เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
[JackBam] Angels /GOT7 FanFictionChunari_CJ
Chapter 11 : รัง
  • เจียเออร์ ..

     

    อย่าตายนะ..

     

    เจียเออร์  เจียเออร์…

     

    อย่าไปนะ..

     

    อยากเจอ..

     

    เจียเออร์…

     

    เจียเออร์!!!

     

    ร่างที่นอนอยู่บนเตียงสีขาวสะดุ้งสุดตัวลำคอเขาแห้งผาก แสงที่ส่องสว่างจ้าจนตาพร่ามัว ร่างกายด้านขวาของเขาหนักอึ้งจนต้องพยายามยกแขนซ้ายขึ้นบังแสงที่สว่างจ้าจนเกินไป แต่เพียงชั่วครูแสงไฟในห้องก็ถูกหรี่ลงเพื่อให้เขาได้ปรับตัวชายในชุดกาวน์สีขาวเดินมาหยุดอยู่ที่ข้างเตียง

     

    “จินยองฮยอง..” เสียงแหบพร่าเอ่ยชื่อคนที่ยืนอยู่

     

    “พวกนายสองคนถูกพักงานจนกว่าจะมีการพิจารณา แต่ถึงอย่างนั้นก็คงจะไม่นานนักหรอกหน่วยลาดตระเวนจะขาดคนไม่ได้ในช่วงนี้” จินยองพูดกับเขาด้วยเสียงเรียบแต่ไร้แววกดดันอย่างที่เคย

     

    “ยูคยอม.. ยูคยอมล่ะยูคยอมเป็นยังไงบ้าง” แจ็คสันถามถึงผู้ร่วมงานที่อายุน้อยกว่าครั้งสุดท้ายที่เขาเห็น ยูคยอมยืนตัวแข็งทื่ออยู่บนบอร์ด มีแสงเลเซอร์ส่องมาที่ตัว

     

    “เขาปลอดภัยดี ทางกายน่ะนะเพราะนายถูกยิง เด็กคนนั้นก็เลยดึงสติกลับมาได้ แต่ก็อาละวาดไปน่าดูเหมือนกันเพราะอย่างนั้น เราเลยจับตัวคนที่ยิงนายเอาไว้ได้ ถึงจะสาหัสไปหน่อยก็เถอะโดนจิ้มสักเข็มสองเข็มก็คงจะพอพูดได้อยู่ แต่พวกที่เหลือรอดไปได้” จินยองเอาแก้วน้ำมาแล้วพยุงให้แจ็คสันจิบก่อนจะลากเก้าอี้ในห้องมานั่งลงข้างเตียงในขณะที่พูดไปเรื่อยๆ

     

    “ขอโทษครับฮยอง.. ”

     

    “จริงๆ มันไม่ใช่ความผิดของนายมันเป็นความผิดของยูคยอม แล้วก็ฉัน…” เสียงนุ่มนวลขาดจังหวะไปชั่วครู่

     

    “เด็กคนนั้นเอาแต่ขอโทษแทนนายยกใหญ่บอกว่านายไม่ผิด แต่ถึงยังไงนายก็ต้องถูกลงโทษอยู่ดีโทษฐานสมรู้ร่วมคิดกับยูคยอมขัดคำสั่งของฉันและเจบี”

     

    “ครับฮยอง.. แล้ว..นี่ผมอยู่ที่ไหนครับเนี่ย”

     

    “ฝั่งพยาบาลของแผนกวิจัยตอนแรกที่ติดต่อไป เพื่อนนายยืนยันจะย้ายนายไปโรงพยาบาลใหญ่ให้ได้แต่ติดที่ที่นี่มีกฎอยู่ เขาเลยต้องยอมแต่ก็มีข้อแม้ว่าฉันต้องมาดูแลนายด้วยตัวเอง เพื่อนนายยอมบริจาคเงินก้อนใหญ่ให้สถาบันเพื่อการนั้นโดยเฉพาะ..จะว่าไปก็มีเพื่อนดีใช่เล่นนะ”

     

    แจ็คสันได้แต่หัวเราะเบาๆบางทีเพื่อนเขาก็โอเวอร์ไปนิด ชายหนุ่มพยายามดันตัวเองเพื่อลุกขึ้น

     

    “โอ๊ย..” ความเจ็บปวดที่แล่นมาจากไหลขวาทำให้เขาต้องทรุดลงอย่างจำยอม

     

    “อย่าเพิ่งขยับมากจะดีกว่าโชคดีที่กระสุนทะลุออกไป แต่ก็โดนเส้นเลือดใหญ่ นายเสียเลือดไปมาก สลบไปสองวันเต็มๆ”

     

    “สองวัน!!”

     

    “ใช่ สองวัน แต่ในเมื่อฟื้นแล้วอีกไม่กี่วันก็คงจะหายล่ะนะ รีบหายเร็วๆ เข้าล่ะ คนที่รอไม่ได้มีแต่พวกฉันหรอกนะ”น้ำเสียงจินยองดูจะเข้มงวดขึ้นเล็กน้อย

     

    “หมายความว่ายังไงครับ”

     

    จินยองไม่ตอบ เขาทำท่าครุ่นคิดถึงอะไรบางอย่างแต่ในที่สุดก็เอ่ยปากขึ้น  “แจ็คสัน นายมีแฟนแล้วใช่มั้ย”สายตาจ้องตรงมาอย่างคนที่ต้องการคำตอบที่แท้จริง

     

    “แฟน?? ไม่มีครับฮยองคนอย่างผมจะไปมีแฟนได้ยังไงกัน” ชายหนุ่มยกมือขึ้นมาเกาหัวแก้เขิน ที่อยู่ดีๆจินยองก็ถามเรื่องแบบนี้ออกมา

     

    “ถ้าไม่ใช่แฟนก็ต้องมีคนรัก...  สองวันมานี่ฉันได้ยินนายเพ้ออยู่ตลอด ว่าอย่าร้องไห้ จะรีบไปหา อะไรทำนองนี้”

     

    “อ๋อ.. นั่นน่ะมัน..  คือว่า..” 

     

    “คือว่าอะไร”

     

    “คือ.. แค่ฝันน่ะครับคือผมชอบฝันว่ามีเสียงคนเรียกมาตั้งแต่เด็กแล้ว พอตื่นก็ลืมเพื่อนที่เป็นจิตแพทย์บอกว่า มันเป็นกลไกจิตใต้สำนึกอะไรสักอย่าง  ไม่ใช่เสียงคนจริงๆ   ฮยอง... จะไม่จับผมไปตรวจใช่มั้ย”

     

    “ขอคิดดูก่อน..  แต่ไม่มีแฟนก็ดีเหมือนกัน”

     

    “ดียังไงครับ”

     

    “ก็คนที่กำลังรอนายเค้าจะได้ไม่รอเก้อน่ะสิ”สมาร์ทริสแบนด์ที่ข้อมือของจินยองส่งเสียงเตือนเป็นจังหวะ “พักผ่อนซะพรุ่งนี้ค่อยว่ากันเรื่องการรักษา” ชายหนุ่มในชุดเสื้อกาวน์ลุกขึ้นยืนแล้วตบลงที่ข้างเตียงเบาๆ ก่อนจะหันหลังเพื่อเดินออกไปจากห้อง

     

    “เดี๋ยวครับฮยอง..ใครกันครับที่...  หรือว่า..”แจ็คสันไม่อาจทนรอคำตอบนานกว่านี้ได้ เขาอยากรู้ว่าคนที่กำลังรอที่จินยองพูดถึงใช่คนเดียวกับที่เขากำลังคิดอยู่รึเปล่า

    จินยองไม่ตอบแค่ส่งยิ้มให้แล้วพยักหน้าไปยังทิศทางที่เขาคิดว่าเป็นโดมเล็กแล้วก็เดินออกจากห้องไป

     

    “อ้า.. แบมแบมสินะ  ทำยังไงดี.. คุณเต่าคงไปหาไม่ได้อีกสักพักเลยนะแบม” ชายหนุ่มได้แต่พึมพัมกับตัวเองหลับตาลงเขาก็เห็นแต่ใบหน้าที่มีรอยยิ้มบางเบาทั้งที่แพขนตายังเปียกชุ่มลอยอยู่ตรงหน้ารอยยิ้มจางๆ แสนเศร้าที่แบมแบมยิ้มส่งเขาก่อนที่เขาจะออกจากโดมผ่านมาสองวันแล้วและน่าจะอีกสักพักเขาจึงจะสามารถไปหาเด็กน้อยได้  แบมแบมจะเหงาสักแค่ไหนกันนะจะร้องไห้อีกรึเปล่า จะรอเขาอยู่มั้ย ทั้งที่อยู่ใกล้กันแค่นี้  แต่เขากลับไม่สามารถไปหาได้ ไปทำให้แบมแบมยิ้ม ทำให้หัวเราะจนหงายท้องทำให้เด็กน้อยของเขามีความสุข ความคิดมากมายได้แต่วนเวียนซ้ำไปซ้ำมาจนกระทั่งผลอยหลับไป

     

    เช้าวันต่อมาจินยองให้เขาเลือกวิธีรักษาว่าจะรักษาด้วยวิธีการปกติหรือรับเซรุ่มที่สกัดจากเลือดของแองเจิ้ลส์ เซรุ่มนี้เป็นผลการวิจัยของจินยองที่สร้างรายได้มหาศาลให้กับสถาบันเนื่องจากเลือดของแองเจิ้ลส์มีความสามารถในการฟื้นฟูให้กับเซลล์ของมนุษย์ทำให้สามารถรักษาอาการบาดเจ็บ และอาการป่วยบางชนิดได้อย่างรวดเร็ว แต่ไม่สามารถนำเลือดมาใช้โดยตรงได้เพราะจะทำให้เกิดการเสื่อมของเซลล์ที่เกิดใหม่อย่างรวดเร็วมากเช่นกันจึงต้องสกัดเป็นเซรุ่มเพื่อลดผลข้างเคียงออกไป ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่สามารถรับรองได้ว่าจะไม่มีผลข้างเคียงร้อยเปอร์เซ็นต์ในระยะยาว

     

    แต่ก็มีผู้คนจำนวนมากที่ยินยอมใช้เซรุ่มนี้โดยความสมัครใจเซรุ่มที่ใช้เลือดแองเจิ้ลเพียงเล็กน้อยแต่สกัดเซรุ่มได้ในจำนวนมากกว่าหลายเท่าตัวทำให้จินยองวาดฝันว่ามันเป็นก้าวที่จะช่วยให้มนุษย์สามารถอยู่โดยไม่ไปเบียดเบียนแองเจิ้ลส์ได้ซึ่งก็คงยังอีกไกล

     

    แจ็คสันไม่ลังเลที่จะใช้เซรุ่มเขาอยากหายให้เร็วที่สุด เร็วขึ้นอีกนิดแม้จะสักวินาทีก็ยังดี เขาจึงรับเซรุ่มและอยู่รักษาต่อที่แผนกวิจัยซึ่งเซรุ่มนั้นก็ให้ผลดีเกินคาดเมื่อถึงคืนนี้ที่เป็นคืนที่สามเขาก็เริ่มขยับร่างกายได้เกือบจะปกติถึงจะยังมีขัดๆ และเจ็บแปลบๆ อยู่บ้าง และแผลบางส่วนที่ยังไม่สมานตัวดีแต่ก็ถือว่าเร็วกว่าปกติอยู่หลายเท่าตัว เขาจึงคิดว่าจะอยู่ที่นี่เป็นคืนสุดท้ายและจะกลับบ้านพรุ่งนี้เช้า เขายังอยู่ระหว่างถูกพักงาน จึงไม่ต้องห่วงว่าจะต้องรีบกลับมาทำงานถึงแม้จะอยากช่วยมากแค่ไหนก็ตาม

     

    ระหว่างการรักษาเขายังไม่เจอหน้าคนในแผนกลาดตระเวนเลยสักคนซึ่งก็สามารถเข้าใจได้ จินยองเล่าให้เขาฟังว่าวันนั้นหลังจากจับตัวคนยิงได้ก็เกิดการปะทะกันขึ้น พวกที่เหลือหนีไปได้แต่ก็น่าจะยังหลบซ่อนอยู่ในป่า บวกกับต้องอาศัยแรงในการกำจัดตัวกวนสัญญาณที่กระจายไปทั่วหน่วยลาดตระเวนตอนนี้เลยต้องทำงานกันหนัก ยกเว้นก็แต่ยูคยอม..จินยองบอกว่ายูคยอมละอายใจจนไม่กล้าสู้หน้าเขาเขาคงจะต้องไปตามหาเด็กยักษ์นั่นแล้วปรับความเข้าใจเอาเอง

     

    แจ็คสันเหม่อมองออกไปยังความมืดมิดนอกหน้าต่างความกระวนกระวายบางอย่างทำให้เขาไม่สามารถข่มตาหลับลงได้ชายหนุ่มจึงตัดสินใจเปลี่ยนจากชุดผู้ป่วยสีขาวที่ดูเหมือนหนูทดลองหน่อยๆเมื่ออยู่ในสถานที่ที่เรียกว่าแผนกวิจัย เป็นเสื้อยืดกางเกงยีนส์ของเขาที่มาร์คฝากมาให้เมื่อวานด้วยความทุลักทุเลเล็กน้อยถอดสายคล้องไหล่ แล้วคาดด้วยเข็มขัดอุปกรณ์ตามกฎเตรียมพร้อมของหน่วยลาดตระเวนเขาส่องกระจกเพื่อจัดการเก็บผ้าพันแผลที่อยู่บนไหล่ให้พ้นจากคอเสื้อไม่รู้ว่าแบมแบมรู้รึเปล่าว่าเขาบาดเจ็บ แต่ถ้าไม่รู้ ก็อย่ารู้เลยจะดีกว่า เขาลองขยับไหล่ทั้งสองข้างเบาๆยาแก้ปวดเมื่อตอนเย็นทำให้ความเจ็บปวดอยู่ในระดับที่พอรับได้ ถ้าเขาไม่ขยับตัวมากนักคงไม่แสดงอาการจนน่าสงสัย

     

    ร่างสูงเดินผ่านประตูออกไปยังแผนกวิจัยที่ยังคงสว่างจ้าอยู่ตลอดเวลาเช่นเคยชายในชุดเสื้อกาวน์ที่เหลือเพียงสองสามคนในแผนกหันมามองเขาด้วยความแปลกใจแต่ก็ไม่ได้ทักท้วงอะไรเขาจึงเดินต่อไปจนถึงโถงทางเดินที่เงียบสงัดทางเดินที่ควรมีแสงจากธรรมชาติอย่างแสงจันทร์ส่องเข้ามากลับมีเพียงแสงสีเหลืองนวลของโคมไฟรายทางเพราะฟ้าปิด เมฆหนาบดบังทั้งพระจันทร์และดวงดาวจนมืดสนิทดูไปแล้วก็คล้ายกับวันแรกที่เขาเดินตามเสียงเพลงไปจนถึงโดมของแบมแบม

     

    แจ็คสันเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่เร่งรีบ เขารู้ว่าแบมแบมอาจจะหลับไปแล้วเพราะนี่ก็ถือว่าดึกพอสมควรแต่เขาก็แค่อยากไป อยากเข้าไปดู เข้าไปเห็น เข้าไปสัมผัสกับกลิ่นไอเพื่อลบความอึดอัดไม่สบายใจที่เขาไม่รู้ว่าอะไรเป็นต้นเหตุถึงแม้จะไม่ได้เจอแบมแบม แต่แค่นั้นก็คงจะพอ

     

    ช่วงที่รักษาตัวจินยอมสั่งห้ามไม่ให้เขามาหาแบมแบมแล้วถ้าเขากลับบ้านไปในวันพรุ่งนี้คงต้องรอจนกว่าจะโดนเรียกตัวถึงจะกลับมาได้ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่อาจจะเพราะเรื่องนี้ก็ได้ที่ทำให้เขาไม่สบายใจ ชายหนุ่มเดินมาหยุดที่หน้าโดมแล้วแตะการ์ดของเขาสายลมที่คุ้นเคยพัดมาปะทะเมื่อประตูเปิดออก

     

    “กีสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส”เสียงแหลมเล็กเสียดแทงโสตประสาทดังขึ้นโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว ร่างสูงทรุดลงชันเข่ามือข้างซ้ายยกขึ้นอุดหูไว้แน่น ส่วนข้างขวาที่ยกไม่ถนัดควานหาเอียร์ปลั๊กที่เข็มขัดเส้นประสาททุกเส้นในร่างกายกระตุกเกร็ง

     

    แจ็คสันหอบแรงเมื่อใส่เอียร์ปลั๊กได้สำเร็จเหงื่อเย็นเยียบผุดขึ้นตามไรผม เสียงกรี๊ดยังดังก้องในหูแต่อาการปวดหายไปแล้วชายหนุ่มหายใจเข้าออกยาวๆ เพื่อควบคุมอาการสั่นสะท้านของร่างกายเขาเงยหน้าขึ้นเพื่อสำรวจแต่ไม่เห็นแบมแบมอยู่ใกล้ๆ หรือว่าแบมแบมจะคิดว่าเขาเป็นผู้บุกรุกและหนีไปแล้ว เสียงกรี๊ดเงียบหายไปและดังขึ้นใหม่อีกครั้งอย่างรุนแรงสัญชาติญาณบอกเขาว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติ!

     

    “เกิดอะไรขึ้น!! แบมแบม!!” แจ็คสันผุดลุกแล้วรีบวิ่งไปตามเสียงไม่สนใจความเจ็บปวดจากทั้งบาดแผลและสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อสักครู่เขาวิ่งเลียบกรงสีดำไปเรื่อยๆ สายตามองหาเหตุการณ์ผิดปกติที่เกิดขึ้นจนกระทั่งถึงส่วนที่เป็นประตูกรงที่ตอนนี้มันไม่ได้ปิดเอาไว้เหมือนปกติประตูกรงหนาหนักเปิดอ้าชายสองคนในชุดสีดำสนิทกำลังทำอะไรบางอย่างกับร่างสีขาวที่เขาคุ้นตา

     

    ชายคนหนึ่งกำลังยึดร่างที่ดิ้นทุรนทุรายของแบมแบมเอาไว้แน่นส่วนอีกคนกำลังทำอะไรสักอย่างกับแขนของเด็กน้อยโดยที่ไม่มีใครสนใจร่างเล็กที่ดิ้นรนและกรีดร้องด้วยความทุกข์ทรมานจากปลอกคอไฟฟ้าที่กำลังทำงานเนื่องจากแบมแบมอยู่ในรัศมีอันตรายของระบบรักษาความปลอดภัยมือเล็กพยายามไขว่คว้าเพื่อจะกระชากปลอกคอสีดำออกจากลำคอของตนเอง

     

    “เฮ้ย!!!!!! ใครวะ!!!หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!!!” แจ็คสันตะโกนก้องมือควานหาอาวุธที่เข็มขัดแต่ได้พบเพียงความว่างเปล่า เพราะเขาถูกพักงานจึงถูกปลดอาวุธไปด้วยแต่ไม่มีเวลาให้คิดอีกต่อไปชายหนุ่มพุ่งตัวเข้าไปในกรงประจันหน้ากับชายชุดดำที่ตอนนี้เขาได้เห็นว่าใส่อุปกรณ์ป้องกันแบบเต็มยศหน้ากากโม่งสีดำ เอียร์ปลั๊ก แว่นอินฟาเรด ถุงมือทุกอย่างล้วนเป็นอุปกรณ์ของสถาบัน ชายทั้งสองคนหันมาหาเขาด้วยความตระหนกชายคนที่อยู่ที่แขนของแบมแบมรีบเก็บอุปกรณ์บางอย่างที่เขาเห็นไม่ถนัดลงกระเป๋าโลหะสีเงินแล้วพยักหน้าให้กับชายอีกคน

     

    “พวกแกเป็นใคร!! จะทำอะไรแบมแบม!!”แจ็คสันประจันหน้าในท่าเตรียมพร้อมต่อสู้  ไม่มีคำตอบจากชายชุดดำทั้งสอง เบอร์หนึ่งที่กำลังล็อคตัวแบมแบมเหวี่ยงเด็กน้อยออกไปด้านข้างแจ็คสันถลันเข้าไปหาแต่ต้องหยุดชะงักเพราะปืนของเบอร์สองที่จ่อตรงมาที่เขา ร่างเล็กกระเสือกกระสนพยายามจะพาร่างตัวเองออกไปให้พ้นจากรัศมีการทำงานของปลอกคอแจ็คสันได้แต่อยู่ในท่าเตรียมกับมือที่ชูไว้เหนือหัวโดยอัตโนมัติสายตาจ้องที่ปืนและชายทั้งสองที่กำลังค่อยๆ ถอยออกไปทางประตูกรง

     

    ปึ๊ก!!!  หินก้อนใหญ่ถูกปามาจากร่างเล็กที่พาตัวเองออกไปพ้นระยะได้สำเร็จ ปืนในมือของเบอร์สองที่จ่อมาที่เขากระเด็นหลุดมือไถลออกไปไกล

     

    “แบมแบมหนีไป!!!!” แจ็คสันตะโกนบอกให้เด็กน้อยออกไปจากระยะการต่อสู้ในขณะที่ได้โอกาสพุ่งตัวเข้าไปคว้ากระเป๋าสีเงินแล้วเหวี่ยงออกไปอีกทางจนสุดแรงชายสองคนมองตามแล้วรีบวิ่งตามกระเป๋าที่ลอยหวือไปโดยไม่สนใจเขาแสดงว่าของในกระเป๋านั่นต้องเป็นของสำคัญอย่างแน่นอน ชายหนุ่มวิ่งตามไป อย่างน้อยเขาต้องได้กระเป๋านั่นมาไว้เป็นหลักฐานเบอร์หนึ่งที่เก็บกระเป๋าได้ก่อนกอดมันเอาไว้แน่นเบอร์สองหันมาประจันหน้ากับเขาเพื่อขวางไม่ให้เขาเข้าไปถึงกระเป๋าได้แจ็คสันก้าวเข้าประชิดเบอร์สองหมัดซ้ายต่อยกลางลำตัวแล้วสับมือขวาลงที่กกหูทำให้ที่ร่างกายพอๆ กับเขาเสียหลักเซถลาไป เขาจึงเปลี่ยนเป้าหมายเข้าไปแย่งกระเป๋าที่เบอร์หนึ่งกอดอยู่

     

    เบอร์หนึ่งมีร่างกายที่กำยำกว่าเขาทำให้การแย่งกระเป๋ามานั้นยากกว่าที่คิดทักษะการต่อสู้ประชิดตัวที่ฝึกมาจากออสริคถูกงัดขึ้นมาใช้ทุกเม็ดเขามัวแต่สนใจกับการแย่งกระเป๋าจนไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง

     

    “แจ๊ค!!!!!!!!!” เสียงเล็กเรียกชื่อเขาด้วยความหวาดกลัวแจ็คสันหันขวับตามเสียงไปทำให้เบอร์หนึ่งได้โอกาสถีบเขาจนกระเด็นมือหนาของเบอร์สองกำลังกำอยู่รอบคอของแบมแบมทั้งที่เขาคิดว่าเด็กน้อยหนีไปแล้วปืนเลเซอร์จ่ออยู่ที่ขมับที่ปกคลุมด้วยผมสีขาวบริสุทธิ์

     

    แจ็คสันหยุดการกระทำทุกอย่างโดยอัตโนมัติสองมือชูขึ้นเหนือศีรษะ เบอร์หนึ่งรีบวิ่งกลับไปรวมตัวกับเบอร์สองปืนที่อยู่ในมือเปลี่ยนเป้าหมายจากขมับของเด็กน้อยเป็นตัวเขา แสงสีน้ำเงินสว่างวาบจากปลายกระบอกแล้วเขาก็ไม่อาจรับรู้อะไรได้อีก..

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    เจียเออร์..

     

    เจียเออร์

     

    อีกแล้วเหรอ..

     

    บอกแล้วไงว่าอย่าร้องไห้..

     

    ตื่นสิ..

     

    ตื่นทำไมล่ะ กำลังสบายดีออก..

     

    คุณเต่า.. ตื่นสิ..

     

    หืมม คุณเต่าเหรอ..

     

    แจ็ค…

     

    แสงสว่างยามสายเจิดจ้าจนแสบตาแจ็คสันกระพริบตาถี่ๆ เมื่อรู้สึกว่าแสงที่ส่องมาไม่ใช่แสงสังเคราะห์แต่เป็นแสงแดดจริงๆที่ส่องลอดเพดานแปลกๆ ลงมา เพดานที่คล้ายกับใครเอาใบอะไรมาสานไว้หลวมๆแล้วเว้นช่องไว้เพื่อให้แสงส่องลงมาพอดีชายหนุ่มกระพริบตาอีกสองสามครั้งเพื่อไล่ความมึนงงและพบว่าเขากำลังอยู่ในสิ่งที่คล้ายกับโดมไม้ขนาดใหญ่มากๆ  

     

    สายตาของชายหนุ่มไล่เรื่อยตามเพดานที่ถูกสานเอาไว้อย่างประณีตบรรจงโค้งลงมา จรดกับพื้นเป็นทรงมนคล้ายกับซาลาเปาลูกใหญ่มหึมา ฝั่งที่อยู่เลยออกไปเป็นกิ่งไม้ใหญ่ที่เหมือนแทงทะลุผนังจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง พาดผ่านเสี้ยวหนึ่งของโดมคล้ายเป็นโซฟาขนาดใหญแจ็คสันกวาดสายตามองไปรอบๆ อย่างสงสัยว่าเขาอยู่ที่ไหนกันแน่ พลันสายตาก็ไปพบกับร่างเล็กสีขาวที่กำลังกอดเข่าซุกตัวอยู่ที่ริมกำแพงด้านหนึ่งกลุ่มผมสีขาวซบลงกับหัวเข่า

     

    “แบมแบม”

     

    “แจ็ค!!!!!!!”  นี่เขาไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหมเนี่ยแบมแบมเรียกเขาว่าแจ็คเมื่อคืนก็เหมือนกัน แองเจิ้ลส์น้อยคงจะลืมตัว แต่มีหรือที่เขาจะคัดค้านเขาอยากฟังแบมแบม เรียกชื่อเขาแบบนี้ เป็นร้อยเป็นพันครั้ง

     

    แองเจิ้ลส์น้อยที่เงยหน้าขึ้นจากเข่าขยับเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว เขาเพิ่งรู้สึกว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนฟูกที่เหมือนสานด้วยใบไม้แต่กลับให้ความรู้สึกอ่อนนุ่ม

     

    “แบมแบม.. ฉันอยู่ที่ไหน”

     

    “บ้าน”

     

    “บ้าน?? บ้านใคร??”

     

    “ของแบม แจ็คเจ็บ แบมพากลับบ้าน”

     

    “หา!! โอ๊ย!” แจ็คสันตกใจจนผุดลุกขึ้นนั่งแต่ก็ได้รู้ในทันทีว่าร่างกายของเขาไม่อำนวย ไหล่ขวาของเขาปวดร้าวไปทั้งแถบเขาจึงค่อยๆ นอนกลับลงไปอย่างเดิม แองเจิ้ลส์น้อยที่ตกใจกับเสียงโอดครวญของเขาสะดุ้งแล็กน้อยแล้วก็นั่งก้มหน้านิ่ง

     

    “ขอโทษ”เสียงเล็กเอ่ยขอโทษเขาอย่างแผ่วเบา

     

    “ขอโทษทำไม หืม” ถึงจะต้องนอนเดี้ยงแต่เขากลับรู้สึกดีที่ได้เห็นแบมแบมใกล้ๆไม่ต้องคุยกันผ่านลูกกรงอีก แถมเขายังได้มาที่รังของแบมแบม สิทธิพิเศษที่เขาเชื่อว่าแม้แต่อิมแจบอมกับปาร์คจินยองก็ยังไม่เคยได้แบบนี้ต่อให้ต้องพิการตลอดชีวิตก็ยังคุ้ม แต่ดูเหมือนร่างเล็กข้างๆ เขาจะไม่คิดเช่นนั้นไหล่บางเริ่มสั่นสะท้าน เขาสังเกตุเห็นน้ำตาเม็ดโตร่วงลงมาจากใบหน้าที่ก้มต่ำ

     

    “แจ็คเจ็บ.. ฮึก.. เพราะแบม... ฮืออออ  แจ็คจะตาย ฮือออออ” เด็กน้อยพูดคำที่กลั้นเอาไว้แล้วจึงปล่อยโฮออกมาเต็มที่

     

    “แบมเรียก.. แจ็คไม่ตื่น  ฮือออออ” แขนเรียวยาวยกขึ้นปาดน้ำตาที่ร่วงมาหยดแล้วหยดเล่า

     

    “เฮ้ แบมแบม เดี๋ยวๆ เฮียยังไม่ตาย นี่ๆๆดูสิ  ฮัลโหล"แจ็คสันพยายามกระดิกทุกส่วนที่กระดิกได้มือซ้ายที่ยังขยับไหวยกขึ้นโบกแล้วเอื้อมไปคว้ามือเล็กมาจับไว้

     

    “แบมแบม นิ่งก่อนนะ นะ นี่ ดูสิเฮียไม่เป็นไรสักหน่อย” แจ็คสันได้แต่แกว่งมือเล็กเพื่อปลอบประโลมแองเจิ้ลส์น้อยค่อยสงบลงเล็กน้อยแต่ก็ยังสะอื้นเป็นจังหวะ  

     

    “แต่แจ็ค.. ฮึก.. เลือด..”แจ็กสันเหลือบตามองที่ไหล่ขวา ตอนนี้เสื้อยืดของเขาเต็มไปด้วยรอยเลือดแห้งกรังเป็นวงกว้างแผลเขาคงจะฉีกจากการต่อสู้เมื่อคืน โชคดีที่เลือดหยุดไหล

     

    “ขอโทษนะแบม คงจะกลัวแย่เลยสินะ..  นี่.. อยากให้เฮียหายรึเปล่า หืม” แจ็คสันคิดอะไรได้จึงถามออกไปหัวเล็กนั่นผงกรับอย่างรวดเร็ว

     

    “กอดสิ”

     

    “กอดเหรอ”

     

    “ใช่ กอดปุ๊บหายปั๊บเลย” แจ็คสันปล่อยมือที่จับเด็กน้อยไว้มาตบลงบนอกของตัวเองเบาๆแล้วฉีกยิ้มกว้าง ตาโตใสแจ๋วที่ชุ่มไปด้วยน้ำตาเต็มไปด้วยแววสงสัยหัวเล็กเอียงซ้ายทีขวาทีอย่างงุนงง

     

    “ได้เหรอ..”  

     

    “ได้สิ มาๆ” แขนซ้ายที่ขยับได้อ้าออกเพื่อรอรับหัวใจแอบเต้นตึกตักว่าคนตัวเล็กตรงหน้าจะติดกับของเขารึเปล่า แต่แล้วในที่สุดแองเจิ้ลส์น้อยก็ขยับตัวให้อยู่ในท่าที่ถนัดแล้วค่อยๆโน้มตัวลงมาจนกระทั่งกลุ่มผมสีขาวซบลงตรงกลางอกเขาพอดีแขนเรียวที่ไม่สามารถโอบรอบตัวเขาที่นอนอยู่ได้จึงได้แค่แนบไว้กับลำตัวของเขาแทนหัวใจของแจ็คสันเต้นโครมครามจะเหมือนจะกระเด้งออกมาจากอก

     

    ทันใดนั้นเองความอบอุ่นบางอย่างก็แผ่ซ่านไปทั่วตัวของชายหนุ่มความรู้สึกวูบวาบไล่ไปตามผิวกาย ความเจ็บปวดมึนชาที่หัวไหล่และที่อื่นๆ ค่อยๆเบาบางลง ในหัวของแจ็คสันตื่นตระหนกกับสิ่งที่เกิดขึ้นแต่เขาก็ยังควบคุมตัวเองให้อยู่นิ่งจนกระทั่งความเจ็บปวดหายไปจนหมดแขนแกร่งดันร่างเล็กที่ซบอยู่ให้ลุกขึ้นแล้วตัวเขาก็ลุกขึ้นนั่งตาม

     

    “นี่ไง.. เห็นมั้ย หายแล้ว”ชายหนุ่มที่ลุกขึ้นนั่งขยับตัวโชว์ เขาไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไงแต่เอาไว้ค่อยถามจินยองทีหลัง อาจจะเป็นผลจากเซรุ่มที่เขาได้รับมาก็ได้ จริงๆ แล้วเขาก็แค่จะแกล้งเพื่อให้ได้กอดแบมแบมแล้วก็จะกัดฟันฝืนลุกขึ้นมาให้เด็กน้อยดีใจเท่านั้น แต่ในเมื่อมันหายจริงๆ ซะแล้วก็ตามน้ำไปเลยแล้วกัน ใบหน้าหวานส่งยิ้มให้เขาอย่างดีใจสุดขีด

     

    “นั่นแหละ แบบนั้นแหละแบมแบมยิ้มเข้าไว้นะ แบบนี้น่ารักที่สุดเลย เฮียไม่อยากเห็นน้ำตาของนายอีกแล้ว”มือหนาเอื้อมไปไล้แก้มใสเช็ดร่องรอยหยาดน้ำตาที่เพิ่งจะแห้ง นิ้วโป้งไล้ผ่านแพขนตาหนาเช็ดเอาน้ำตาที่เปียกชุ่มออกจนหมดความเผลอไผลทำให้เขาบรรจงวางนิ้วโป้งลงบนริมฝีปากนุ่มอย่างแผ่วเบาตากลมโตจ้องมองเขาอย่างไร้เดียงสา

     

    “แจ็ค...”เสียงที่เรียกเขาทำให้ชายหนุ่มรู้สึกตัว เขาจึงปล่อยมือออกจากใบหน้าสวยได้รูป

     

    “แบม.. ไม่น่ารัก..”  แองเจิ้ลส์น้อยประท้วง

     

    “น่ารักสิ”

     

    “ไม่น่ารัก  น่าเกลียด” หัวเล็กส่ายหน้ารัวๆ จนแจ็คสันต้องใช้สองมือประคองใบหน้านั้นเอาไว้เพื่อให้หยุด

     

    “แบมแบม น่ารัก มาก สวย มาก ด้วยสวย..” แจ็คสันพูดทีละคำช้าๆ ย้ำชัด คิ้วเรียวขมวดมุ่น น้ำใสคลออยู่ในตาคู่สวย

     

    “ร้องไห้อีกแล้ว ไม่เอานะ ยิ้มสิยิ้มแบบเฮียนี่ไง” แจ็คสันยิ้มให้ดูเป็นตัวอย่าง เขาทำตาโตแบ๊ว ริมฝีปากเหยียดยิ้มเป็นเส้นตรงมุมปากยกจนแก้มขึ้นเป็นลูก

     

    “อุ๊บ.. คิคิคิ  คุณเต่า.. ฮ่าๆๆๆ” แจ็คสันก็ไม่เข้าใจว่าเขายิ้มแล้วเหมือนเต่าตรงไหนแต่ถ้ามันทำให้แบมแบมหัวเราะได้เขาก็ยินดี

     

    ณ เวลานี้เพียงเท่านี้ก็คงพอแล้ว...

     

    @
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in