Makers
Store
Log in
You don't have any notification yet.
See All
My Wallet
null
Library
Settings
Logout
เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ
นโยบายความเป็นส่วนตัว
เพื่อใช้บริการเว็บไซต์
ยอมรับ
ไม่ยอมรับ
เบญจามิน #benjastagram : jodae
–
supersaranchai
benjastagram 1/2
#benjastagram
เบญจามิน-โดยอง
พีช-แจฮยอน
จ๊าบ-พี่จอน
เสียงบอกใกล้ถึงสถานีเตือนให้ระวังการลงจากรถไฟแทรกผ่านเสียงจอแจของผู้คนตอนเย็นวันศุกร์
รถไฟฟ้าไม่มีที่ว่างให้คนอ่อนแอตอนนั้นที่เบญเผลอคิดถึงคุณภาพชีวิตแล้วต้องถอนหายใจออกมาหนักๆ
ไม่มีความพอดี ไม่ว่าจะทางไหนก็ไม่อำนวยให้รู้สึกว่าที่ที่เบญต้องอยู่มันน่าอยู่เลย
....
แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าที่ไหนบนโลกจะน่าอยู่
ก็เบญยังเป็นแค่นักเรียนม.
5
ที่วิ่งตามระบบของสังคมเพื่อที่จะอัพเกรดตัวเองไม่ให้ตกเป็นชนชั้นที่โดนกดขี่ไม่เคยเห็นปัญหาโลกภายนอกที่ไกลตัวหรือไกลกำลังทรัพย์ก็เลยไม่กล้าฉอดว่าที่นั่นที่นี่ดีกว่า จึงด่วนสรุปไปเองว่าที่นี่ไม่น่าอยู่ และเบญไม่อยากอยู่แล้ว
ถ้าเป็นคนที่ชินชาหรือเฉยเมยกับการเบียดเสียดรับกลิ่นเหงื่อการต่อแถวซื้อบัตรโง่ ๆ เพราะเครื่องขายบัตรอัตโนมัติบุลลี่คนพกแต่แบงค์ได้ก็คงดี
เบญเอะใจขึ้นมาว่ามันจะไปได้แค่นี้จริง ๆหรอวะ คนระดับที่เขาขึ้นเป็นผู้นำที่ภาวะอำนาจการตัดสินใจที่กำหนดทิศทางของประเทศเขาทำได้ดีที่สุดแค่นี้เองหรอ
แล้วก็ได้คำตอบผ่านแถวยาวจนเกือบถึงบันไดเลื่อน ว่าก็ได้แค่นี้แหละอยู่กันอย่างงี้แหละ อยู่กันอย่างนี้ไปเรื่อยๆ
เคยมีใครคำนวนมั้ยว่าหนึ่งวันเราเสียเวลากับการเดินทางไปเท่าไหร่ถ้าใช้เวลาที่เสียไปจากตรงนี้เราจะทำอะไรได้บ้าง
เบญตอบในใจเล่น ๆว่าอ่านคอมิคจบหนึ่งตอน —แน่นอนว่าไม่ได้มีประโยชน์ แต่อย่างน้อยก็เป็นสิ่งที่เลือกเองไม่ได้ถูกสิ่งเร้ามากระตุ้น หรือถูกสภาพสังคมบีบบังคับ
ในหัวเบญสับสนแล้วก็รำคาญ คนเราจะถกเถียงเรื่องวัตถุนิยมไปทำไมนะในเมื่อสุดท้ายไม่ว่าบีเอ็มหรือมาสด้าก็จบอยู่กลางสี่แยกไฟแดงสักแห่งหนึ่งเบียดกันอยู่อย่างนั้นกลางถนนไม่ว่าจะรถยี่ห้อไหนก็หลีกหนีการจราจรห่วยแตกไปไม่ได้ ถ้าไม่ได้มีอำนาจสั่งปิดถนนหรือขับเครื่องบินไปจอดไว้หน้าบ้าน
“sorry”
คนต่างชาติลากกระเป๋าเดินทางชนเบญจนเซเล็กๆหางตาเห็นชุดนักเรียนโรงเรียนเดียวกันที่ไม่คุ้นหน้าขยับคล้ายว่าจะเข้ามาช่วยแต่เบญพยุงตัวเองค้านแรงโน้มถ่วงของโลกได้ก่อนเลยจบที่ก้มหัวขอบคุณพลางๆแล้วไม่ได้สนใจ
“Are you alright?”
“Don’t worries. I'm ok”
พอปลีกตัวจากคู่กรณีมาได้เบญก็พบว่าเพื่อนร่วมขบวนคนนั้นยังมองอยู่เราสบตาแล้วก็เดินแยกกันไป ไม่มีคำทักทายอะไรหรอกเพราะนอกจากชื่อสถาบันที่ติดอยู่บนชุดเบญก็ไม่รู้จักเขาเป็นการส่วนตัว
เบญเดินไปกดตังค์ผ่านแอปก่อนจะเดินเข้าร้านนางเงือก ซื้ออะไรหวาน ๆที่ไม่ดีต่อสนุกภาพแต่ละลายในปากและเข้ากับบรรยากาศร้อนๆ
ไม่เสียเวลานาน เบญข้ามถนน เป้าหมายต่อไปคือเดินเท้าไปสามย่านบรรยากาศ
5
โมงเย็นกำลังพอดีกับการเคาะฟิล์มถ่ายรูปงานอดิเรกที่ไฟนอลพรากมันไปจากเบญร่วมเดือน
ผ่านคณะนิเทศศาสตร์ มหาลัยที่พ่อมาร์กหัวไว้ว่าต้องเข้าให้ได้ถ้าจะเลือกเรียนสายนี้ไม่ได้บังคับหรอกนะ..แต่ถ้าจะเรียนนิเทศ ไม่ติดจุฬาก็ไม่ต้องเรียน พ่อว่ามาอย่างนั้นเบญก็เลยได้แต่เออออ ไม่กล้าขัดใจหรอก เขาเคลมว่ามีบุญคุณทำให้เบญได้เกิดมา..แม้จะไม่ด้ถามเบญเลยว่าอยากเกิดมาหรือเปล่า
ไม่เร็ว ไม่ช้า เคาะกระจกหน้าร้านสองสามทีก่อนจะเข้าไปทั้งรอยยิ้ม
“
ลมอะไรหอบมา”
พี่ลินน์ทักทาย...ไม่ได้มาเกือบสองเดือนทั้งๆที่ปกติมาอาทิตย์ละครั้ง
เบญยักไหล่ก่อนจะล้วงเอาม้วนฟิล์ม
4
ม้วนในกระเป๋าส่งให้ผ่านเคาท์เตอร์
“
ลมสอบยื้อเบญไว้อะดิ ..โคตรเหนื่อยเลยเจ้”
"เห็นขอบตาก็เชื่อแล้วป้ะ.. กรอกเมลด้วย กูลืมแล้ว”
กระดาษแผ่นเดิมถูกยื่นมาพร้อมเสียงเคาะปากกาตรงที่ยังไม่ได้เขียน
“
นั่งก่อน”
เบญวางกระเป๋าเดินสำรวจร้านแล้วก็พบว่าารูปเซเลปบนฝาผนังเพิ่มมาเกือบสิบแผ่น
“
แมสแล้วนะเนี่ย”
แซวตายิ้ม พี่ลินน์ส่ายหัวก่อนจะเมาท์ดาราชื่อดังคนที่ได้มีโอกาสร่วมงานให้เขาฟัง
“
เอาแต่ใจชิบหายคิดว่าง่ายมากมั้ง..มาสี่โมงจะเอารูปสี่โมงครึ่ง อีสัด”
“
ใจเย็น ๆ” เบญกลั้วหัวเราะ
“
พี่จ๊าบไปไหนแล้วอะ”
“..
นั่นไง มาพอดี”
พี่จ๊าบเดินออกมาแปะมือกับเบญทันทีที่เห็นว่าเบญยืนหายใจอยู่ในร้านด้วย
“
ไม่บอกว่าจะมา”
แล้วเบญก็ต้องหายใจติดขัดไปหนึ่งจังหวะตอนเด็กผู้ชายเดินออกมากจากเงาพี่จ๊าบพร้อมกล้องไลก้าสีดำล้วนที่ครั้งหนึ่งพี่จ๊าบเคยบอกว่า
“
ลูกชายกูเอง หวงมาก
มีแค่มึงนะที่ได้จับมัน
”
....
เหมือนจะไม่ใช่อย่างนั้นแล้วสินะ..
“
รู้จักกันรึเปล่าเรียนที่เดียวกันนี่
,
พีช”
คนเดียวกับที่เจอบนบีทีเอส..เบญ
awkward
เกาท้ายทอยแล้วก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
“
เบญ..ผมรู้จัก”
ฝ่ายนั้นพูดก่อน
ไม่รู้ว่ารู้จักกันได้ยังไง
แต่ที่แน่ ๆคือเบญไม่รู้จัก
ยิ่งเห็นที่กล้องที่อยู่ในมืออีกฝ่ายแล้วเบญยิ่งพาลไม่อยยากรู้จัก
“แน๊
มันเทพนะเบญจาแกรมคนนี้” ว่าจบก็ควักรูปที่เขาถ่ายให้ออกมาจากกระเป๋าตังค์ “สุดยอดป้ะ พีชอยากเล่นฟิล์มต้องให้เบญสอน”
ไม่รู้ว่าทำไปเพราะไม่คิดอะไรหรือคิดแล้วแต่มันไม่มีอะไรถึงได้พกรูปที่เบญเป็นคนถ่ายให้รูปที่ล้างด้วยกันใส่กระเป๋าตังค์ไว้ตลอด
มีแต่เบญที่เผลอคิดไปชิบหาย
อุตส่าห์คิดไว้ว่ามูฟออนไปได้ไกล ใครแม่งจะรู้วะว่ามูฟบนลู่วิ่ง
ห่างไปตั้งนาน แต่ไม่ถึงไหนเลยใจไอ้เชี่ยเบญ
“
ชื่อพีชหรอ”
ทักไม่ให้สถานการณ์แย่ไปมากกว่าที่เป็นอยู่อีกคนพยักหน้าก่อนจะหามุมถ่ายรูปไปเรื่อย “อย่างนี้ถ้าลั่นไปแบบเผลอ ๆก็คือเสียเลยหรอรูปอะ”
“
เออหนึ่งชัตเตอร์คือหนึ่งภาพ ถ้ามึงไม่ได้ชอบมันมึงจะกดทิ้งๆขว้างๆก็ได้
แต่ถ้ามึงให้ค่าฟิล์มมึงจะใส่ใจมากเวลากดมัน
”
“
เฉียบว่ะ”พี่ลินน์หันหลังมาแซว พี่จ๊าบยักคิ้วก่อนจะยกมือขึ้นมายีหัวเด็กมัธยมตัวสูงผอมที่หายหน้าไปนาน
“
แน่นอนดิผมเนี่ยลูกพี่เบญจาแกรมนะครับ”
——
“
ยากว่ะ”
“
แรกก็งี้”
“
แล้วมันจะง่ายตอนไหน”
“
ตอนมึงชอบมากมึงอยากทำมาก จนลืมโฟกัสว่าวิธีทำมันจะยากหรือง่ายมั้ง”
เบญปล่อยกล้องให้ห้อยกับคอ เสื้อนักเรียนรุ่ยออกมาหย่อมนึงข้างตัวเป็นคนที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่ถึง
3
ชั่วโมง
“
ถ่ายมึงได้มั้ย”
พีชถาม และแน่นอนว่าเบญส่ายหน้า
“
ไม่คุ้มฟิล์มมึงหรอก”
ไม่มีคำพูดอะไรนอกเหนือจากนั้น เบญเดินนำหน้าไปไม่ได้สนใจว่าอีกคนจะก้าวตามหรือหยุดนิ่ง
ตอนนั้นที่พีชรู้สึกว่ากลิ่นรักสันโดษที่แผ่ออกมาจากเบญจนอึดอัดที่จะอยู่ใกล้
“
รำคาญกูหรือเปล่า”
เบญชะงัก
“
ทำไมคิดอย่างนั้น”
“
มึงไม่ค่อยพูด”
“...”
ก็แค่...เบญไม่รู้จะพูดอะไร
หลายครั้งที่เบญแสดงความเห็นแล้วโดนสายตาจับจ้องมีคนบอกว่าเบญแปลกแยกแล้วก็พยายามจะแหวกขนบสังคม
คนเราต้องปรับตัวเพื่ออยู่รอดอย่างปกติสุขแต่จะให้เบญเป็นแบบคนอื่นมันคงจะยากไป ขอเป็นแบบเดิมแต่ไม่มีใครรู้ดีกว่า
ถ้าไม่พูดก็ไม่มีใครรู้ว่าเบญคิดอะไร เท่านี้ทุกอย่างก็ง่ายขึ้นเยอะเลย
พออยู่คนเดียวก็ยิ้มเฉพาะเวลาอยากยิ้ม หัวเราะตอนตลกร้องไห้ตอนเสียใจ ไม่ต้องมานั่งปั้นแต่งความรู้สึกของตัวเองไปหลอกลวงใครทั้งนั้น
ถ้าได้ทำแบบที่อยากทำ...ต่อให้ต้องอยู่คนเดียวก็ไม่เป็นไร
“
รำคาญก็บอกพูดได้ กูไม่โกรธหรอก”
พีชไม่ได้เร่งก้าวขาตามมา มันพล่ามอยู่กับที่คนเดียวไปอย่างนั้นดูเหมือนจะไม่สนใจด้วยซ้ำว่าเบญจะฟังหรือเปล่า
“
รำ..คาญ”
“
ไม่เซอร์ไพร์ส”
“
ล้อเล่น”
เบญหันกลับไปก่อนจะก้าวไปที่ที่เคยมา
“
มึงชวนคุยสิ”
“...”
“..
กูพูดไม่ค่อยเก่ง”
———
“
ไม่เอางี้ดิพีชไอ้เหี้ย ไม่ได้ป้ะ”
เดือนที่หนึ่ง เดือนที่สอง เดือนที่สาม..รู้ตัวอีกทีก็นั่งเอาขาเกยกันดูหนังในบ้านของพีช
คริสปี้ครีมชิ้นสุดท้ายที่เบญเลือกไว้เพราะอยากกินช่วงไคลแม็กโดนกัดคำเดียวแต่แหว่งไปครึ่งชิ้นแน่นอนว่าขโมยก็ไม่ใช่ใครที่ไหน
“
กูนึกว่ามึงไม่กิน”
ตอแหล
เบญตะโกนลั่นในใจก่อนจะผลักหัวจนพีชลงไปซบกับเบาะโซฟาอีกฝั่ง
อาศัยจังหวะเผลอ งับอีกครึ่งที่เหลือไว้คาปากคิ้วขมวดขู่แง่วว่าถ้าพีชแย่งอีกที่ต้องเอาหน้าลงไปบี้จะไม่ใช่เบาะโซฟาแต่เป็นส้นตีนเบญเนี่ยแหละ
“
ขี้หวง”
พีชยีหัวเล็กก่อนจะขยับตัวนังมองจอดีๆ
ก่อนหนังจบ เบญหยิบสมุดกับปากกา ชันขาเป็นที่รองเขียน
เบญเขียนความประทับใจจากหนัง พีชเคยแอบเปิดอ่านท้ายบทความเบญจะเขียนคำขอบคุณผู้กำกับหนังเรื่องที่เบญชอบอวยพรให้ความสำเร็จไม่ทรยศความพยายาม
เข้าใจยาก แต่ที่เบญทำอยู่พีชมองว่า
แม่งน่ารักชิบหายเลย
“
เอาจริงนะกูว่าหนังกับกูแม่งไปกันไม่ได้ว่ะ”
อยู่ๆก็พูดขึ้นมา ไม่มีปี่มีขลุ่ยเบญแนบหน้าลงกับพนักพิงจนแก้มเบียดกันย้วยให้พีชเผลอตัวเอามือไปเขี่ยเล่น
“
ยังไง”
“
กูไม่อินไม่อินแล้ว ห
มดแรงขับเคลื่อนความคิดชิบหาย จากเคยมีแพชชั่นที่จะพาตัวเองไปอยู่ในจุดที่ดีกว่า มีเป้าหมายว่าทำไปเพราะอะไรรู้ลิมิตว่าชอบมันแค่ไหน แต่หลังๆมานี่มันหายไป”
เขาสะอึกไปพักหนึ่ง เบญทิ้งตัวลงบนตัก ตามันเหม่อลอยคล้ายว่าเราไม่ได้อยู่ด้วยกันบนโซฟาสีเบจ
“
แล้วมันเหี้ยตรงกูพยายามหลอกตัวเองไปเรื่อยๆว่าชอบที่จะทำมันเพราะไม่อยากยอมรับว่าที่จริงแล้วกูไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองชอบอะไร..โคตรห่วยเลยใช่ป้ะ”
เบญยกมือปิดหน้า ..สัมผัสชื้นบนหน้าขาเรียกให้พีชต้องดึงมือมันออกเพื่อจะพบว่าน้ำตาอีกคนเปื้อนสองข้างแก้ม
“
ทะเลาะกับที่บ้านอีกแล้วหรอวะ”
“
กูทะเลาะกับตัวเอง”
“
มองตากู”
“...”
“
เบญ”
ร้อยพันเสียงพิพากษ์ถึงความเหมาะสมในสิ่งที่เบญเป็น
ครอบครัวไถ่ถามถึงความถูกต้อง ทวงร้องขอบุญคุณที่สักไว้บนหน้าผากด้วยหยดหมึกสีใสตั้งแต่เกิดใจความคือให้เบญสำนึก
ต้องทำให้ได้ ต้องเป็นที่ภูมิใจ ต้องไม่ผิดพลาด และต้องสมบูรณ์แบบ
เบญเริ่มรู้สึกว่าคำว่าถูกต้องของตัวเองกับครอบครัวเข้ากันไม่ได้อย่างสุดโต่งครั้งแรกตอนรู้ว่าตัวเองเป็นเกย์
ลองโยนหินถามทาง อ้างถึงเพื่อนชายที่ไม่มีตัวตนถามความเห็นพ่อทั้งพิรุจน์เต็มอก
ตอนนั้นถึงได้รู้
พ่อบอกว่ามันผิดปกติ ผิดธรรมชาติ เป็นบาปอย่าสาหัสแต่เบญมองว่าเป็นอีกประเภทของความรัก
การตีกรอบจากคนหมู่มากไม่ได้แปลว่าจะถูกต้อง
เบญเชื่ออย่างนั้นเสมอ
เป็นความเชื่อที่เข้ากันไม่ได้เพราะมีหนึ่งฝ่ายไม่ชอบใจที่จะเปิดรับ
ครอบครัวเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่สนิทใจตั้งแต่ที่เบญรู้สึกได้ว่าการมีลูกเป็นแค่การเล่นขายของของพวกผู้ใหญ่
ไม่ได้เหมารวมหรอก เบญมีเพื่อนที่ครอบครัวซัพพอร์ตทุกความชอบสนับสนุนในทุกความสุข พอย้อนกลับมามองบ้านตัวเองแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจพวกเขาทำเหมือนว่ากะอีแค่ชอบผู้ชายมันจะทำให้โลกแตก
หลังจากนั้นก็อีกหลายเรื่อง
แพทเทิร์นความสุขของพ่อเป็นไปทางขวาแต่เบญเอียงไปทางซ้ายถ้าคุยก็มีปากเสียงเรื่องเลยจบที่เบญปิดปากเงียบอยู่ในห้องกับหูฟังแล้วก็หนังสักเรื่องที่จะพาเบญหนีออกจากสังคมที่ขัดแย้งกับความต้องการ
ถ้าไม่ชอบก็ใช้ชีวิตต่อไปแบบไม่ต้องสนใจสิ
ไม่เห็นจะต้องพยายามยัดเยียดความคิดให้เบญใหม่เลย
ถูกต้องในที่ของตัวเองไม่ได้หรอในเมื่อความชอบของเบญก็ไม่เคยทำใครเดือดร้อน
พีชขยับเข้ามาซ้อนหลังดึงอีกคนขึ้นไปนั่งทับบนตักกางเกงนักเรียนสีน้ำเงินร่นจนเห็นขาอ่อน
“
ใครทำอะไรมึง..บอกกูหน่อยเบญ”
“
ไม่มี”
“
แล้วมึงร้องไห้ทำไม”
“..
กูเริ่มคิดว่าตัวเองแปลก”
นั่นคือสิ่งที่เลวร้ายทีสุด
เบญกลัวการถูกสังคมกลืนตัวเองในแบบที่ชอบไปแล้วทิ้งเบญแบบที่พวกเขาชอบไว้
....
แล้วสุดท้ายเบญก็จะเป็นแบบนั้น
แบบที่เบญเกลียดมันมาตลอดชีวิต
“
หรือกูจะแปลกจริงๆวะพีช”
——
“
ให้ไปส่งมั้ย”
“
ไม่เป็นไร”
“
แต่...”
“
ไปหาป่านเถอะ แฟนมึงรอแล้ว”
เบญยัดเสื้อใส่กางเกง หมดเวลาแล้ว บ่ายสี่โมงห้าสิบเบญมีเรียนพิเศษ ส่วนพีชก็ต้องใช้ชีวิตต่อในโลกความเป็นจริง
“
เมื่อไหร่มึงจะเลิกอ้างป่าน”
“
อ้างป่านอะไร”
“
ช่างเหอะ กลับดีๆ”
เบญพยักหน้านั่งยองใส่รองเท้าก่อนจะเปิดประตูออกจากห้องไปไม่แม้จะมองกลับมา
“
ฮัลโหลป่าน..พีชไปไม่ได้แล้วนะที่บ้านเอารถไปใช้อะ”
กดวางสายก่อนจะก้มมองจากหน้าต่างชั้นสองเห็นเบญหยิบแอร์พอดขึ้นมาใส่หูตรงเงาไม้ข้างบ้านมันยืนรออยู่อย่างนั้นจนวินมอเตอร์ไซมาจอดเทียบ
“
โทษทีพี่”
แบงค์สีแดงถูกยีดใส่มือพี่วิน พีชดึงแขนเบญไว้ “เดี๋ยวผมไปส่งเพื่อนเอง อันนี้ค่าเสียเวลา”
“
อะไรของมึงวะ”
“
ป่านไม่ได้ไปเรียนวันนี้”
เบญเดินกลับเข้ามาในรั้วบ้าน ถอดแอร์พอด ถอนหายใจเหนื่อยหน่าย
บางครั้งพีชก็ทำอะไรไม่ค่อยคิด
“
กูไปส่ง”
ว่าจบก็ยัดเพื่อนเข้ารถ งุ่นง่านกับการคาดเข็มขัดอยูพักใหญ่ก่อนรถจะออกตัวเบญเอื้อมมือไปดึงแขนเสื้อยืด พีชหันมามองสถานการณ์เดดแอร์กำลังเริ่มขึ้น แล้วมันจะเดินต่อไปเรื่อย ๆ ถ้าไม่มีใครปริปาก
“
กูจะไปบ้านพี่จ๊าบ”
..
ไม่ได้ดีขึ้นเลย
พีชเผลอกำกุญแจรถแน่น และแน่นอนว่าหนีไม่พ้นสายตาเบญจามิน
“
มึงตลกหรอ”มันว่าก่อนจะทิ้งตัวกับเบาะ “ขอร้องเหอะว่ะ มึงก็รู้ มันมีเมียแล้ว”
“
มึงก็มีแล้ว”
“
มันไม่เหมือนกันไงเบญ”
“
ไม่เหมือนยังไง”
“
มึงก็รู้ว่าแม่งไม่ได้บริสุทธิ์ใจอะ”
“
พีช”เบญถอนหายใจอีกหน รบเร้าผ่านสายตาให้อีกคนทบทวนคำพูดตัวเองอีกครั้ง
“มึงก็ไม่ได้บริสุทธิ์ใจกับกูไม่ใช่หรอวะ”
จะไปต่างอะไร
ไม่ว่าใครก็เหมือนกันทั้งหมด
เสียงอากาศคุยกันดังแผ่วเป็นคำตอบ ความจริงบีบคั้นให้ต้องนิ่งเงียบไม่มีคำตอบผ่านปล่องเสียง แรงกระชากออกตัวของรถทดแทนอารมณ์ร้าย
ปลายทางไม่ใช่จุดหมาย
ทุกคนก็เอาแต่ใจแบบนี้แหละ
ไม่มีใครสนใจความต้องการของเบญหรอก
จะไปต่างอะไร
ไม่ว่าใครก็เหมือนกันทั้งหมด
1/2
#fiction
#jaedo
supersaranchai
Report
Views
เบญจามิน #benjastagram : jodae
–
supersaranchai
View Story
subscribe
Comments
()
Facebook
(
0
)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in
ยืนยันการซื้อ ?
เหรียญที่มีตอนนี้: null
มีเหรียญไม่พอซื้อแล้ว เติมเหรียญกันหน่อย
เหรียญที่มีตอนนี้ : null
Please Wait ...
ซื้อเหรียญเรียบร้อย
เลือกแพ็คเกจเติมเหรียญ
เลือกวิธีการชำระเงิน
Credit Card
Cash @Counter
Line Pay
ระบบจะนำคุณไปสู่หน้าจ่ายเงินของผู้ให้บริการ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in