หากแรงโน้มถ่วงนั้นเป็นสากล มันก็คงไม่มีหรอกว่าการดึงดูดนั้นมากเกินไปหรือน้อยเกินไป จึงมีเพียงฉันที่ไม่อาจเข้าใจ จึงเชื่องช้าเกินไป หรือรวดเร็วเกินไป เกินกว่าจะรักษาสมดุลได้เสมอ บ่อยครั้งจึงทำได้เพียงแค่พาตัวเองหนีออกมาจากวงโคจรนั้น เพื่อที่จะได้ไม่ถูกแรงดึงดูดทำให้ร่วงหล่น และแตกสลายสิ้นซาก
การก้าวเข้าไปอยู่ในวงสังคมมีทั้งแบบเลือกเองได้ เลือกเองไม่ได้ และบางครั้งฉันเองก็เป็นคนตัดสินใจก้าวเข้าไปหามันด้วยตนเอง เข้าไปนั่งจุมปุ๊กอยู่ตรงนั้น สบดวงหน้ามากมาย รับฟังบทสนทนาอันหลากหลาย โต้ตอบด้วยความจริงใจ ความรู้ ไหวพริบ เท่าที่มี หากราวกับอยู่ในงานเลี้ยงที่คุณเพียงคนเดียวไม่ทราบว่าเป็นงานเต้นรำสวมหน้ากาก ใบหน้าคุณจึงเปลือยเปล่า ถูกจ้องมองและสังเกตอารมณ์บนสีหน้าได้อย่างง่ายดาย
ขณะที่คุณไม่อาจรู้ได้เลยว่าภายใต้หน้ากากเหล่านั้นรู้สึกนึกคิดเช่นไร คุณแปลกแยกแต่ก็รักงานเต้นรำอันเลิศหรูอลังการนี้เหลือเกินและบอกตัวเองว่าฉันจะอยู่ต่อ ฉันก็เต้นรำเป็นเช่นกัน ไม่มีใครในงานไล่คุณ แต่ก็ไม่มีใครหยิบยื่นหน้ากากอันใหม่ให้คุณ
เสียงดนตรีคลอเคลีย เงาร่างส่ายไหว และจังหวะก็เร่งเร้าเปลี่ยนไป...
ต่อให้คุณพยายามตามสเต็ปของคู่ที่นำคุณอย่างดีพร้อมกับยิ้มเขินอายเพื่อขออภัยที่เผลอไปเหยียบปลายเท้าเขาแค่ไหน คุณก็ไม่อาจเสแสร้งต่อตนเองได้เลยว่าจวบจนกว่าเพลงนั้นจะจบ ในหัวคุณมีแต่ความวิตกกังวล ขออย่าให้ใครสังเกตเห็นหรือถือโทษที่คุณเต้นไม่เอาไหนเสียเลย
แล้วเมื่องานเลี้ยงอำลา ราตรีผ่านพ้น คุณก็กลับบ้านอย่างอ่อนล้า และกำชับกับตัวเองให้มั่นว่าคราวหน้า จะต้องหาหน้ากากมาสวมใส่
แต่เธอก็รู้ใช่มั้ยว่าประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่หน้ากากหรอก เราไม่สมควรจะไปอยู่ที่งานนั่นตั้งแต่แรกแล้วต่างหาก ต่อให้เราอำพรางใบหน้า พวกเขาก็รู้อยู่ดี เหมือนในหนังคูบริกที่ทอมครูซเล่นนั่นไง
และฉันก็ไม่ได้กำลังพูดถึงว่าหน้ากากเป็นสัญลักษณ์ของการหลอกลวงหรอก พวกเขาไม่ได้ผิดอะไร เหมือนเป็นเครื่องหมายบอกว่าเราพวกเดียวกันมากกว่า ฉันเองแหละที่ไม่รู้จักเจียมตัว มัวแต่โง่งม ไม่รู้ว่าตนชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไร ออกจะใคร่รู้ไปเรื่อย คิดว่าบางทีเราอาจจะเอาดีด้านนี้นะ บางทีที่แห่งนี้อาจจะเหมาะสมกับเรา แต่ไม่มีใครต้องการคนที่ไม่จริงจังกับอะไรสักอย่างหรอก ในเมื่อคุณก้าวเข้าไปแล้วพวกเขาก็จะคาดหวังให้คุณรู้ทุกอย่าง
มันมักจะมีจังหวะหนึ่งเสมอในบทสนทนา บางครั้งเขาก็จะถามบางสิ่งกับฉัน เคยดูหนังเรื่องนี้มั้ย รู้จักเพลงนี้หรือเปล่า เคยไปที่นั่นมั้ย รู้จักคนนี้หรือเปล่า ฉันคงยิ้มแห้ง ไม่ก็ขยับตัวเงียบๆ เพื่อให้เขาเข้าใจเอาเอง แล้วพูดอะไรต่อมิอะไรไปเรื่อยเปื่อย หรือ บางครั้ง เขาก็แค่คุยกับคนอื่น คำพูดที่ฟังรู้เรื่องแต่ไม่อาจเข้าถึงราวกับภาษาที่สาม ไม่มีล่ามแปลให้ฟังเลยต้องนั่งเจื่อน
แน่นอนว่าที่กล่าวมานี้ยังถือว่าโชคดี ดีกว่าพวกเขาไม่เอ่ยอะไรให้คุณฟังสักคำ
..ความไกลห่างระหว่างเราทบทวี
ฉันอยากจะลุกหนีไปเสียให้ได้ ที่นี่คงไม่เหมาะกับฉัน แต่อีกใจหนึ่งก็รั้งเอาไว้ เข้มแข็งหน่อยสิ เธอเข้ามาตรงนี้เอง เธออยากจะอยู่ที่นี่ไม่ใช่หรอ แต่การพยายามฝืนมันจะคุ้มค่าจริงๆหรอ ผลลัพธ์ที่ไม่รู้ว่าสุดท้ายฉันจะได้รับมอบหน้ากากนั้นหรือเปล่า หรือฉันควรถ่อมเนื้อถ่อมตัวกลับไปอยู่ในที่ของตัวเองดี ความรู้สึกขัดแย้งภายในใจตั้งแต่เริ่มมันก็ไม่เคยหยุดเลย ทำไมในวงสนทนา ร่างกายฉันกลับลอยเหนือพื้น เท้าเปลือยเปล่าเคว้งคว้างกลางอากาศ มีเพียงตัวเราและตัวเราและตัวเราเอง ถ้าฉันไม่รั้งไว้ ถ้าฉันไม่พยายามที่จะอยู่ต่อ มันก็ไม่มีมือที่ไหนหรือเชือกวิเศษอันใดมาดึงให้ฉันไม่จากไป
เพราะฉะนั้น ถ้าหากวันหนึ่งฉันไม่ได้อยู่ตรงนี้ ในครรลองสายตาเธอ
โปรดรับรู้ว่า ฉันไม่ได้อยากจากไป...
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in