มันเป็นเวลาราวๆห้าทุ่ม รอบตัวเมืองเงียบสงัดจนแทบจะได้ยินเสียงใบไม้ปลิวกระทบพื้น กระแสลมปลิวแผ่วที่กระทบหน้า หรือลมหายใจของคนที่เดินผ่านไปมาในอากาศที่หนาวเย็น
เสียงรองเท้าบูตกระทบพื้นอิฐเบาๆ ก่อนจะเพิ่มเสียงขึ้นเรื่อยๆเหมือนคนที่กำลังกึ่งวิ่งกึ่งเดิน
ลมหายใจหอบเฮือกเสียงดัง ไอเย็นโอบล้อมในขณะที่กลุ่มควันสีขาวหลุดจากริมฝีปากยามหายใจเป็นระยะ ต้านลมเย็นแผ่วจากภายนอก
เธอ ในเสื้อโค้ทยาวสีกรมท่า รัดผมดำหยักศกเล็กน้อยนั่นลวกๆด้วยริบบิ้นผ้าซาตินตัดขอบสีดำที่มีตัวหนังสือฟอนต์เรียบหรูสีขาวเล็กๆถูกปักไว้ มันเป็นชื่อแบรนด์ร้านเครื่องสำอางชื่อดังในย่านควีนสตรีท ร้านที่เธอเพิ่งเริ่มทำงานประจำได้ไม่กี่เดือนในขณะที่ต้องอยู่คนเดียวที่นี่ ถึงจะเงียบสงบ รู้สึกสบายใจในบางครา แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องดิ้นรนเพื่อให้ได้บางสิ่งบางอย่างมา บางครั้งก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้คู่ควรกับสถานที่นี้สักเท่าไหร่ แต่ถ้าจะให้กลับไปในที่ที่เรียกว่า บ้าน แค่คิด..ก็เหมือนมีคนมาบีบคอแรงๆและโดนกระชากตัวไปกระแทกเข้ากับกำแพงจังๆ กระแทกซ้ำแล้วซ้ำเล่า กำแพงยังคงนิ่งไม่ไหวติง ต่างจากจิตใจที่ขาดสะบั้น แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย กว่าจะรู้ตัว รอยร้าวก็ไม่สามารถสมานให้กลับมาดังเดิม
เจ็บ, แต่ก็ควรจะชินชา เธอแสยะยิ้มเฝื่อนๆ นึกสมเพชตัวเองที่ถึงแม้จะเจ็บแต่ก็ยังคงคิดถึง
คิดถึงที่ยังคาดหวังในคำว่าบ้าน ในตัวบุคคล ในความรู้สึกที่เธอไม่มีวันได้
เธอสะบัดหน้าแรงๆไล่ความรู้สึกบีบคั้นชวนอาเจียนให้หลุดลอยไป ปอยผมสยายปลิวแผ่วตามแรงลม กระจัดกระจายไปทั่วกรอบหน้าได้รูปที่ตอนนี้แดงก่ำลามไปถึงจมูกและใบหู ความหนาวเหน็บในช่วงวินเทอร์ ช่างไม่ได้ต่างไปจากความเย็นเยือกในใจของเธอแม้แต่น้อย
วันนี้เธอเลิกงานช้ากว่าปกติ เพราะลูกค้าเยอะจนเต็มร้าน แทบไม่มีเวลาได้แม้แต่นั่งหรือดื่มลาเต้ร้อนกับเบเกิลครีมชีสที่รอเธอจนเย็นชืด กว่าจะทำความสะอาด เช็คของเข้าสต๊อกสำหรับวันรุ่งขึ้น และอยู่ปิดร้านกับรุ่นพี่คนอื่นๆ เข็มนาฬิกาก็บอกเป็นเวลาสามทุ่มเรียบร้อย เธอจึงต้องมานั่งเดินกลับบ้านแทนที่จะได้นั่งรถสาธารณะเหมือนวันก่อนๆ ช่วงใกล้เทศกาลก็เป็นแบบนี้ทุกทีสินะ
แต่อย่างน้อย มันก็เป็นความสุขเล็กๆที่เธออยากกอบเก็บเอาไว้หล่อเลี้ยงใจ มีไม่กี่เหตุผลที่เธอหลงรักงานที่ทำอยู่ตอนนี้ ความรู้สึกกระตือรือร้นเมื่อได้ยินเสียงกระดิ่งจากประตูหน้าร้านและการเห็นแววตาแห่งความสุขของลูกค้าที่เดินออกจากร้าน การได้มีบทสนทนาดีๆกับคนแปลกหน้า มันเป็นอะไรที่เต็มตื้นและเปี่ยมสุขสำหรับเธอ
อย่างในวันนี้ ที่ลูกค้าคนหนึ่งเข้ามาถามถึงผลิตภัณฑ์ที่อยากเซอร์ไพรส์ให้กับแฟนสาวของเขาก่อนเวลาร้านจะปิดทำการในอีกเพียงครึ่งชั่วโมง ผมสีอ่อนชี้ฟูเล็กน้อย เสื้อโค้ทสีน้ำตาลเข้มเปียกปอนไปด้วยเกล็ดหิมะที่ละลายจนติดตามเสื้อของเขากับกระเป๋าสะพายข้างใส่เอกสารใบใหญ่ มืออีกข้างหนึ่งหอบแฟ้มใสเอาไว้ แต่ชายหนุ่มก็ดูไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย ถ้าให้เดา คงรีบวิ่งมาจากที่ทำงานเลยสินะ
“ผม...ไม่รู้ว่าเขาชอบแบบไหน” ชายหนุ่มเอ่ย พร้อมเกาแก้มเบาๆแก้เขิน สองมือประสาน บีบเข้าหากันแน่นพร้อมมองดูนาฬิกาที่ข้อมือไปด้วย
“ไลฟ์สไตล์ของเธอเป็นอย่างไรบ้างคะ อืม..เช่น เธอชอบอยู่บ้านหรือเป็นคนเอนจอยกับการแอคทีฟนอกบ้าน” เธอถามออกไปเพื่อเก็บเป็นข้อมูลเล็กๆ
“ปกติเธอชอบอยู่แต่บ้านเลยล่ะครับ วันๆเธอจดจ่อแต่งานจนไม่มีเวลาดูแลตัวเองเลย เธอยอมอดหลับอดนอนเพื่อให้เจ้านายพอใจกับยอดขายของบริษัท ดื่มกาแฟดำตอนเช้าแค่แก้วเดียวแล้วก็ขึ้นซับเวย์ไปออฟฟิศทันที...” ชายหนุ่มขมวดคิ้วมุ่นแต่เพียงอึดใจก็ยิ้มออกมาน้อยๆ
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ พระเจ้า เธอเข้มแข็งมากเลยละครับ ผมไม่เคยเห็นใครอดทนได้เท่าเธอ คำว่า ยอมแพ้ ไม่เคยปรากฏให้ผมเห็นเวลามองหน้าเธอเลยสักครั้ง เธอเป็นที่รักของเพื่อนร่วมงานและเข้ากับคนอื่นได้ดีเลยจริงๆ”
“และเป็นที่รักของคุณด้วย...” เธอหยอกเย้าจนชายหนุ่มอมยิ้มและพยักหน้าราวกับยอมจำนน
ทำงานมาหลายเดือนแต่เพิ่งเคยเห็นแววตาคนมีความรักชัดๆก็ครั้งนี้เอง มันเปล่งประกายราวกับมีดาวล้านๆดวงอยู่ในนั้น อ่อนโยน มั่นคง แต่เต็มไปด้วยความทะนุถนอม
“อดทนแต่ก็อ่อนโยนสินะคะ งั้นฉันคิดว่าเธอน่าจะชอบกลิ่นของลาเวนเดอร์ผสมกับดอกกระดังงา (ylang ylang) ลาเวนเดอร์จะทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายในวันที่เหนื่อยล้าแต่ขณะเดียวกันกลิ่นของดอกกระดังงาจะให้ความหอมหวานอย่างนุ่มนวล แสดงถึงความมั่นใจในตนเอง มีเสน่ห์ เป็นที่รักของผู้คน ตัดกับความสบายๆของลาเวนเดอร์อย่างลงตัว”
ชายหนุ่มสูดกลิ่น body mist จากข้อมือตนเอง ตาสีอ่อนเบิกกว้างเล็กน้อย
“กลิ่นนี้คือเธอเลยล่ะครับ ถ้าผมหลับตา ผมคิดว่าภาพของเธอคงอยู่หลังเปลือกตาผมตรงนี้เอง... เหมือนเธอกำลังยืนกับผมตรงนี้”
“เพราะมันเป็นกลิ่นที่สร้างจากความปรารถนาดีของคุณที่มีต่อเธอ และตัวตนของเธอที่คุณรักยังไงละคะ”
การได้ช่วยเลือกของที่เหมาะกับบุคลิกของคนสำคัญ การได้เห็นรอยยิ้มปนเขินอายของชายหนุ่มแต่มุ่งมั่น มันก็ทำให้เธอสุขใจไม่น้อย คริสต์มาส, ช่างเป็นช่วงเวลาที่ทำให้คนวนกลับมาเจอกัน ช่วงเวลาที่ผู้คนหลงรัก ช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองกับครอบครัว หรือการหวนคำนึงถึงคนที่อยู่ในความทรงจำ
“เอ๊ะ ทำไมถึงมีบอดี้สเปรย์อีกขวดอยู่ในนี้ล่ะครับ” ชายหนุ่มที่กำลังจะเดินออกจากร้านไปเพียงไม่กี่ก้าว เดินวกกลับมาหาเธอด้วยสีหน้างุนงง
“อ้อ นั่นเป็นของแถมของคุณค่ะ”
“ของผม?”
“ค่ะ.. คุณเลือกของสำคัญอย่างละเอียดอ่อนให้เธอแต่คุณยังไม่ได้เลือกอะไรให้ตัวเองเลย”
ในช่วงเวลาเทศกาล เราต่างมักซื้อของขวัญเพื่อสร้างความประทับใจให้ผู้อื่น แต่กลับหลงลืมไปว่าเราต่างก็ทำงานอย่างหนักในช่วงปีที่ผ่านมา เราทุ่มเท เราตั้งใจ เราเหนื่อยล้า เราทำลายร่างกายด้วยเครื่องดื่มชูกำลังจำนวนมาก ข้ามมื้ออาหารที่จำเป็น เพียงเพื่อให้ได้สิ่งที่เรียกว่า ประสบความสำเร็จ เพราะฉะนั้นเมื่อถึงช่วงเวลานี้ คนที่ควรถูกดูแลและเยียวยาทั้งกายและใจไม่ต่างจากผู้คนที่เรารัก คือ ตัวเราเอง เช่นกัน
เธอเลือกกลิ่นเปปเปอร์มินต์ให้ชายหนุ่ม กลิ่นเย็นๆที่ให้ความกระปรี้กระเปร่า สดชื่น ผสมอย่างดีกับเมล็ดตองกา (tonka) ที่ถูกสกัดเย็นจนได้กลิ่นอะโรมาแสนเข้มข้น มีกลิ่นหวานแต่ไม่เลี่ยนจนเกินไป ได้เบสโน้ตที่ธรรมชาติตามกลิ่นกายของแต่ละบุคคล ถึงเมล็ดตองกาจะถูกใช้อย่างแพร่หลายในการปรุงน้ำหอมของผู้ชายในอดีต แต่ปัจจุบันนั้นกลายเป็นส่วนผสมสำคัญที่นำมาสกัดในน้ำหอมทั่วไป ไม่จำกัดเพศ เป็นกลิ่นที่ใครก็สามารถใช้สร้างอัตลักษณ์ของตนเองได้ เมื่อนำมาผสมกับน้ำมันเปปเปอร์มินต์หรือกลิ่นแนวซิตรัส สัมผัสเย็นๆที่แสดงถึงความแอคทีฟของชายหนุ่ม ก็สามารถสร้างมิติอีกด้านของบุคลิกที่มีเพียงเขาเท่านั้นที่สัมผัสได้ ความเข้าอกเข้าใจและใส่ใจบุคคลที่เขารัก
“ขอบคุณมากนะครับ” เขายิ้มรับถึงจะแสดงท่าทางเกรงใจอย่างไม่ปิดบัง
“ขอให้มีวันที่ดีค่ะ”
จบไปอีกหนึ่งวันที่เหนื่อยล้าแต่เต็มอิ่มไปด้วยความทรงจำดีๆที่เธอหาไม่ได้จากที่ไหน เธอรักความรู้สึกนี้และหวังจะแบ่งปันให้ผู้อื่นยามที่เธอมีโอกาส
ใช้เวลาในการคิดถึงเรื่องวันนี้ ก็พอที่จะลบความรู้สึกลึกล้นของคำว่า บ้าน ไปได้บ้าง เธอสะบัดหัวน้อยๆให้หายจากความง่วงงุน ขาเริ่มอ่อนล้าขึ้นทุกทีและตอนนี้ก็แทบอยากจะกระโจนตัวไปที่หมอนใบนุ่มที่บ้าน การได้อาบน้ำอุ่นๆและห่อตัวในผ้านวมผืนใหญ่ เป็นอะไรที่ดีที่สุดในช่วงอากาศติดลบแบบนี้เลยละ
ไม่นานเธอก็มาถึงประตูไม้เก่าๆ ก่อนมือเรียวจะควานหากุญแจเล็กๆในถุงผ้า
เธอไขกุญแจ ก่อนเดินเข้าไปในห้องที่มีเตียงขนาดสามฟุตกับผนังที่มีรอยแตกเป็นทางยาว ห้องของเธอไม่ได้กว้างแต่มันก็อบอุ่นมากพอ และไม่ได้ราคาแพงเทียบเท่ากับแฟลตในเมือง อย่างน้อยก็ยังเพียงพอที่จะเก็บเงินสำหรับค่าใช้จ่ายอื่นๆรวมถึงค่าเทอมในขณะที่ยังอยู่ที่นี่
เหนื่อย, นั่นคือความรู้สึกแรกที่พุ่งเข้าหาตอนทิ้งตัวลงบนเตียง ก่อนพาดแขนอันสั่นเทากับหน้าผากนวล เธอค่อยๆหลับตาที่หนักอึ้ง การงีบสักเล็กน้อยน่าจะช่วยขจัดความล้าจากการเดินทางกลับบ้านได้บ้าง
แต่ยังไม่ทันได้เข้าห้วงความฝัน ภาพของใครคนนั้นก็ทับซ้อนเข้ามาในหัว
มันสะท้อนและย้อนแย้ง เลือนรางในความคิดแต่กลับเด่นชัดในความทรงจำ สลัวราวกับแสงเทียนเต้นระบำล้อกับความขาวโพลนในหัว โชติช่วงในวันวาน และหวังให้มันมอดไหม้ไปแสนนานแล้ว
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in