คงไม่ต้องแนะนำอะไรมากมายสำหรับสารคดีชุดนี้
เพราะมันคือสารคดีเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายอันเลื่องลือ
สารคดีชุดนี้ทำให้เราได้ข้อคิดหลายอย่างแต่สิ่งที่สอดคล้างกับเหตุการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันมากที่สุดคือ
ถ้าประเทศไทยไม่มีรัฐบาลทหารและพุทธพาณิชย์ ประเทศเราอาจจจะเจริญกว่านี้ก็ได้นะ ....
คิดว่าหลาย ๆ คน คงได้ดูกันแล้วแหละ
เราตั้งหน้าตั้งตารอเลยสำหรับสารคดีชุดนี้ที่เค้าบอกว่าจะพาไปดูวัดพระธรรมกาย "อย่างเป็นกลาง"
ขอบอกทุกคนก่อนว่าเราเกลียดวัดนี้มาก ๆ เราเลิกนับถือศาสนาใด ๆ เป็น agnostic เหตุผลส่วนหนึ่งมาจากพุทธพาณิชย์ในประเทศไทยและวัดพระธรรมกาย เพราะฉะนั้นสิ่งที่เรากำลังจะเขียนจะเอนข้างแน่นอนค่ะ
เราว่าเค้าทำได้ดีในการรักษาความเป็นกลางนะคะ ได้เห็นแง่มุม ความเห็นจากทั้งคนที่เป็นศิษย์ คนที่ค้าน และ คนที่เคยเป็นศิษย์แล้วเปลี่ยนใจย้ายข้าง เค้าไปสัมภาษณ์มาครบ
เราได้ฟังแง่มุมของแฟนคลับธรรมกาย แฟนคลับชั้น VIP VVIP VVVIP และความเห็นจากตัวผู้ช่วยของเจ้าอาวาสเองที่ออกมาสนับสนุน
เราได้ฟังแง่มุมของฝั่งแอนตี้ธรรมกาย ไม่ว่าจะเป็น นักวิชาการด้านศาสนา ผู้สื่อข่าว นักวิชาการอิสระ หรือแม้กระทั่งทีมงานเก่าของวัดพระธรรมกายเอง
สารคดีนี้ทิ้งคำถามไว้ให้เราหลายอย่างว่า
ถ้าประเทศเราพัฒนาระบบการศึกษาให้ดีกว่านี้ ความเชื่อเหล่านี้จะหายไปหรือไม่ ?
หรือว่าการไปธรรมกายนี่ได้ผลกับชีวิตจริง ๆ ? ทำไมคนถึงเชื่อว่าการทำบุญให้วัดแล้วถึงจะรวยขึ้น?
เราก็ฝึกสมาธิ แต่ฝึกสมาธิทำไมต้องบริจาคเป็นล้านเลยหรอ ?
อะไรคือพุทธที่แท้จริง ?
ประยุทธ์ตั้งใจจะจับเจ้าอาวาสเพราะคิดว่าเค้าโกงเงิน ผิดศีลธรรมจริง หรือ อยากได้เงินเอง ?
สิทธัตถะต้องการอะไรแบบนี้หรอ ?
และคำถามสำคัญคือ การทำบุญคือการลงทุนหรอ ? แล้วที่เค้าสอนให้ทำความดีแล้วจะได้บุญคือยังไง?
บริจาค 14 ล้านเพื่อให้ได้บุญเพื่อไปปรินิพพานที่สามารถบอกได้อีกว่าปรินิพพานเป็นยังไง
เท่ากับว่าเราก็เหมือนทำบุญหวังผล ถ้าเราจำไม่ผิดคือทำบุญต้องไม่หวังผล
เรามองว่า สิ่งที่ธรรมกายสอนก็เหมือนจะไปบิดเบือนคำสอนที่แท้จริงของตัวศาสนามั้ย
อันนี้เราก็ไม่แน่ใจเพราะว่าเราก็ไม่ได้ศึกษาศาสนาพุทธแบบลึก ๆ
เราแค่รู้สึกว่าศาสนามันสร้างกรอบให้ชีวิตเรามา 29 ปี เราพอดีกว่า
พูดแค่นี้ล่ะกัน ถ้ามากกว่านี้ก็คือสปอยล์หมด
ใครยังไม่ได้ดูไปดูกันนะคะ มันทิ้งคำถามไว้ให้เราเยอะเลย
เราแค่รู้ว่าเราต้องพัฒนาการศึกษาให้ดีกว่านี้ เรื่องบางเรื่องจะได้ไม่เกิดขึ้นค่ะ
เราไม่ได้ถูกสอนให้เชื่อมั่นในตนเองถึงเราจะถูกสอนให้ท่องประโยคนั้นก็ตาม
เราถูกสอนให้พึ่งอะไรสักอย่างที่ดูเป็น propaganda
เราไม่ได้ถูกสอนให้คิดเอง เพราะคิดเองสุดท้ายก็โดนคนอื่นตีกรอบให้อยู่ดี
เราไม่ได้ถูกสอนให้ใช้สมองให้ครบส่วน เราไม่ได้ถูกสอนให้ใช้ตรรกะ
เพราะถ้าเราใช้ตรรกะเมื่อไหร่เราจะมีคำถามกับ propaganda และ authority ทันที
ลองไปดูแล้วใช้ตรรกะคิดตามกันค่ะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in