Merry Christmas, Mr. Lawrence (1983)

ผู้กำกับ: Nagisa Oshima

นักแสดงนำ: David Bowie, Ryuichi Sakamoto, Tom Conti, Takeshi Kitano และ Jack Thompson

แนว: War/Drama

เรท: R

ดาว: 4.5/5

คำเตือน: ภาพยนตร์เรื่องนี้มีการใช้กำลัง การทำร้ายร่างกาย ความรุนแรง และมีฉากที่ถ่ายให้เห็นเลือดและบาดแผลฉกรรจ์

               Merry Christmas, Mr. Lawrence (ชื่อภาษาญี่ปุ่น: 戦場のメリークリスマス) หรือที่มักจะรู้จักกันในแถบยุโรปในชื่อ FURYO ซึ่งมาจากคำศัพท์ภาษาญี่ปุ่น 俘虜 (ฟุเรียว) ที่มีความหมายว่า "จำเลยสงคราม" 

               นี่คือเรื่องราวของกลุ่มทหารอังกฤษในค่ายเชลยบนเกาะชวาในปี 1942 ภายใต้การบัญชาของทหารญี่ปุ่น และความสัมพันธ์ของผู้คนในค่ายกักกันแห่งนี้ที่เต็มไปด้วยกำแพงแห่งความแปลกแยกและความแตกต่างที่นำไปสู่จุดจบอันน่าสลดใจ

“ พวกเขาล้วนเป็นชายผู้มีเกียรติ แต่มนุษย์เราต้องกระทำการใดบ้างเล่า一ในนามของเกียรติยศเหล่านั้น "

เซลเลียร์สถูกจับกุมในค่ายกักกัน 

              ในความคิดเห็นส่วนตัวแล้ว เรามองว่าตัวละครในหนังเรื่องนี้ก็เป็นเพียงแค่มนุษย์ธรรมดาที่ไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร แต่ความธรรมดาเหล่านั้นกลับแสดงให้เห็นถึงความขัดแย้งของทั้งสองฝ่ายได้เป็นอย่างดี ตัวละครอย่าง ผู้กองโยโนอิ และ ผู้หมวดฮาระ ที่โหดเหี้ยม เคร่งครัด ยึดมั่นในอัตตาของตน เมื่อนำไปเทียบกับตัวละครอย่าง ร้อยเอกฮิกส์ลีย์ และ พันตรีเซลเลียร์ส ที่มีความคิดแบบตะวันตกแล้ว สามารถเน้นย้ำถึงสองความเชื่อที่ไม่มีวันบรรจบกันได้ อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความแตกต่างกันอย่างสุดขั้ว ยังมี พันโทลอว์เรนซ์ ผู้ที่พยายามเข้าใจความคิดเหล่านั้นของทั้งสองฝ่าย

               อีกหนึ่งประเด็นที่ Merry Christmas, Mr. Lawrence ได้นำเสนอออกมาคือการรักร่วมเพศในหมู่ทหาร สังเกตได้จากท่าทีของโยโนอิที่มีต่อเซลเลียร์สตั้งแต่เจอกันครั้งแรก ซึ่งประเด็นนี้ได้นำไปสู่เหตุการณ์สำคัญบางอย่างที่จะตราตรึงอยู่ในใจของใครหลายคน

ลอว์เรนซ์พูดคุยกับฮาระในห้องคุมขัง

               ในช่วงท้าย หลังทุกอย่างจบลง ลอว์เรนซ์ได้พูดคุยกับฮาระอีกครั้ง จุดนี้แสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการของตัวละครอย่าง ผู้หมวดฮาระ ที่ได้เปลี่ยนไปแล้ว บทสนทนาระหว่างตัวละครสองตัวนี้ จึงเป็นบทสรุปของเรื่องราวทั้งหมด

               Merry Christmas, Mr. Lawrence อาจเรียกได้ว่าเป็นหนังคลาสสิคที่ทำให้เราได้เรียนรู้จากความโหดร้ายในอดีต ถึงอย่างนั้นก็ตาม การเลือกนำเสนออย่างตรงไปตรงมาของหนังเรื่องนี้ทำให้เรารู้สึกว่าประเด็นต่างๆ ในเรื่องไม่ได้ล้าสมัยไปเลยแม้แต่น้อย

       รู้หรือไม่ ?

• หนังเรื่องนี้เป็นการแสดงบทบาทครั้งแรกของ Ryuichi Sakamoto ในฐานะนักแสดงและผู้ประพันธ์เพลงประกอบภาพยนตร์ ซึ่งภายหลังได้กลายเป็นผลงานที่โด่งดังที่สุดชิ้นหนึ่ง
• แม้ว่าหนังจะได้รับการตอบรับที่ดี แต่หนังเรื่องนี้กลับถูกแบนโดยชาวญี่ปุ่นชาตินิยมด้วยสาเหตุที่ว่าตัวหนังได้กล่าวถึงความโหดร้ายของทหารญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
• หนังเรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากนิยายเรื่อง The Seed and The Sower ของ Laurens van der Post

 ช่องทางรับชม  MUBI, Documentary Club Thailand