ฉันดูหนังเกี่ยวกับความรักสี่เรื่องติด
ใช่ ฉันดูหนังที่เกี่ยวกับรัก และใช่ สี่เรื่อง คุณอ่านไม่ผิดหรอก และสองในสามเรื่องนั้นต่างเป็นเรื่องราวของรักที่ไม่สมหวังทั้งนั้น อีกสองเป็นหนังแนว coming of age ทั่วไปที่หากันได้ง่ายๆในเน็ตฟลิกซ์ แต่พระเจ้า สองเรื่องแรกทำฉัน — ฉันที่ไม่เคยมีแฟนหรืออะไรก็ตามนั่น — เหวอไปเลย
มันน่าแปลกนะ ที่หนังเรื่องหนึ่งจะทำอะไรแบบนั้นได้ต่อคนที่ไม่เคยแม้แต่จะมีแฟนหนุ่ม ตลอดสิบแปดปีที่ผ่านมาฉันไม่เคยสัมผัสอะไรแบบนั้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่อาจจะมีอยู่สามครั้งที่ฉันได้เข้าใกล้สิ่งที่เียกว่าแฟน -- มันเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่มีชื่อเรียกด้วยซ้ำ ไม่รู้สิ แต่นั่นก็มากพอที่จะทำให้ฉันเข้าใจความรัก และมากพอที่จะทำให้ฉันไม่เลื่อมใสในความยึดติด
ฉันรู้สึกตัวเองเป็นเหมือนซัมเมอร์ในหนังเรื่องที่สองนั่นที่ฉันดู(แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกมุม ฉันไม่จูบเพื่อน นั่นแหงอยู่แล้ว) แหงล่ะว่าเหตุผลที่ฉันตกหลุมรัก (500) Days of Summer ไม่ได้มีเพียงเพราะความน่ารักของนายโจเซฟ กอร์ดอน-เลวิตต์เท่านั้น แต่ยังเพราะว่าหัวใจของฉันรู้สึกถูกควักออกมาอย่างไม่รู้ตัวโดยมือของผู้กำกับอีกด้วย หลายครั้งหลายตอนในขณะที่ฉันดูหนังนั่นที่ฉันอยากตะโกนและพูดออกมาว่า "โอ พระเจ้า ซัมเมอร์ เธอนี่มันฉันชัดๆ!" (แต่ฉันไม่กล้าหรอก โซอี้ เดชาเนลน่ะสวยจนฉันเทียบไม่ติดเลย)
ฉันเคยเป็นทอมมาก่อน ใช่ ฉันหลงรักคอนเซ็ปต์ของเทพนิยายและพรหมลิขิตนะ แต่เมื่อประสบการณ์สอนฉันอะไรหลายๆอย่าง ฉันกลับกลายร่างเป็นซัมเมอร์ แม่สาวตัวแสบ สาวน้อยน่าสงสารที่แสนโดดเดี่ยวและไม่แม้แต่จะพูดถึงความจริงข้อนั้น แม่สาวที่บอกว่าไม่เชื่อในพรหมลิขิตและความรักที่แสนเพ้อฝัน เธอไม่ชอบความยึดติดเพราะสุดท้ายทุกอย่างก็ต่างมีวันเลิกรา และใช่ ฉันก็คิดแบบนั้น
เพราะฉันก็กำลังรู้สึกมันเหมือนกัน
ณ ตอนนี้, ณ เวลานี้เลย.
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in