เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
feel something in a songdream me
Feel something in a song EP.1 : venom by stray kids


  • *บทความนี้ถูกเขียนขึ้นด้วยความรู้สึกส่วนตัวของผู้เขียน ไม่มีเจตนาจะพาดพิงผู้ใด ไม่มีเจตนาจะทำให้ศิลปินเสื่อมเสียชื่อเสียงแต่อย่างใด*

    0.00
    เปิดมาด้วยเสียงดนตรีแปลกๆแบบที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน ความรู้สึกแรกหลังได้ยินคืออึดอัดมาก นอกจากจะเป็นเพราะเสียงที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน น่าจะเป็นเพราะความสงสัยด้วยว่ามันเป็นเสียงอะไรกันแน่ ยิ่งมาพร้อมเสียงต่ำสุดของฟีลิกซ์ก็ยิ่งทำให้เราสงสัยในช่วงเวลาไม่กี่วินาทีของเพลงนี้หนักขึ้นไปอีก 
    0.21
    ยังไม่ทันหายงงจากกระสุนท่อนฮุคที่ยิงเข้ากลางแสกหน้า ท่อนแรพของชางบินก็ตามมาทันที ความงุนงงของเราก็เพิ่มหนักขึ้นไปอีก ท่อนฮุคก่อนหน้านี้แทบไม่มีอะไรเลยนอกจากคำว่าใยแมงมุมกับเสียงดนตรีแปลกๆ แม้ว่าท่อนแรพในท่อนนี้จะไม่ได้รัวเร็วราวกับปืนกลเหมือนทุกที แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้ความเคลือบแคลงของเราหายไปแม้แต่น้อย โชคดีที่ยังพอมีคำว่า criminal คำเดียวที่เหมือนทุกอย่างถูกหยุดเอาไว้ให้เราได้ตกใจเล่นๆ แค่เสี้ยววินาที ตามมาด้วยเสียงดนตรีแปลกๆจากต้นเพลงที่ถี่กระชั้นยิ่งขึ้น ทำเอาเราเผลอหยุดหายไปไปนิดหนึ่ง ความรู้สึกเหมือนกำลังอยู่บนรถไฟเหาะที่กำลังดิ่งลง
    0.34
    ท่อนช้าของซึงมินที่จู่ๆก็โผล่มา ทำให้เรารู้สึกเหมือนรถไฟเหาะที่กำลังแล่นอยู่บนรางราบเรียบ แต่ข้างหน้ากลับมีแต่ความมืดเพราะเราไม่สามารถคาดเดาอะไรได้ว่าอะไรจะโผล่มา เสียงดนตรีประหลาดที่ได้ฟังมาตั้งแต่ต้นหายไปแทบจะในทันทีที่ท่อนแรพของชางบินจบลง มีแค่เสียง acappella ดนตรีที่ช้าลงมาหน่อย และเสียงเลเซอร์อะไรสักอย่างอยู่เบื้องหลัง 
    แต่ท่อนของลีโนวที่ตามมา ดนตรีกลับเปลี่ยนไปกะทันหันเหมือนเป็นคนละเพลง ทั้งรวดเร็ว ดุดัน และถี่กระชั้นมากขึ้น ดึงความรู้สึกของคนฟังอย่างเราให้ hype มากขึ้น ยิ่งตามมาด้วยท่อน bridge ของบังชานและไอเอ็น เรารู้สึกเหมือนรถไฟเหาะกำลังจะขึ้นสู่จุดสูงสุดอีกครั้งหนึ่ง และแน่นอนว่าครั้งนี้เราคาดเดาได้ว่าเส้นทางข้างหน้าเราจะเจอกับอะไร
    ( แต่เชื่อไหม ในคำสุดท้ายของท่อนอย่างคำว่า now เรายังมีความหวังเล็กๆอยู่นะว่า สิ่งที่ตามมาอาจจะไม่ใช่ฮุคก็ได้ ยังจะอุตส่าห์หลอกตัวเองเนอะ )
    1.02
    ท่อนฮุคกลับมาอีกครั้ง ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ไปจากท่อนเปิดเพลง ดนตรีแปลกแต่ติดหูชนิดที่สลัดไม่ออกไปเป็นวันแบบเดิม ความรู้สึกอึดอัดเหมือนเดิม แม้จะได้ฟังมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่ก็ลบความรู้สึกอึดอัดปนหงุดหงิดใจเล็กๆอย่างไม่รู้สาเหตุนั่นไม่ได้สักที แต่สิ่งหนึ่งที่ต่างไปคือตรงท่อน got me got me got me ในครั้งนี้ทำให้เรารู้สึกคึกคัก และอดคาดหวังไม่ได้ว่าท่อนต่อไปต้องมีจังหวะรัวเร็วและระทึกใจมากแน่ๆ แต่เวลาเสี้ยวหนึ่งที่เว้นว่างไว้ มีแค่ดนตรีเปล่าๆ ทำให้เราต้องทบทวนความคิดของตนเองอีกครั้ง
    1.20
    ท่อนแรพของฮยอนจินที่ตามมาไม่ได้รัวเร็วชวนให้ระทึกใจเหมือนที่คิดไว้ กลับกัน ยิ่งเพิ่มความรู้สึกอึดอัดให้เรามากขึ้นเป็นทวีคูณ คงเพราะเปิดมาด้วยเสียงกระซิบ pew pew pew ความรู้สึกในตอนนั้นคือ อะไร อยู่ๆก็ปิ้วๆเนี่ยนะ อีกทั้งสไตล์การแรพในเพลงนี้ที่เจ้าตัวใช้เสียงทุ้มต่ำกว่าปกติ ยิ่งส่งให้ดนตรีแปลกประหลาดที่ทำเราอึดอัดมาตลอดเพลงเด่นชัดขึ้นไปอีก
    1.34
    เจ้าเสียงดนตรีนั่นเบาบางลงไปนิดหน่อย ( แต่ก็ยังอยู่ ) ในท่อนแรพของฮันที่ตามมาติดๆ โฟลวรวดเร็ว ให้กลิ่นอายดุดันเล็กน้อยทำให้เราหายใจหายคอได้คล่องขึ้น หลังจากต้องเผชิญกับความงุนงงและสงสัยมาค่อนครึ่งเพลง คิดว่าน่าจะเป็นเพราะสไตล์การแรพของฮันในท่อนตรงนี้ที่ฟังดูคล้ายกับสไตล์การแรพของ stray kids ในเพลงอื่นๆ สร้างความรู้สึกคุ้นเคยให้กับเรา แต่เราก็ไม่ได้อยู่กับความรู้สึกนี้นานนักเมื่อท่อน bridge ที่เราเคยได้ยินกันมาครั้งหนึ่งหวนกลับมาอีกครั้ง และแน่นอนว่าความรู้สึกทุกอย่างยังเหมือนเดิม แต่มีบางสิ่งที่แปลกไป และเราเพิ่งจะนึกได้ในวินาทีสุดท้าย
    2.16
    โดนหลอกอย่างจัง! เราเพิ่งมาเอะใจว่าทำไมครั้งนี้ไม่มีคำว่า now หรือคำไหนที่ให้ความรู้สึกดำดิ่งลงไปเหมือนครั้งก่อนนะ ก็เพราะสิ่งที่ตามมาในครั้งนี้ไม่ใช่ท่อนฮุคยังไงล่ะ แต่เป็นเสียงแรพดุดันของชางบิน ครั้งแรกที่ฟังให้ความรู้สึกเหมือนรถไฟเหาะที่ดูเหมือนจะดิ่งลงตามแรงโน้มถ่วงของโลกด้วยความเร็ว กลับการเป็นการเลี้ยวไปอีกทางแบบที่ผู้โดยสารไม่มีทางคิดฝัน ไม่มีเสียงดนตรีแปลกๆ มีแค่เสียงเบสหนักเท่านั้นก็จริง แต่กลับไม่ได้มอบความรู้สึกปลอดภัยให้กับเราแม้แต่น้อย 'ฉันหนีไม่ได้หรอก จะให้หนีจากที่นี่ไปไหน' ความหมายท่อนของฟีลิกซ์ที่แปลเป็นภาษาไทยสื่อความรู้สึกของเราในตอนนี้ได้ดีทีเดียว ฉันโดนหลอกให้จมจ่อมอยู่กับความอึดอัด สงสัยใคร่รู้ไม่จบไม่สิ้นมาจนเกือบจบเพลงแล้วนะ
    2.31
    ไม่รู้เหมือนกันว่าตั้งแต่ตอนไหน เสียงที่ฟังดูคล้ายสัญญาณเตือนภัยเร่งรัดให้รู้สึกว่าต้องรีบหนีก็โผล่มาร่วมวงกับเสียงเบสที่เร่งความเร็วขึ้นอย่างกะทันหัน แน่นอนว่าทำให้คนฟังอย่างเราอดลุ้น และตื่นเต้นไม่ได้ว่าจะมีอะไรตามมาอีก แม้จะเป็นท่อนของแรพไลน์ไม่ต่างกันกับท่อนก่อนหน้านี้ แต่กลับให้ความรู้สึกต่างกันโดยสิ้นเชิง ถ้าท่อนนี้ฟังดูระทึกใจถึงปานนี้ ท่อนหลังจากนี้อาจจะไม่ใช่ท่อนฮุคก็ได้นี่นา อะไรก็เป็นไปได้เสมอในบทเพลงของ stray kids 
    2.44
    แม้จะหลอกตัวเองว่า สิ่งที่ตามมาอาจจะเป็นอย่างอื่น แต่สัญชาตญาณลึกๆไม่เคยโกหก แม้จะไม่มีการเว้นช่วงให้ดนตรีเปล่าได้บรรเลงใดๆ เราก็รับรู้ได้ในทันที อ่า ฮุคกลับมาอีกแล้วสินะ ความรู้สึกในครั้งนี้แตกต่างออกไป เพราะเราได้ฟังท่อนฮุควนมาเป็นรอบที่ 3 แล้ว เราจึงรู้สึกเหนื่อยหน่ายที่จะคาดเดาว่าอะไรจะตามมาอีก ถ้าจะจบเพลงนี้ด้วยท่อนฮุคก็ไม่รู้สึกแปลกอะไร
    2.59
    ผิดคาด ท่อน outro ของฟีลิกซ์และซึงมินที่โผล่มาในนาทีสุดท้ายจบเพลงนี้ได้อย่างสวยงาม ให้ความรู้สึกเหมือนได้รับการปลดปล่อยจากความสงสัยใคร่รู้ทั้งปวง แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์เริ่มส่องมาที่ผู้โดยสารคนแรกของรถไฟเหาะสาย venom แล้ว เสียงดนตรีแปลกประหลาดยังคงอยู่กับเราจนถึงวินาทีสุดท้าย แต่เสียงกระซิบ got me got me got me ที่มาส่งถึงชานชาลากลับทำให้เราอดไม่ได้ที่จะหันไปมองในอุโมงค์มืดมิดที่เพิ่งผ่านพ้นมา และนั่นก็หมายถึงการกดเล่นเพลงนี้ซ้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ และลบความเคลือบแคลงใจทุกอย่างที่รู้สึกตลอดระยะเวลา 3 นาที 22 วินาที


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in