MONDAY
7:00 am
pipi pipi! pipi pipi!
“อื่ออ..”
เสียงปลุกจากเพจเจอร์ที่ตั้งไว้หนึ่งชั่วโมงก่อนถึงเวลาเข้าแถวหน้าเสาธงไม่ได้ช่วยทำให้เช้านี้น่าตื่นมากขึ้นเลยแม้แต่น้อย ผมพลิกตัวไปอีกฝั่ง เอื้อมมือไปวางแหมะลงบนไอ้เพจเจอร์เจ้าปัญหาที่วางอยู่บนโต๊ะหนังสือข้างๆเตียงมากดนิ้วสะเปะสะปะหาทางปิดมันโดยที่ยังไม่ลืมตา
แต่แล้วความวุ่นวายยามเช้าที่แท้จริงก็มาถึงเมื่อประตูห้องนอนเปิดดังโครมและเสียงที่ดังลั่นห้องจนรับรู้ได้ถึงสีหน้าของแม่โดยไม่ต้องลุกขึ้นมามองเลยสักนิดเดียว
เอาล่ะ นาฬิกาปลุกชั้นเยี่ยมมาแล้ว...
“ไอ้อิฐ!ไปโรงเรียนได้แล้ว! แล้วนี่ทำไมห้องรกขนาดนี้เนี่ย?! ถ้าวันนี้กลับบ้านมาไม่ทำห้องให้สะอาดม๊าจะเอากีต้าร์แกไปขายเข้าใจมั้ย!!!”
ปัง!
“...”
มนุษย์แม่ก็คือมนุษย์แม่นั่นแหละ
สุดท้ายผมก็ต้องขุดตัวเองขึ้นมาจากเตียงอันแสนสบายและไปเผชิญโลกแห่งความเป็นจริงโดยใช้เวลาเพียงสิบห้านาทีเพื่ออาบน้ำแต่งตัว ชุดนักเรียนของผมเหมือนจะลืมเอาไปให้แม่รีดให้ แต่เอาเถอะ ยังดีที่ไม่ลืมซักล่ะวะ
หลังแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยมั่นใจว่าสัปดาห์นี้ไอ้อิฐ ม.4/3
“ไอ้ตี๋!!
“รู้แล้วม๊า! เสร็จแล้วเนี่ยยยย อย่าเร่งดิ!”
ม๊านะม๊า จะขออวดของเล่นใหม่หน่อยก็ไม่ได้ วัยรุ่นเซ็งสุด
ผมยัดเครื่องเล่นเทปเก็บลงกระเป๋าจาคอปใบแบนๆแล้วจึงรีบเดินออกจากห้องโดยไม่ลืมที่จะนำเพจเจอร์มาเหน็บติดที่เข็มขัดนักเรียนเอาไว้ แน่นอนว่าลืมเรื่องมื้อเช้าวันนี้ไปได้เลย แม่งเอ๊ย หิวข้าวชิบหาย วันจันทร์ที่แสนไม่น่าอภิรมย์
“ไปแล้วนะม๊าป๊า หวัดดี” ผมรีบสวมรองเท้าก่อนที่จะหันไปยกมือไหว้ป๊าที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์และคุณหญิงแม่ที่กำลังวางกับข้าวหอมๆลงบนโต๊ะกินข้าวแต่มองนานไม่ได้ ผมต้องเข้าเกียร์หมาแล้ววิ่งออกจากบ้านตรงไปยังโรงเรียนแล้วตอนนี้
8:10 am
เอาตรงๆนะ
ผมโคตรเกลียดอาจารย์เฉลิมชัยเลยไอ้สัด..
มาสายแค่สามนาที
สามนาที!
ทำไมต้องมาปั่นจิ้งหรีดตั้งสามสิบครั้งด้วยวะ โอ๊ยยย โคตรปวดหัว…
21
22
23
“น้อง”
24
25
26
จะอ้วก..
“น้องๆ”
27
28
“ซาวน์เบ้าท์เท่ดี”
…
อ๋อ เรียกผมเหรอ ผมสินะ.. ได้ยินแบบนั้นก็หันไปมองต้นเสียงทันทีเพราะคีย์เวิร์ด
แต่วินาทีที่ได้สบตากับคนที่ถูกทำโทษข้างหลังแม่ง… เหมือนกับโลกหยุดหมุนหัวผมก็หยุดหมุน เหมือนเมื่อกี๊ไม่ได้จะอ้วกกับการปั่นจิ้งหรีดอยู่ เฉลิมชัยเอาอะไรมาฟาดหัวผมหรือเปล่าเหมือนมันชาๆไปหมดเลยว่ะ เหน็บกินสมองเหรอวะ ว่าไปนั่น คงเพราะคนตรงหน้าแน่ๆ...
ว่าแต่
.
.
.
ผมปั่นจิ้งหรีดไปกี่รอบแล้วนะ
“เอ้า อินทัช หยุดทำไม เริ่มใหม่ ปั่นจิ้งหรีด
ไอ้สาดดดดดดดดดด
12:08 pm
“ก็คือมึงจะบอกว่ามึงชอบรุ่นพี่คนนั้น? ถูกมั้ย?”
“ก็ใช่แต่ไม่รู้ว่ารุ่นพี่จริงมั้ย หน้าเด็กมากเลยว่ะแมน”
“ก็เขาเรียกมึงน้องน่าจะม.6ปะ ถึงได้กล้าเรียกคนที่ไม่รู้จักว่าน้องอะ”
“เชี่ยเอ๊ยยย ชั้นไหนห้องไหนวะ อยากเจออีกอะ”
ผมนั่งขยี้หัวตัวเองอย่างว้าวุ่นอยู่บนโต๊ะหน้าร้านข้างแกงป้าต้อย ข้าวก็สั่งมาแล้วแต่แสนจะไม่มีอารมณ์กิน ในหัวคิดถึงแต่พี่คนเมื่อเช้าเลยได้แต่พร่ำกรอกหูไอ้แมนถึงความน่ารักของคนๆนั้น แต่เมื่อเงยหน้ามองหน้าไอ้แมนที่กำลังหยิบเพจเจอร์ของตัวเองขึ้นมาเปิดอ่านข้อความ แล้วพออ่านจบมันก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เหมือนทุกครั้ง
รับรู้ได้เลยว่ามึงไม่ได้โฟกัสที่กูอีกแล้ว...
“กูไปตู้โทรศัพท์นะ” ไอ้แมนลุกขึ้นจากเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามตาของมันยังไม่ละจากเพจเจอร์เลยแม้แต่นิดเดียว นั่นก็ชัดแล้วว่ามันกำลังมีความสุขมากจนอดแซวไม่ได้
“1500 อีซี่คอลสวัสดีค่า~ส่งข้อความไปที่ไหนคะ?” ผมดัดเล็กๆเหมือนเสียงคอลเซนเตอร์ที่ได้ยินบ่อยๆ
จะว่าไปก็นานแล้วเหมือนกันที่ไม่ได้ส่งข้อความไปหาใครเลยจะส่งให้ไอ้แมนบ้านมันก็อยู่ถัดไปแค่สองหลัง ส่วนข้อความก็เข้ามาเรื่อยๆทั้งกลอนบอกรัก เพลง จนผมชักจะส่งสัยว่าคนเอาเบอร์เพจผมมาจากไหนกันเยอะแยะ
“มีบัตรเสือกมั้ยคะ?ถ้าไม่มีก็หุบปากไปค่าาา” ไอ้แมนตอบกลับมาทำเอาผมหัวเราะร่วนอย่างชอบอกชอบใจ
ว่ากันตามตรงก็รู้ๆกันอยู่ว่ามันจะไปส่งข้อความหาเจนแฟนสาวจากโรงเรียนหญิงล้วนชื่อดังที่ไม่รู้ว่ามาหลงชอบไอ้แมนได้ยังไงเหมือนกัน อะ ให้พูดแบบไม่หมั่นไส้มัน ไอ้แมนมันก็หน้าตาดีอยู่ ตากลมแต่เฉียบคม ตัวก็ผอมๆแต่ไหล่ดันกว้าง แหงล่ะ มันเป็นนักฟุตบอลของโรงเรียนเลยนี่หว่า โอเค ก็ไม่แปลกที่สาวระดับโรงเรียนหญิงล้วนจะมาชอบมัน
สุดท้ายก็ลงเอยด้วยผมที่ต้องนั่งเขี่ยกะเพราหมูสับไข่ดาวอยู่คนเดียวแหงล่ะว่าไอ้แมนคงไม่กลับมาแล้วเพราะสนามบอลอยู่ใกล้ๆตู้โทรศัพท์นิดเดียว มันก็คงไปเล่นบอลต่อของมัน ทีมเล่นไม่เป็นอย่างผมก็คงต้องนั่งเอื่อยฟังเพลงตรงนี้จนหมดพักเที่ยง
งี้แหละครับชีวิตเด็กผู้ชายสนิทกันแค่ไหนก็ไม่ได้ตัวติดกันเป็นตังเมหรอก ว่าแล้วก็หยิบเจ้าของเล่นใหม่ออกมาจากกระเป๋านักเรียนคลายสายหูฟังที่พันกับตัวเครื่องอยู่มาเสียบและกดเล่นเพลง เหมือนจะเป็นเพลงที่สามแล้วตั้งแต่เช้าสินะ
‘เธอไม่ต้องกังวลเธอไม่ต้องเกรงใจ
ความรักที่ฉันฝากไว้ เป็นเรื่องง่ายกว่านั้น…’
โอ้โหจังหวะนี้มันต้องแกะคอร์ดละปะวะ
เข้าใจคำพูดที่ว่า ฟังเพลงรักเพลงก็เห็นเป็นหน้าเขาไปหมดเลย แล้วว่ะตอนนี้
เร็วไปเปล่านะ ไม่หรอกความรักมันไม่เข้าใครออกใคร เมื่อเช้าผมยังไม่อยากมาโรงเรียนอยู่เลย แต่ตอนนี้...
ตึก..
เสียงและแรงสะเทือนเล็กๆบนโต๊ะทำให้ผมลืมตาขึ้นมาจากการนั่งเท้าคางหลับตาฟังเพลง ซึ่งก็ต้องทำให้ดวงตาเบิกกว้างขึ้นมากยิ่งกว่าเดิมเมื่อคนตรงหน้าคือคนที่อยู่ในหัวผมมาตั้งแต่เช้า
ใบหน้าขาวนวลเหมือนคนที่ไม่เคยโดนแดดทำเอาผมอดกลืนน้ำลายไม่ได้ถ้าได้สัมผัสจะนุ่มนิ่มแค่ไหนวะ พอเลื่อนไปมองที่ใบหน้าน่ารักๆนั่นผมก็เห็นใต้ตาขวาที่มีขี้แมลงวันอยู่หนึ่งจุดเป็นจุดเล็กๆที่โคตรมีเสน่ห์ ไหนจะขนตายาวงอนนั่นอีกที่ยิ่งขับให้ดวงตากลมของพี่เขายิ่งสวยมากขึ้นไปเป็นร้อยเท่า
“นั่งด้วยได้ปะเนี่ย? มองตาแข็งเชียว” คนตรงหน้าเลื่อนมาสบตาผม เมื่อทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามดวงตากลมๆนั่นแปรเป็นพระจันทร์เสี้ยวเมื่อส่งยิ้มเป็นมิตรมาให้
ไม่ไหวว่ะ
โคตรแพ้ทาง
“อื้อ ได้ดิ”
“โหย นี่รุ่นพี่นะทำไมตอบห้วนอะ คิดว่าเท่อ่อ?”
ใบหน้าหวานเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งแล้วหยักรอยยิ้มมุมปากอย่างท้าทาย กวนตีนตามประสาเด็กผู้ชายนั่นแหละ ผมใช้จังหวะนั้นลอบสังเกตริมฝีปากสีชมพูธรรมชาติตรงหน้าแล้วก็ได้แต่นึกชื่นชมอยู่ในใจว่าทำไมถึงมีรูปปากที่สวยขนาดนี้นะถ้าได้สัมผัส…
“นี่ มองไรอะ?”
“..เปล่า”
“ไม่อยากคุยเหรอ?พี่ไปก็ได้นะ”
คนฝั่งตรงข้ามวางช้อนส้อมลงแล้วถือจานทำท่าจะลุกออกไปนั่นทำให้มือของผมไปไวกว่าความคิดรีบตรงไปคว้ารั้งข้อมือนิ่มๆของอีกฝ่ายเอาไว้
พูดอะไรดีวะ
อย่างน้อยรู้ชื่อก่อนก็ยังดี
“พี่ชื่ออะไร?” ใบหน้าสวยเลิกคิ้วขึ้นอย่างออกจะแปลกใจเล็กๆกับคำถามของผม แต่เพียงไม่ถึงวินาทีรอยยิ้มกว้างๆกับพระจันทร์เสี้ยวก็ผุดขึ้นบนดวงหน้าอีกครั้ง
“นึกว่าไม่อยากรู้จักกันซะอีก สวัสดี พี่ชื่อเจ๋ ยินดีที่ได้รู้จักนะ” มือเล็กข้างเดียวกับที่ผมจับข้อมือไว้บิดเพื่อคลายออกจากการจับกุมของผมก่อนจะเปลี่ยนเป็นมาจับมือไว้แทน
โคตรนิ่ม
โคตรขาว
ไม่เคยเจอใครน่ารักขนาดนี้
แม่งเอ๊ยอยู่ในโรงเรียนมาตั้งกี่ปี ทำไมไม่เคยเจอวะ
ขนาดพวกผู้หญิงในโรงเรียนยังไม่น่ารักเท่าพี่เจ๋เลย
เขาจะรู้ตัวบ้างมั้ยว่าการที่ตัวเองเกิดมาทำให้หัวใจคนมันพองโตมากขนาดนี้
จีบได้ปะวะผู้ชายก็ผู้ชายเถอะ
“อื้อ สวัสดีพี่เจ๋ ผมอิฐ”
เอาวะไม่ใช่คนนี้ก็ไม่ใช่คนไหนแล้ว
4:42 pm
ผมยืนเอารองเท้านันยางโทรมๆเขี่ยดินไปมาตรงหน้าโรงเรียนอยู่เกือบชั่วโมงแล้วนักเรียนหลายๆคนทยอยกลับบ้านกันจนเหลือแค่อาจารย์บางคน ไอ้แมนเองก็กลับไปตั้งแต่ออดยังไม่หยุดดังแน่นอนว่าเพราะนัดเจอกับเจนไว้แน่ๆ จะว่าไปผมเองก็ไม่เคยเจอเจนเลยสักครั้ง อยากจะรู้เหมือนกันว่าน่ารักขนาดไหนถึงมัดใจไอ้บ้าฟุตบอลอย่างแมนได้ขนาดนั้น
แต่... เอาเป็นว่าให้ไอ้แมนรอดจากว่าที่พ่อตาสุดโหดก่อนแล้วกัน ทุกวันนี้โทรเข้าที่บ้านยังต้องดัดเสียงเป็นเพื่อนผู้หญิงอยู่เลย
“อ้าว อิฐมาทำอะไรตรงนี้ ยังไม่กลับบ้านเหรอ?” เสียงที่เพิ่งคุ้นเคยแต่โคตรตรึงอยู่ในใจดังขึ้นเรียกให้ผมหันไปมองพี่เจ๋แล้วส่ายหัวไปมาเป็นคำตอบ
ถึงผมจะถามพี่เจ๋และรู้ตั้งแต่พักเที่ยงแล้วว่าเจ้าตัวอยู่ม.
“มีอะไรจะให้”
ผมพูดไปก็ก้มหน้าเปิดกระเป๋าจาคอปที่ถือไว้เพื่อหยิบเครื่องเล่นเทปออกมายื่นให้พร้อมบัตรใบหนึ่งทำ
เองเลยนะเว้ย ไม่ใช่อะไร... หาซื้อไม่ทัน
“หือ เอามาให้ทำไมอะ?”
ถึงจะพูดแบบนั้นแต่พี่เจ๋ก็รับไปแต่โดยดีมิหน้ำซ้ำยังทำท่าจะหยิบบัตรไปอ่าน ทำเอาผมต้องรีบยกมือห้ามไว้ก่อน โอ๊ย อย่าได้เปิดอ่านตรงนี้เลยเถอะ ผมยังไม่พร้อม ไม่ว่ารีแอคชั่นของเขาจะเป็นยังไงก็ตามแต่ถ้าพี่เขามาต่อยผมพรุ่งนี้ ก็ไว้อาลัยทั้งตัวกูทั้งความรักไปได้เลย
“อย่าเพิ่งอย่าเพิ่งอ่านนะ ฟังอิฐก่อนนะพี่เจ๋”
ผมสูดหายใจเข้าลึกๆท่องยุบหนอพองหนอไปหลายรอบกว่าจะค่อยๆกลั่นกรองคำพูดออกมาให้ดูดีที่สุดได้
“อื้อ ว่ามาดิ”คนน่ารักพยักหน้าและสบตาผมอย่างตั้งใจฟัง
“ซาวน์เบ้าท์…
ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างลำบากรู้สึกว่าอยู่ๆปากก็หนักๆตึงๆมาซะดื้อๆ ไม่ป๊อดสิวะไอ้อิฐ มาขนาดนี้แล้ว
“บัตรนั่นเปิดดูที่บ้านนะ แล้วก็ อย่าลืมทำตามเงื่อนไขในบัตรด้วยรู้เปล่า”
“ทำไมต้องดูที่บ้านอะชักอยากรู้ละเนี่ย” ถึงจะตอบแบบนั้นแต่เจ้าตัวก็ดันหัวเราะออกมายิ้มๆแล้วพยักหน้าอีกครั้งแทนการตกลง
“เออหน่า.. ป-
ถึงจะเหลือบเห็นคนตรงหน้าแอบหัวเราะคิกคักกับท่าทีประหลาดๆของผมแต่สุดท้ายผมก็รีบหันหลังวิ่งออกจากโรงเรียนไปโดยมีเสียงจากคนข้างหลังตะโกนส่งมา
“บ๊ายบายนะอิฐเจอกันพรุ่งนี้นะ!”
แม่ง แม่ง แม่ง แม่งอย่าหันไป อย่าหันไปนะไอ้อิฐ!
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
เอาจริงๆมันก็แต่งยากเหมือนกันนะ
ผิดพลาดตรงไหนขออภัยด้วยนะคะ แหะ
แมนเจนคือมินโน่ชั่ยมั่ยชั่ยคะไรท์!!