“มึงจำตอนนั้นที่เราเลิกกันได้ป่ะ มึงว่าผ่านมากี่ปีแล้วนะ”
“สิบกว่าปีน่าจะได้”
(บทสนทนาเริ่มเข้มข้นพอๆกับปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดของเราสองคน)
“ขอโทษนะ ตอนนั้น”
“บางทีอาจจะไม่มีใครต้องขอโทษ และอาจจะไม่จำเป็นต้องหาว่าใครผิด หรือใครถูก เราอาจจะแค่เลิกกัน”
“แล้วมึงคิดว่า เราจะอยู่กันแบบนี้ได้ป่ะ? หมายถึงเอาจริงๆ กูก็ไม่อยากให้มึงหายไป แต่กูเองก็ไม่สามารถที่จะมีพันธะผูกพันธ์ต่อใครได้เลย พูดตรงๆ ว่ากูคงไม่สามารถยับยั้งชั่งใจในความรู้สึกที่มีต่อมึงได้แล้ว แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม กูยังเป็นคนเดิม ยังนิสัยเหี้ยเหมือนเดิม และยังเป็นคนเดิมตอนที่เราเลิกกัน ขอโทษนะ กูว่ากูยังไม่มูฟ”
“ได้สิ ก็ไม่ต้องยับยั้งชั่งใจแล้ว กูเคยลองเก็บความรู้สึกในใจแล้ว ตอนแรกกูเองก็คิดว่าเก็บไว้น่าจะดีกว่า แต่พอผ่านไปนานๆ มันก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้นเลย“
”หมายถึง?“
”กูคิดว่าที่ผ่านมา ทุกอย่างมันจะดำเนินไปตามปกติ เราก็เป็นเพื่อนกัน บางทีก็แค่ความรู้สึกที่มันเกิดขึ้นมา กูก็เก็บมันไว้ เพราะคิดว่าพูดออกไปมันก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร แต่พอการเจอมึงในครั้งนี้ ทำให้กูกลับมาคิดทบทวน และใช่ ทุกครั้งที่เจอมึง ใจกูบางจนอยากจะจูบมึงสักที และอย่าทำแบบนั้นอีก อย่าแสดงท่าทีแบบนั้นอีก เพราะกูเองก็ไม่อยากยับยั้งชั่งใจแล้วเหมือนกัน“
.
.
.
มีคนเคยพูดว่า
ความรักที่ดี ต้องมาพร้อมคนที่ใช่
แต่ถ้าคนที่เคยใช่ กลับมาในเวลาที่ไม่ใช่
มันจะยังนับเป็นความรักได้ไหมนะ
ถ้าครั้งนี้
เราปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ โดยที่ไม่พยายามจะบัญญัติรูปแบบของมันล่ะ?
คุณผู้อ่านคิดว่า
แบบนี้จะยังเป็นความรักอยู่ไหมนะ?
แด่นักรักและนักไม่รู้ว่ารัก
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in