เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
I Could Be AnythingMaya Jett
ทำไมคนเราชอบทำร้ายจิตใจคนรัก!? หรือว่าเค้าจะเป็นโรคหลงตัวเองกันนะ
  •     หลายวันมานี้เรากลับมานั่งอ่านบทความต่างๆ และคำถามคำตอบมากมาย (ในเว็บไซต์ Quora หลายคนน่าจะรู้จัก) ในหัวข้อ “Narcissist” หรือเรียกกันในแบบภาษาไทยก็คือ “โรคหลงตัวเอง” นั่นเอง ต้องออกตัวก่อนว่าเราไม่ใช่นักจิตวิทยา จิตแพทย์ หรือนักเรียนจิตวิทยาหรืออะไรก็ตามที่มีความรู้พอที่จะมั่นหน้ามั่นตาว่าเรารู้จักโรค (หรือภาวะ) นี้พอ แต่เราสนใจเรื่องพวกนี้มาก ชอบอ่าน ถึงจะไม่ได้คิดว่าอ่านมามากจนรู้เยอะ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเอามาเล่าให้รู้กันสักเล็กน้อยแล้วกัน 

        บทความต่อไปนี้ก็แปลมาจากหลายๆ ที่ ที่อ่านมาแล้วชอบ ซึ่งเป็นบทความจากนักจิตวิทยาบ้างอะไรบ้าง เอามาจากคลิปบ้าง บวกกับประสบการณ์และความคิดของตัวเราเอง ลองอ่านๆ ดูแล้วกัน อยากรู้ว่ามีใครเคยเอะใจไหมว่าเป็นอาการนี้ หรือคนรอบตัวเราเองที่เป็น หรืออะไรก็ตามแต่ ลองดูกัน..


    โรคหลงตัวเอง (Narcissistic Personality Disorder) 

        หรืออาจเรียกอีกชื่อว่า Narcisisitic เรียกย่อๆ ว่า NPD เป็นภาวะและโรคหลงตัวเองที่แล้วแต่ว่าใครจะมีมาก - น้อยแตกต่างกันไป เอาจริงหลายคนคงคิดว่า มันเป็นที่นิสัยและการเลี้ยงดูมารึเปล่า เออมันก็ใช่ แต่นิสัยมันก็คือ personality ของเรา ตัวตนเรา แล้วคนที่มีภาวะหรืออาการหลงตัวเองเนี่ยมันก็มีไม่น้อย ดูตัวอย่างง่ายๆ แบบง่ายที่สุดก็พวกดาราคนดังต่างๆ ที่มีอาการอะไรทำนองนี้ (ซึ่งเค้าอาจเป็นหรือไม่เป็นก็ได้) และคนที่มีอาการเยอะจนเข้าขั้นเป็นโรคและต้องปรับเปลี่ยนนิสัยหรือไปหาจิตแพทย์ก็น่าจะเป็นคนที่หลงตัวเองจนเข้าขั้นเดือดร้อนชาวบ้าน หรือทำลายความสัมพันธ์ แต่ถ้ายังไม่แย่ขนาดนั้นก็น่าจะไม่เป็นไร

    (เขียนยากจังวะ กลัวว่าจะไปแตะเส้นบางๆ ระหว่าง มึงไม่ได้เรียนมา ทำมาเป็นรู้ดี 55555 กับ ก็กูแค่อยากเขียนความคิดเห็นอ้ะ

        โรคหลงตัวเองที่ว่านี้ไม่ได้เป็นแค่การมั่นหน้ามั่นโหนกว่า เฮ้ย กูสวยเหี้ยๆ สวยกว่ามึงเยอะ (คิดในใจ) ส่องกระจกกี่ทีก็รู้สึกว่าสวย และมักคิดว่าตัวเองสวยเกินจริงไปอีกหลายเท่า แต่มันก็ไม่ได้มีแค่นั้น โรคหลงตัวเองจะมีอาการเห็นแก่ตัว อยากเป็นที่หนึ่ง และคิดว่าตัวเองเจ๋งกว่าใครๆ อยู่ด้วย อารมณ์ว่า กูทำอย่างงั้นอย่างงี้ไม่ผิด ใครจะทำไม พวกมึงมันกาก กูอ่ะเหรอ เจ๋งสุดดิ (ส่วนมากก็คงไม่ได้พูดออกมาทุกคนหรอก ไม่งั้นอาจมีใฝว้กันได้)

        เบื้องต้นเราเอาข้อมูลจากที่เคยอ่านในนี้มา เป็นข้อมูลจากโรงพยาบาลและมีให้สังเกตตัวเองทั้งหมด 17 ข้อ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังคงอยากพูดคำเดิมอยู่ว่า อย่ามโนคิดไปเองว่าเราเป็นโรคอะไร ถ้าไม่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นจริงๆ และเอาจริง เราว่าโรคหลงตัวเองเนี่ยไม่น่าจะร้ายแรงจนถึงขั้นต้องเรียกว่าโรค แต่คือเค้าก็เรียกกันไง ก็เออ ตามนั้น 5555 อ่ะ งั้นมาดูรายละเอียดต่อกัน 


    เราจะรู้ได้ไงว่าเค้า/หรือเราเป็นโรคหลงตัวเอง

        เมื่อคืนเรานั่งดูคลิปวิดีโอในช่องจิตวิทยาช่องนึงในยูทูบ และเค้าทำสรุปง่ายๆ ผ่านตัวการ์ตูนเรียบๆ น่ารัก ในหัวข้อว่า “มาเช็กกันว่าเรากำลังเดทกับพวกหลงตัวเองอยู่รึเปล่า” แน่นอนว่าบางทีคนรอบข้างที่เราสนิทๆ กันด้วยตอนนี้ก็อาจจเป็นโรคหลงตัวเอง หรืออาจจะตัวเราเองด้วยซ้ำ แต่จะให้สังเกตยังไงดีล่ะ? 

        ถ้าเป็นเพื่อนหรือคนที่ทำงาน คนอื่นๆ ที่ไม่ได้ใกล้ชิดถึงขั้นแฟนก็ไม่เป็นไร แค่ให้รู้ไว้ แต่ถ้าในกรณีคนรักหรือกิ๊กหรือแฟน ผัวเมียตั่งต่าง ขอเตือนไว้เลยว่าความสัมพันธ์กับคนแบบนี้อาจมีผลต่อด้านอารมณ์ เพราะคนเป็นโรคหลงตัวเองจะมีความสามารถสูงมากในการควบคุม ความเอาชนะ ความตีเนียนทำให้พวกเธอรู้สึกตกเป็นรองโดยไม่ได้ตั้งใจ และที่แย่ที่สุดคือ การทำร้ายความรู้สึกกัน (ทั้งๆ ที่ปากบอกว่ารักเนี่ยนะ!?) นอกจากนั้นพวกหลงตัวเองยังมีนิสัยออกแนว โอ้อวด, ต่อต้าน / เป็นปรปักษ์, พวกเรียกร้องความสนใจ และ มีความเอาใจใส่ความรู้สึกคนอื่นต่ำ (เรียกง่ายๆ ว่า โนสน) และที่เงิบกว่านั้นคือ คนพวกนี้จะไม่รู้ตัวเลยว่าการที่เค้าเป็นแบบนี้มันเอฟเฟกคนอื่นยังไง โดยเฉพาะคนรักและคนใกล้ตัวที่เกี่ยวข้องทางใจเยอะกว่าเพื่อนตั่งต่าง

        การคบเป็นกิ๊กหรือแฟนกับพวกหลงตัวเองจะต้องทำใจอย่างนึง คือความสัมพันธ์จะไม่ค่อยยืนยาว และค่อนข้างผิวเผิน คือพูดง่ายๆ ว่าพวกหลงตัวเองจะสามารถหยุดความสัมพันธ์นั้นได้ง่ายๆ เมื่อเค้ารู้สึกว่าเบื่อหรือไม่มีอะไรใหม่ๆ ให้เรียนรู้และลองอีกแล้ว และเวลาพวกนางไป นางก็จะโนสนอย่างแท้จริง 

    เราจะสรุปให้เป็นข้อๆ ดังนี้ (จากคลิป Signs You’re Dating a Narcissist)

        หมายเหตุ : หัวข้อที่จะยกตัวอย่างดังนี้ อาจไม่ได้ตรงกับทุกคน (ที่เป็น) บางคนอาจไม่เป็นแบบข้อนั้นข้อนี้ แต่อย่างน้อยก็ให้รู้ไว้ไม่เสียหายจ้า 


    • 1. Bragging (โอ้อวด)

        คนๆ นั้นของเธออาจจะมีความมั่นหน้ามากเป็นพิเศษเกี่ยวกับความสามารถต่างๆ เค้าจะมั่นใจมากว่าสามารถทำนั่นนี่ได้ดี หรืออาจจะคิดว่าตัวเองดีและเก่งไปซะทุกเรื่อง ซึ่งก็ทำให้เห็นแจ่มแจ้งชัดเจนว่าเค้าเป็นคนที่คิดว่าตัวเองดีกว่าคนอื่นๆ แน่นอน

    • 2. Self-centeredness (เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง)

        ส่วนมากอาจเป็นคนที่ชอบพูดถึงแต่เรื่องตัวเอง อันนี้ก็น่าจะต่อมาจากข้อเมื่อกี๊แหละ คือในเมื่อเค้ามั่นใจในตัวเองและภูมิใจในตัวเองมาก ก็ไม่แปลกที่เค้าอยากจะพูดถึงตัวเองตลอดเวลา สังเกตง่ายๆ เวลาเราเจอใครในงานปาร์ตี้หรืองานต่างๆ และเพิ่งทำความรู้จัก หรืออาจจะเป็นเพื่อนที่รู้จักอยู่แล้ว ก็จะเป็นพวกที่คุยแต่เรื่องตัวเองไม่หยุด ไม่ได้มีความสนใจที่จะถามเรื่องของเรามากมาย หรือไม่ได้อยากฟังเรื่องอะไรเกี่ยวกับเราเลย เราว่าข้อนี้มันก็พูดยากเหมือนกัน เพราะจากประสบการณ์ตัวเอง เราว่ามันมีทั้งคนที่พอใจที่จะฟังเรื่องของคนอื่น และคนที่รำคาญคนที่ชอบพูดเรื่องของตัวเอง และคนที่ชอบพูดเรื่องของตัวเองนี่แหละคือพวกเข้าข่ายเป็นโรคหลงตัวเองอย่างที่เค้าว่ากัน 

    • 3. Gaslighting (แปลยากจัง)

        คำว่า Gaslighting หาคำจำกัดความยากมาก แต่จะเป็นเหมือนการเนียนๆ ทำอะไรบางอย่างใส่เธอ (เหยื่อ หรือคนรัก) ในช่วงเวลานึง และเมื่อคนๆ นั้นเริ่มรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติ พวกเค้าก็จะติติงเธอ ประมาณว่า “เธอคิดไปเองรึเปล่า?” “ทำไมต้องใส่ร้ายเราด้วยล่ะ?” หรืออะไรก็ตามแต่ที่ทำให้เธอรู้สึกสงสัยว่า “กูเยอะไปรึเปล่าวะ” ซึ่งจริงๆ แล้ว เธอไม่ได้คิดไปเอง อีคนนั้นน่ะร้ายสุดๆ ไปเลย และที่ยิ่งร้ายไปกว่านั้นคือต่อให้เค้าจะรู้ว่าเค้าเนียนหลอกเธอมาตลอด แต่เค้าก็จะตีเนียนซื่อๆ เพราะเค้าชอบที่จะเห็นเธอเป็นบ้า สติแตก หงุดหงิดกับการที่เธอทำอะไรไม่ได้เลย 

        อย่าลืมว่าถ้าเป็นแฟนหรือกิ๊กกับพวกหลงตัวเอง คนพวกนี้จะคิดเสมอว่าเค้าฉลาดกว่าเธอ และพยายามใช้อำนาจพวกนั้นเปลี่ยนแปลงความคิดเธอ จนเธอเชื่อว่าเค้าถูกเสมอนั่นแหละ 

    • 4. Emotional Detachment (ขอไม่แปลนะเพราะไม่รู้จะใช้คำไรดี) 

        คนเป็นโรคหลงตัวเองส่วนมากจะโผล่มาในรูปแบบของ “แฟนในฝัน” ที่หลายๆ คนหมายปอง แต่นั่นก็จะเป็นแค่ช่วงแรกๆ หรือที่เรียกกันว่าช่วงโปรโมชั่นน่ะแหละ ช่วงนั้นจะเป็นช่วงที่เค้าจะสรรหาวิธีสารพัดมาทรีตพวกเธออย่างดีจนตายใจ แต่อย่าลืมว่าการที่เค้ามาดีด้วยขนาดนั้นมันเป็นเนเจอร์ที่เค้าเป็นอยู่แล้วตั้งแต่แรก เพราะเค้าจะเหมือนสร้างพวกเธอขึ้นมาในความคิดเอง ว่าเธอดีอย่างงู้นอย่างงี้ ดูเพอร์เฟค เป็นคนที่ใช่แน่นอน แต่ด้วยความหลงตัวเองและอีโก้ของพวกเค้าก็จะทำให้เมื่อถึงจุดหนึ่งของความสัมพันธ์ เมื่อเค้ารู้ว่าจริงๆ แล้วเธอไม่ใช่คนในฝัน ไม่ได้มีอะไรดีเลิศเลอ รู้สึกรำคาญเธอโดยไม่มีสาเหตุ อาจเป็นสัญญาณว่าเค้าเข้ามาเก็บเกี่ยวความสนุกสนานอะไรไปเต็มที่แล้ว ก็เป็นไปได้ว่าพวกเค้าจะหายไปอย่างคาดไม่ถึง 

    • 5. Instant Messaging (ทำไมไม่ตอบชั้น)

        เคยโดนกันมั้ย เวลาตอบไลน์ช้า หรือตอบแชทอะไรก็ตามช้าแล้วโดนเหวี่ยง นี่อาจเป็นสัญญาณว่าคนๆ นั้นของเธอเป็นพวกหลงตัวเองจ้า สาเหตุก็เข้าใจไม่ยาก คือพวกหลงตัวเองเค้าจะพึงพอใจก็ต่อเมื่อได้รับการตอบสนองตามต้องการ ณ ตอนนั้นเลย เพราะความรู้สึกต่างๆ จะขึ้นอยู่กับคนรอบๆ ข้าง หรือเหยื่อของพวกเค้า และจำไว้เลยว่าถ้าเธอตอบข้อความหรือตอบสนองอะไรก็ตามใส่เค้าช้าเกินไป พวกเค้าจะรู้สึกอ่อนแอ ไม่มั่นคงทางอารมณ์ ซึ่งตัวพวกเค้าเองก็รู้ว่าจริงๆ คนเรามีอะไรทำตั้งหลายอย่าง และมันก็ไม่แฟร์หรอกที่ใครคนนึงจะต้องการเวลาและเรียกร้องเธอมากเกินไป เพราะเธอเองก็ต้องมีเวลาทำนู่นนี่ของเธอเองเช่นกัน แต่ถามว่าแคร์มั้ย ก็ไม่จ้าาาา (เพราะมันเป็นธรรมชาติของพวกเค้านะ)

    • 6. Drama (เจ้าแม่/เจ้าพ่อดราม่ามาเอง)

        อันนี้ต้องบอกก่อนว่าถ้าเจอใครที่ชอบดราม่าอยู่แล้ว ก็อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าเค้าเป็นพวกหลงตัวเอง แต่พวกหลงตัวเองจะชอบแอคติ้งเกินตัวไม่ว่าจะในแง่ดีหรือลบ ทั้งนี้ก็เพราะอยากทำให้คนอื่นรู้สึกชอบ หลงใหล สนใจ ลองสังเกตว่าถ้ากิ๊กหรือแฟนเธอเคยเล่าเรื่องราวดราม่าๆ ในชีวิตให้ฟังบ่อยๆ ก็อาจจะเป็นแค่การเรียกคะแนนความสงสารให้เธอสนใจก็ได้

    • 7. Controlling (ชอบควบคุม)

        เค้าของเธออาจเป็นคนชอบควบคุมทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนไปเที่ยวกัน การตั้งสถานะต่างๆ เช่น เป็นแฟนกับคนนั้นคนนี้ ในเฟซบุ๊ก หรืออะไรก็ตาม พวกเค้าต้องรู้สึกว่าได้วางแผนจัดการและคุมทุกอย่างไว้ในมือเค้าเอง ทั้งนี้ก็เพื่อให้ตัวเองรู้สึกมีพลังอำนาจขึ้นมา

    • 8. No means No (ไม่ก็คือไม่.. เหรอ?)

        นอกจากการควบคุมแล้วก็ยังมีการ “บังคับ” อ้อมๆ ที่อาจเกิดขึ้นอย่างเนียนๆ ได้บ่อยๆ เช่น เวลาเธอบอกเค้าว่า “ไม่” มันก็คือไม่ ใช่มะ แต่สำหรับพวกหลงตัวเอง คำว่า “ไม่” คือการเล่นเกมโปรดของพวกเค้าเลย ยกตัวอย่างเช่น เธอไม่กินเนื้อ จะเหตุผลอะไรก็ตามแต่ เค้าจะต้องหาวิธีมาพูดหว่านล้อมและบังคับให้เธอรู้สึกว่า “กูต้องกิน” ซึ่งมันก็อาจเกิดขึ้นได้กับเรื่องอื่นๆ อีกเยอะ 

    • 9. A User (เธอถูกหลอกใช้แล้วแหละ)

        เคยรู้สึกว่าคบกับใครแล้วโดนหลอกใช้บ้างมั้ย? คนๆ นั้นอาจเป็นพวกหลงตัวเองก็ได้นะ.. อย่าลืมว่าพวกหลงตัวเองมักจะคบคนเพื่อสนองนี้ดต่างๆ ของตัวเองเท่านั้น จะเป็นทั้งความรู้สึกหรือทางกาย หรือเพื่อความสะดวกสบาย หรืออะไรก็ตาม เคยรู้สึกว่าเค้าแคร์เธอจริงๆ บ้างมั้ย หรือคิดถึงแต่ตัวเอง? เค้าเคยถามรึเปล่าว่าชีวิตเธอเป็นยังไง สบายดีมั้ย บลาๆ ถ้าเค้าสนใจแต่ตัวเอง พาแต่เธอเข้าไปในโลกของตัวเค้าเองอยู่ตลอดเวลาโดยที่เธอไม่เคยเป็นตัวของตัวเองหรือเค้าไม่เคยสนใจอยากรู้หรืออยากเห็นโลกของเธอบ้างเลย นี่ก็อาจเป็นสัญญาณว่าควรกลับมาคิดได้ละ ว่าเค้ารักตัวเองหรือรักเธอกันแน่ 


        และทั้งหมดก็คือตัวอย่างที่ชัดๆ แต่อย่าลืมว่าไม่ได้หมายความว่าทุกคนที่เธอรู้สึกว่า “เออ ก็ตรงกับข้อนี้ว่ะ” หรือ “ตรงหลายข้อเลย” จะเป็นโรคนี้กันจริงๆ แต่มันก็คือความรู้อย่างหนึ่งที่เราเอามาเล่าให้ฟังแล้วกันนะ 

        ข้อดีอย่างนึงของพวกหลงตัวเองคือพวกเค้าไม่ได้เดายากซะขนาดนั้น เนื่องจากแพทเทิร์นของการกระทำบางอย่างที่เด่นๆ ของพวกเค้ามันก็คล้ายๆ กัน และถ้าเราพอจะมองออกว่าคนๆ นี้เป็นแบบนี้ แล้วเราคิดว่าไม่น่าจะโอสำหรับความสัมพันธ์ระยะยาว ก็ลองคิดๆ ดู บางทีอาจจะดีกว่า ถ้าเรารู้ตัวก่อนและหาทางรับมือและเข้าใจเนเจอร์ของพวกเค้า 

        จริงๆ มันมีรายละเอียดของวิธีการ “ทำร้ายจิตใจ” และแพทเทิร์นของวิธีต่างๆ ที่พวกหลงตัวเองใช้กัน แต่มันจะยาวเกินไป เอาเป็นว่าเดี๋ยวจะมาต่อกันในบทความหน้าดีกว่า 

        ใครที่ชอบอ่านเรื่องราวสนุกอื่นๆ เราขอเชิญไปเสพเรื่องราวแรนด้อมได้ที่ www.mayajett.com จ้า กดไปเลยๆๆ 




Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in