้งสุดท้ายตอนที่ชายร่างยักษ์ชุดดำนั่นพาขึ้นไปบนโดรนโดยสาร แล้วจากนั้นก็สลบไป เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแบมแบมอยู่ที่ไหน
“เอาน่าไอ้หนู ใจเย็นๆ ก่อนเถอะ มานั่งก่อน” เสียงบ๊อบบี้อ่อนโยนลงเล็กน้อย ชายชราร่างท้วมตบบ่าแจ็คสันที่ก้มหน้าคอตก แล้วพากันไปนั่งที่โต๊ะ
“พวกเรารู้แล้วนะเรื่องที่นายเป็นเมทของแองเจิ้ลส์ ไม่อยากจะเชื่อเลยล่ะ” ลิซ่าเอ่ยขึ้นเมื่อแจ็คสันกับยูคยอมนั่งลง
“นั่นสิ แมนนนน อยู่ดีๆ แองเจิ้ลส์จะมามีเมทเป็นมนุษย์ได้ ไม่เคยมีเรื่องแบบนี้มาก่อนเลย นี่ นายไปทำอะไรมารึเปล่า บอกกันบ้างสิ” ไรอันกระเซ้าหมายจะให้ชายหนุ่มอารมณ์ดีขึ้น แต่ก็ไม่เป็นผล แจ็คสันยกมือขึ้นลูบกลางหน้าอกเพื่อบรรเทาความร้อนวูบวาบและอารมณ์ของเขาที่พลุ่งพล่าน
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันไรอัน ว่ามันเป็นไปได้ยังไง... เรื่องนั้นน่ะช่างมันก่อนเถอะ แล้ว.. พวกที่มาโจมตีเราเมื่อคืนนี้เป็นใครฮะ มีใครรู้บ้างรึยัง เราจับพวกมันได้รึเปล่า ว่าไงยูคยอม นายจับพวกมันไว้ได้ใช่มั๊ย” แจ็คสันหันไปถามยูคยอมที่กำลังนั่งกินโกโก้เพื่อพยายามหาเบาะแส แต่เด็กยักษ์ก็ส่ายหน้าให้เขา
“พวกที่ถูกจับได้เมื่อคืนกินยาพิษฆ่าตัวตายไปหมดแล้วล่ะ วุ่นวายกันน่าดู บางส่วนหนีรอดไปได้ พวกที่หนีไม่ได้ก็ตายหมด เจบีโมโหแทบบ้าแน่ะ” ออสริคเล่าด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดไม่แพ้กัน
“ผมก็ลองเช็คประวัติพวกที่ตายแล้วนะเฮีย แต่ไม่มีใครมีประวัติอาชญากรรมเลย ขาวสะอาด ไม่รู้จะไปต่อยังไงเหมือนกัน” ยองแจยักไหล่ อย่างหมดหนทาง ในห้องถูกปกคลุมด้วยความเงียบ เพราะทุกคนกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก
“แต่ผมรู้” ยูคยอมที่นั่งกินโกโก้อย่างเงียบเชียบเมื่อสักครู่เอ่ยขึ้น ทุกคนหันไปมองหน้าม้าสีดำสนิทของยูคยอมเป็นตาเดียว “ก่อนโดรนนั่นจะบินออกไป ผมยิงตัวติดตามได้พอดี ตัวติดตามตัวใหม่ของยองแจฮยอง ที่บอกว่าจะไม่มีชุดตรวจจับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ไหนตรวจพบน่ะ ถ้ามันได้ผลล่ะก็นะ”
“ปัดโธ่!! แล้วทำไมไม่รีบบอกเล่ายูคเอ๊ย!!”
“อ้าว ก็ไม่มีใครถามนี่นา แถมทุกอย่างมันก็ยุ่งวุ่นวายไปหมด ผมกะว่าจะบอกตอนเจบีฮยองกลับมาประชุมกับเราน่ะ” ยูคยอมค้านเสียงอ่อย ยองแจรัวนิ้วลงบนแป้นโน๊ตบุคเก่าคร่ำครึของตัวเอง แล้วส่งภาพฉายลงที่กระจกกลางโต๊ะประชุมทันที แผนที่จากภาพถ่ายทางอากาศที่ถูกปกคลุมด้วยเส้นสีฟ้าเป็นคลื่นคล้ายแผนที่ภูมิอากาศปรากฎขึ้นกลางโต๊ะประชุม เส้นสีฟ้าส่วนใหญ่กระจายออกเป็นวงกว้างๆ มีเพียงจุดหนึ่งเท่านั้นที่กระจุกตัวกันหนาแน่นจนเป็นสีเข้ม
“นี่ไง อยู่นี่เอง” ยองแจชี้จุดตรงที่เป็นสีฟ้าเข้มที่สุด ทุกคนจึงรุมกันเข้ามาดู
“นี่มันเขตที่อยู่อาศัยนี่นา จุ๊ๆๆ ย่านคนรวยซะด้วย” ไรอันเพ่งเข้าไปใกล้ๆ แผนที่
“แย่แล้ว ตรงนั้นมัน.... ให้ตายสิ! เราลำบากแน่ๆ” ชายชราขยับหมวกเบสบอลอย่างอึดอัด เหงื่อเม็ดเล็กซึมตามกรอบใบหน้าที่อวบอูม
“ลำบากยังไงฮะ บ๊อบบี้ ลุงรู้เหรอว่าตรงนั้นมันที่ไหน” แจ็คสันแทบจะเก็บความร้อนใจเอาไว้ไม่ไหวจนเกือบจะเขย่าแขนบ๊อบบี้เพื่อขอคำตอบ ชายชราร่างท้วมเท้าแขนทั้งสองข้างลงกับโต๊ะ จ้องดูที่จุดสีฟ้าราวกับต้องการให้มันเคลื่อนไปที่อื่น ทุกคนในห้องต่างก็เงียบเฝ้ารอคำตอบ สายตาหนักใจกวาดตาดูเพื่อนร่วมทีมที่กำลังเฝ้ารอ ก่อนจะถอนหายใจออกมา
“เฮ้ออ.. นั่นมันคฤหาสน์ของหลี่เจิ้งไฉ่น่ะสิ ระบบความปลอดภัยที่นั่นแน่นหนายิ่งกว่าอะไรดี แบมแบมคงอยู่ที่นั่นจริงๆ นั่นแหละ ในตลาดมืดใครๆ ก็รู้ว่าหลี่เจิ้งไฉ่หลงใหลแองเจิ้ลส์มากแค่ไหน”
“หลี่เจิ้งไฉ่งั้นเหรอ!” เสียงเจบีดังขึ้นจากโถงทางเข้า ทุกคนจึงได้หันไปมอง เจบีกับจินยองกำลังเดินเข้ามาพร้อมใครอีกคน
“มาร์ค! นายมาได้ไง!” แจ็คสันลุกพรวดเมื่อเห็นชัดว่าคนที่เดินตามหัวหน้าเขามาคือเพื่อนสนิทของเขาเอง
“ฉันเห็นข่าวสถาบันโดนโจมตีเมื่อเช้าก็เลย ไปที่โรงพยาบาลที่เค้าบอกว่ามีเจ้าหน้าที่ที่บาดเจ็บอยู่ เพราะคิดว่านายจะบาดเจ็บอีกน่ะสิ แล้วก็เลยบังเอิญเจอคุณแจบอมกับคุณจินยองเข้า”
“เพื่อนนายตื้อจะตามมาให้ได้ ฉันบอกว่านายไม่เป็นอะไรก็ไม่เชื่อ คนอะไรดื้อชะมัดยาด” จินยองขัดด้วยเสียงเย็น พร้อมสายตาคมกริบคาดโทษไปยังแจ็คสัน
“ขอโทษครับฮยอง” ชายหนุ่มก้มหัวเพื่อขอโทษขอโพย แล้วส่งสัญญาณให้มาร์คเดินมาอยู่ข้างๆ
“ไม่เป็นไร ฉันบอกเค้าเองว่ามาได้ เพราะยังไงวันนี้สถาบันก็ถือว่าปิดอยู่ เท่ากับว่านายไม่ได้ทำงาน ว่าแต่เรื่องหลี่เจิ้งไฉ่นี่มันยังไง” เจบีเดินแทรกเข้ามาที่โต๊ะเพื่อดูแผนที่ที่กำลังทำงานอยู่ แล้วหันไปคุยกับบ๊อบบี้และคนอื่นๆ ยูคยอมลุกออกจากที่นั่งเพื่อให้มาร์คนั่งแทน แล้วเดินไปหาจินยอง
“ฮยองเป็นยังไงบ้างฮะ” เด็กยักษ์ถามเสียงอ่อย จินยองจึงยิ้มให้บางๆ แล้วขยี้ผมทรงกะลาครอบของยูคยอม
“ฉันไม่เป็นไร แค่หัวแตกนิดหน่อย สแกนดูหมดแล้ว ทุกอย่างโอเคนายไม่ต้องเป็นห่วง นายก้าวหน้าขึ้นมากนะ ที่เห็นฉันเป็นแบบนั้นแล้วยังมีสติอยู่ได้ ไม่อาละวาดไปซะก่อน” ยูคยอมยิ้มรับคำชมจากหัวหน้าแผนกวิจัยอย่างยินดี แล้วกลับไปรวมกลุ่มกับทุกคนที่กำลังเคร่งเครียดอยู่ที่โต๊ะประชุมใหญ่
“ทำไมอยู่ดีๆ ท่านหลี่คนนั้นถึงมายุ่งวุ่นวายกับเราได้ เค้าก็น่าจะรู้นี่นาว่าแองเจิ้ลส์ของสถาบันไม่ควรแตะต้อง แล้วปกติเค้าก็ไม่กล้ายุ่งอยู่แล้ว” ออสริคตั้งข้อสงสัย
“หรือว่า พวกที่มาเอาเลือดของแบมแบมก็จะเป็นคนของหลี่เจิ้งไฉ่มาตลอดคะหัวหน้า พอตอนนี้รู้ว่าแบมแบมกำลังจะจับคู่ แล้วถ้าหาเมทไม่เจอเค้าก็จะตาย ก็เลยมาลักพาตัวแบมแบมไปเพื่อจะเอาเลือดจากตัวแบมแบมไปเก็บไว้ก่อนเด็กคนนั้นจะตาย” ลิซ่าตั้งข้อสันนิษฐาน แต่ความโหดเหี้ยมในข้อสันนิษฐานนั้นทำเอาแจ็คสันต้องกุมหัวใจไว้ด้วยความเจ็บปวด เพียงแค่คิดว่าแองเจิ้ลส์น้อยของเขาจะต้องถูกถ่ายเลือดออกไปจนหยดสุดท้าย
“ที่แน่ๆ ผมรู้แล้วว่าใครเป็นคนให้ความร่วมมือกับพวกนั้นนะฮะเจบีฮยอง”
“ใคร? ยองแจ!! ใครเป็นคนทำ?” เสียงเจบีแข็งกร้าวจนเกือบจะกลายเป็นเกรี้ยวกราด
“คุณคัง” คำตอบของยองแจทำเอาเสียงฮือฮาดังระงม เพราะใครๆ ก็รู้ว่าคังจุนซาเป็นซีอีโอที่เป็นบุตรชายของคังจุนโฮ ผู้ก่อตั้งสถาบัน ACRI นี้ขึ้นมาโดยมีความรักในแองเจิ้ลส์เป็นสาเหตุสำคัญ ถึงแม้คังจุนโฮจะเสียชีวิตไปหลายปีแล้วก็ตาม แต่คังจุนซาที่ขึ้นมาเป็นหนึ่งในซีอีโอก็ได้รับปากจะสานต่อปณิฐานของบิดาเป็นอย่างดี อีกทั้งเมื่อเช้าเขายังร้องไห้ร้องห่มในข่าวแทบจะทุกช่อง ว่าแองเจิ้ลส์ที่แสนสำคัญของสถาบันถูกลักพาตัวไป และจะต้องตามกลับคืนมาให้ได้
“เป็นไปได้ยังไง” ออสริคอุทานอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“มันเป็นไปแล้วออส ฉันกู้ข้อมูลที่ถูกลบไปทุกครั้งที่มีคนเข้าไปที่โดมเล็กของแบมแบมนอกจากเจบีฮยองกับจินยองฮยองดูแล้ว ทุกๆ สามเดือน ช่วงสองถึงสามทุ่มจะต้องมีไฟล์ที่ถูกลบแน่ๆ อยู่ เป็นระยะเวลาที่ค่อนข้างมีนัยยะ แล้วการ์ดที่ใช้เข้าไปที่โดมโดยที่ไม่มีใครรู้ กับรหัสผ่านที่ใช้ลบไฟล์โดยที่ฉันไม่รู้ได้ ก็เป็นของคนคนเดียวกัน คือของคุณคังที่เป็นซีอีโอเรา”
ปึ๊ก!! เสียงหมัดของหัวหน้าแผนกลาดตระเวนทุบลงกับโต๊ะสร้างบรรยากาศมาคุให้แผ่กระจายไปรอบห้องทันที ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหัวหน้าแผนกลาดตระเวนตอนนี้กำลังเดือดมาแค่ไหน จินยองเป็นคนเดียวที่กล้าลุกขึ้นไปตบบ่าเจบีเพื่อเตือนสติ เจบีจึงผ่อนลมหายใจยาวเพื่อควบคุมอารมณ์
“เรื่องนั้นช่างมันก่อน ตอนนี้เราต้องโฟกัสเรื่องเอาตัวแบมแบมออกมาให้ได้เร็วที่สุด ยิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งมีโอกาสรอด เพราะเมทของแบมแบมอยู่กับเรา ไม่ว่าจะบาดเจ็บหรือเสียเลือดมากแค่ไหน แต่ถ้าแบมแบมจับคู่ได้ทันเวลา พลังรักษาระหว่างเมทของแองเจิ้ลส์ก็น่าจะทำให้เด็กคนนั้นรอดชีวิตได้” จินยองเตือนสติ ทุกคนในห้องจึงหันไปมองแจ็คสันโดยไม่ได้นัดหมาย มีเพียงมาร์คที่มองคนนั้นทีคนนี้ทีอย่างงุนงงว่าทำไมทุกคนถึงได้มองเพื่อนเขา หรือทุกคนจะรู้แล้วว่าแจ็คสันแอบรักแองเจิ้ลส์อยู่
“แทบไม่มีทางเป็นไปได้.. คฤหาสน์ของหลี่เจิ้งไฉ่มีระบบรักษาความปลอดภัยเฉพาะตัวที่หนาแน่นมาก ฉันกับยองแจเคยลองหาทั้งพิมพ์เขียวทั้งข้อมูลระบบซิเคียวข้างในคฤหาสน์ในตลาดมืดดูแล้วยังไม่เจอเลย แล้วเราจะลอบเข้าไปช่วยแบมแบมอกมาได้ยังไง ที่เรามีอยู่ตอนนี้ก็แค่แปลนคร่าวๆ ของคฤหาสน์ กับระบบป้องกันภายนอกเท่านั้นเอง” บ๊อบบี้เอ่ยขึ้นอย่างหนักใจ แต่ก็ส่งข้อมูลแบบแปลนที่มีอยู่ลงไปที่โต๊ะประชุม
“ที่ป่าด้านหลังนี้ล่ะบ๊อบบี้” ลิซ่าชี้ไปยังจุดที่ดูเหมือนเป็นป่าติดกับกำแพงคฤหาสน์ “กำแพงด้านที่ติดกับป่ามีกระแสไฟฟ้าแรงสูงกับกล้องตรวจจับความเคลื่อนไหว แม้แต่นกถ้าบินเข้าไปใกล้ยังถูกยิงจนไม่เหลือแม้แต่ซาก” ชายชราแจกแจง
“ถ้าเราลอบเข้าไปทางอากาศล่ะ” ออสริคออกความเห็นบ้างพร้อมชี้ไปยังจุดที่คิดว่าน่าจะเป็นจุดอับสายตา “เหนือคฤหาสน์มีเกราะไฟฟ้า ลงไปจากตรงไหนถ้าเกราะยังเปิดอยู่แม้แต่เส้นผมก็ไม่เหลือ” บ๊อบบี้ตอบไปทันควัน หลังจากนั้นแผนกลาดตระเวนทุกคนต่างถกเถียงเพื่อช่วยกันหาจุดบอด และหาวิธีที่จะเข้าไปในคฤหาสน์แต่บ๊อบบี้ก็ดับความหวังไปได้ซะทุกครั้ง ทั้งที่ข้อมูลเป็นแค่ระบบป้องกันภัยภายนอกเท่านั้น ไม่รวมข้อมูลระบบป้องกันภับภายในคฤหาสน์ที่ยังไม่มีข้อมูลอีกมากมาย ความหวังของทุกคนเริ่มริบหรี่ลงเรื่อยๆ
“เอ่อ.. ขอโทษครับ” เสียงของชายหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาดังขึ้นแทรกระหว่างที่ทุกคนกำลังถกเถียงกัน ทำเอาแผนกลาดตะเวนชะงักแล้วหันไปมองที่มาร์คเป็นตาเดียว
“คุณมาร์ค มีอะไรรึเปล่า” เจบีเอ่ยปากถามในที่สุด
“ถ้าลอบเข้าไปไม่ได้ ก็เข้าไปตรงๆ เลย ไม่ดีกว่าเหรอครับ” เศรษฐีหนุ่มตอบมาหน้าตาเฉย
“เข้าไปตรงๆ ยังไงล่ะ จะให้พวกเราเข้าไปเคาะประตูแล้วบอกว่าขอพบท่านหลี่หน่อยรึไง ฮ่ะๆๆๆ” ไรอันอดขำในความคิดของมาร์คไม่ได้ เพราะเขาไม่รู้จักชายหนุ่มเพื่อนของแจ็คสันที่เขาเพิ่งเคยเห็นหน้า
“ใช่ครับ เข้าไปตรงๆ นี่แหละ เอ่อ.. เท่าที่ผมฟังพวกคุณมา ผมเข้าใจว่าท่านหลี่ลักพาตัวแองเจิ้ลส์ของสถาบันไป” สายตามาร์คแอบลอบมองแจ็คสันที่ดูกระวนกระวายกว่าปกติ “แล้วแองเจิ้ลส์คนนั้นก็ดูเหมือนว่าจะมีค่ามาก เพราะไม่เหมือนแองเจิ้ลส์คนอื่นๆ ก็น่าจะมีนักสะสมคนอื่นที่อยากได้เหมือนกัน ถ้าใครสักคนในหมู่พวกคุณปลอมตัว แล้วเข้าไปกับผม ผมสามารถแจ้งท่านหลี่ได้ ว่าผมพาคนที่ต้องการซื้อแองเจิ้ลส์มาพบ แล้วเราก็น่าจะเข้าไปข้างในได้นะ” เสียงฮือฮาในห้องดังขึ้นรอบโต๊ะประชุมเมื่อมาร์คพูดจบ
“นายเป็นใครกันถึงทำแบบนั้นได้น่ะ” ออสริคถามขึ้นมาอย่างหวาดระแวง
“อ้อ เอ่อ ผมขอโทษครับที่ไม่ได้แนะนำตัว พอดีคุณแจบอมกับคุณจินยองรู้จักผมแล้ว ผมก็เลยคิดว่าทุกคนจะรู้เหมือนกัน ผม.. เอ่อ...”
“มาร์ค ต้วนอี้เอิน ลูกชายคนโตของตระกูลต้วน ทายาทคุณเรย์มอนเจ้าอณาจักรอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดตอนนี้” เสียงจินยองเอ่ยสรรพคุณเต็มยศของคนที่ลำบากใจจะแนะนำตัวออกมาเรียบๆ ทำเอาคนที่เพิ่งได้รู้อ้าปากค้าง มาร์คถึงกับต้องเกาหัวแก้เก้อเมื่อเห็นสายตาของทุกคนที่จ้องมา
“ถ้าอย่างนั้น คนระดับนี้จะขอพบหลี่เจิ้งไฉ่ก็คงไม่มีปัญหาสินะคะหัวหน้า ถ้าเราวางแผนดีๆ ละก็ น่าจะพอมีทางอยู่นะคะ” ลิซ่าที่ตั้งสติได้ก่อนเพื่อนดึงกลับเข้าประเด็น
“ปัญหาคือใครจะเข้าไปกับเขา” เจบีที่นิ่งคิดถึงวิธีการตั้งแต่มาร์คยื่นข้อเสนอ “พวกเรากับหลี่เจิ้งไฉ่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมานาน คนของเราคงถูกแบล็กลิสต์รูปร่างหน้าตาเอาไว้หมดแล้ว ถึงจะบอกว่าให้ปลอมตัวก็เถอะ แต่ถ้าเกิดข้างในนั้นมีระบบอะไรที่ป้องกันการปลอมตัวอยู่ด้วยล่ะ จะเป็นการเสี่ยงที่ไม่คุ้มเสีย”
“ถ้าเรื่องนั้นผมมีตัวเลือกในใจอยู่”
“ใคร” เจบีถามอย่างสงสัย มาร์คจึงลุกขึ้นแล้วตบบ่าแจ็คสัน “แจ็ค เพื่อนผม แล้วก็ เด็กคนนั้น” มือหนุ่มหล่อชี้ไปหายูคยอม ยูคยอมจึงชี้มือเข้าหาตัวเองอย่างงงๆ
“แจ็คเคยไปออกงานของท่านหลี่กับผม คนของท่านหลี่คงพอจะคุ้นหน้าเค้าอยู่บ้างในฐานะเพื่อนผม แต่ไม่มีใครรู้จักว่าเขาเป็นใคร ทำอะไร หรือแม้แต่ทำงานที่ไหน แจ็คเพิ่งจะเข้าฝึกงานได้ไม่นาน คนของท่านหลี่คงจะยังไม่น่าจะมีข้อมูลของเด็กธรรมดาๆ ที่เข้ามาฝึกงานในสถาบันหรอก จริงมั๊ยครับ เพราะฉะนั้นกรณีนี้แจ็คสันน่าจะเหมาะที่สุดที่จะปลอมตัวเข้าไปกับผม เราจะบอกว่าเค้าเป็นมหาเศรษฐีที่ชอบสะสมแองเจิ้ลส์อีกคนที่ได้ข่าวเรื่องแองเจิ้ลส์ของท่านหลี่ แล้วก็อยากจะขอซื้อ ส่วนเด็กชุดดำคนนั้น แจ็คเล่าให้ผมฟังบ่อยๆ ว่าเค้าเก่งมาก ทรงผมก็ไม่เคยเปลี่ยน เพราะฉะนั้นถ้าจะปลอมตัวละก็แค่เปลี่ยนทรงผมก็น่าจะไม่มีใครจำได้แล้ว ให้เค้าเข้าไปในฐานะบอดี้การ์ดของพวกเรา เท่านี้ก็คงพอ ถ้าคนเยอะเกินไปมันจะมีพิรุธ” มาร์คเสนอพร้อมเหตุผลรับรองเป็นฉากๆ
“ท่านหลี่เพิ่งจะพาตัวแบมแบมไปได้ไม่ถึงวัน ก็มีคนไปติดต่อขอซื้อแล้ว มันจะไม่น่าสงสัยไปหน่อยเหรอ” จินยองแย้งขึ้นมาด้วยความสงสัย
“ไม่หรอกครับ ผมว่าในพวกคุณน่าจะมีคนรู้ ว่าข้อมูลในตลาดมืดมันไปได้เร็วมากแค่ไหน ใช่มั๊ย” บ๊อบบี้พยักหน้าเห็นด้วย “ที่เหลือคือต้องวางแผนให้ดี พวกคุณที่เหลือก็เป็นกำลังเสริมคอยช่วยเหลือจากด้านนนอก ผมว่ามีโอกาสเป็นไปได้สูง” รอบโต๊ะประชุมยังคงมีเสียงพึมพำถึงความเป็นไปได้และช่องโหว่รวมถึงแผนการที่รัดกุมกว่า
“ผมจะทำ!!” แจ็คสันลุกพรวดขึ้นมาอย่างคนที่ตัดสินใจแล้ว “เจบีฮยอง จินยองฮยอง ผมจะทำอย่างที่มาร์คบอก ถึงแม้แผนการนี้จะเหลือแค่ผมกับมาร์คสองคน ผมก็จะทำ! ผมรอต่อไปอีกไม่ได้แล้ว ถึงแม้ว่าผมจะฝึกงานไม่สำเร็จ หรืออาจจะถูกไล่ออก หรือแม้แต่จะต้องตายอยู่ในนั้นก็ตาม อีกไม่นานยาที่จินยองฮยองฉีดให้แบมแบมก็จะหมดฤทธิ์ ระหว่างนั้นพวกมันจะทำอะไรกับแบมไปแล้วบ้างก็ไม่รู้ แค่คิดว่าแบมจะเป็นอันตรายมากแค่ไหน หรือหวาดกลัวมากแค่ไหนตอนที่เค้าตื่นขึ้นมา หัวใจผมมันก็เจ็บไปหมด ผมสัญญาแล้ว ว่าจะไม่ทำให้เขาต้องทุกข์ทรมานอีก ผมเข้าใจ ว่ามันเสี่ยงมากแค่ไหน และผมก็ไม่อยากให้ใครเอาชีวิตไปเสี่ยงกับผมด้วย แผนกลาดตระเวนเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าที่จะคอยพิทักษ์แองเจิ้ลส์ ผมเข้าใจเรื่องนี้ดี แต่อย่างน้อย.. อย่างน้อยได้โปรดอนุญาตให้ผมไปด้วยเถอะครับหัวหน้า!” แจ็คสันก้มหัวต่ำให้กับเจบีและยังคงก้มอยู่อย่างนั้น แผนกลาดตระเวนมองหน้ากันไปมา
“เงยหน้าขึ้นเถอะ ไม่มีใครบอกซะหน่อยว่าจะไม่ให้นายไป ฉันกับจินยองก็เป็นห่วงแบมแบมไม่น้อยกว่านายแน่นอน แต่ที่สำคัญ เราต้องวางแผนกันให้ดีก่อน.. ตอนนี้เอาเป็นว่าตกลง เราจะทำตามแผนของคุณชายต้วนเพื่อเข้าไปข้างใน แล้ววางแผนการช่วยเหลือแบมแบมซ้อนลงไปให้รัดกุมยิ่งขึ้น” เสียงของหัวหน้าแผนกลาดตระเวนอ่อนโยนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แจ็คสันเงยหน้าขึ้นด้วยความดีใจที่ได้รับอนุญาต มือขวาเขายกขึ้นมากุมที่อกเสื้อ ความเย็นของสร้อยตุ๊กตานางฟ้ากับตุ๊กตาเต่าสานของแบมแบมปะทะกับความร้อนกลางหน้าอกเขาที่พุ่งพล่านอยู่เกือบจะตลอดเวลา
รอเฮียก่อนนะแบม เฮียจะรีบไปช่วยแบมเดี๋ยวนี้ อีกนิดเดียว อย่าเป็นอะไรเลยนะแบม...
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in